“กระทรวงเวทมนตร์ แห่งประเทศไทย”
ประเทศไทยเคยมีกระทรวงเวทมนตร์กับเขาด้วยหรอเนี่ย !!!
ภาพโดย Predra6_Photos จาก Pixabay
กระทรวงเวทมนตร์ที่เราเคยได้ยินได้ดูกันในหนังเรื่องต่าง ๆ ใครจะไปเชื่อว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยมีกระทรวงเวทมนตร์เป็นของตัวเอง ใช้ในการควบคุมการใช้เวทมนตร์ต่าง ๆ ทั้งของประชาชน และในส่วนงานต่าง ๆ ของประเทศ สังเกตได้ว่าในหนังย้อนยุคย้อนสมัยของไทยมักจะมีการสอดแทรกการใช้เวทมนตร์อาคม การใช้ไสยเวทย์เป็นเรื่องปกติ และใช้ได้โดยทั่วไป เช่น ในเรื่อง บุพเพสันนิวาส แม่หญิงการะเกดที่สามารถหายตัวได้ เป็นต้น จากการใช้เวทมนตร์อาคมที่แพร่หลายจึงไม่น่าแปลกใจที่จะต้องจัดตั้งหน่วยงานเวทมนตร์ขึ้นมาเพื่อควบคุม พิจารณา สอบสวน สืบสวน และตัดสินการใช้งานเวทมนตร์ให้อยู่ในความเหมาะสม
กระทรวงเวทมนตร์แห่งประเทศไทยที่จริงแล้วมีชื่อว่า “กระทรวงแพทยาคม” โดยคำว่า “แพทย” มีความหมายว่า แพทย์รักษาโรค ผสมกับคำว่า “อาคม” ที่แปลว่าเวทมนตร์ เมื่อรวมกันแล้วจึงแปลได้ว่า “หมอรักษาโรคเกี่ยวกับเวทมนตร์”
กระทรวงแพทยาคมในประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจัดตั้งขึ้นเมื่อไหร่ สมัยใด แต่ในสมัยอยุธยาที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของการใช้อาคม หรือไสยเวทย์ต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเขมร เมื่อมีการใช้เวทมนตร์กันอย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าเวทมนตร์คุณไสยที่ชั่วร้ายก็สร้างปัญหาเป็นอย่างมากให้กับประชาชนในสมัยนั้น ในสมัยพระเจ้าอู่ทอง พระเจ้าทรงธรรม มีปรากฎการกล่าวถึงกระทรวงแพทยาคมอยู่ ว่าด้วยเรื่องกฎหมายหลายมาตรา รวมไปถึงการจัดตั้งศาลพิจารณาคดีที่ใช้พิพากษาคดีที่เกี่ยวกับอาคม คุณไสยโดยเฉพาะ
หน้าที่ของกระทรวงแพทยาคมมีหน้าที่พิจารณา ไต่สวนคดีความที่เกี่ยวกับไสยเวท อาคม คุณไสย ต่าง ๆ เช่น เสน่ห์ยาแฝด รีดลูก การทำร้ายคนด้วยผีหรือไสยเวทต่าง ๆ รวมไปถึงการถูกกล่าวหาว่าเป็นกระสือ กระหัง ปอบ เป็นต้น โดยในกระทรวงหรือศาลแพทยาคมจะมีผู้เชี่ยวชาญทางด้ายเวทมนตร์ อาคม ไสย์เวท เรียกว่า “วิทยาคม” (วิทยา แปลว่า ความรู้ ส่วน อาคม แปลว่า เวทมน รวมกันจึงมีความหมาว่าผู้มีความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์) ซึ่งเป็นตุลาการสอบสวนและพิจารณาคดีในแต่ละคดี และตัดสินการลงโทษกับผู้ที่ใช้ไสยเวทเพื่อทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
*บางท่านอาจจะเข้าใจผิดว่าวิทยาคมที่ใช้กันกับชื่อโรงเรียนต่าง ๆ จะเกี่ยวกับเวทมนตร์ จริง ๆ แล้วคำว่า อาคม มีอีกความหมายว่า การมาถึง*
ด้วยยุคด้วยสมัยกระทรวงหรือศาลแพทยาคมที่ก่อตั้งมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยอยุธยาจนมาถึงในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้โดนลดและบั่นทอนบทบาทหน้าที่ความสำคัญลงมาเรื่อย ๆ จากกระทรวงแพทยาคม กลายมาเป็นกรมแพทยาคมในสมัยรัชกาลที่ 3 ในปี 2380 จนเดินทางมาถึงจุดจบในสมัยรัชกาลที่ 5 ในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2434 ได้มีการยุบกรมหรือศาลแพทยาคมลง เนื่องจากในยุคนั้นวิทยาศาสตร์และวิทยาการต่าง ๆ จากชาติดตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทกับประเทศไทยอีกทั้งชาวตะวันตกมองว่าเรื่องเวทมนตร์เป็นเรื่องเหลวไหล ไม่มีความน่าเชื่อถือ ล้าหลัง และไม่ทันสมัย ผนวกกับในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีนโยบายปฏิรูปศาลต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจได้ ดังนั้นการยุบกรมแพทยาคมจึงเป็นหนึ่งในการพิสูจน์ให้เห็นถึงความไม่ล้าหลังของประเทศ และเป็นที่ยอมรับในประเทศมหาอำนาจในเวลาต่อมา
ไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยให้ความสำคัญกับเรื่องเวทมนตร์จนต้องก่อตั้งเป็นกระทรวงแพทยาคมขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ลองคิดเล่น ๆ ดูว่าถ้าสมัยนี้ยังมีกระทรวงแพทยาคมอยู่ คงจะนึกภาพตัวเองไม่ออกที่จะต้องเข้าไปให้การต่อหน้าศาล ที่มีวิทยาคมเป็นตุลาการ ให้ความเรื่องเวทมนตร์ ไหนจะต้องจ้างทนายเวทมนตร์อีกหล่ะ คิดภาพไม่ออกเลยจริง ๆ อย่างไรก็ตามเรื่องเวทมนตร์ความเชื่อต่าง ๆ ยังมีอิทธิพลจนมาถึงในโลกปัจจุบัน ที่แสดงให้เห็นอยู่ในพิธีกรรมต่าง ๆ ในหลากหลายชนชั้น
ภาพโดย Ann_Milovidova จาก Pixabay
สุดท้ายนี้ความเชื่อในเรื่องเวทมนตร์ก็ควรปล่อยไว้ให้เป็นความเชื่ออยู่อย่างนั้นแหละ หรือจะมองเป็นเรื่องเล่าเพื่อสร้างความบันเทิงในโลกปัจจุบันก็ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องหาคำตอบหรือพิสูจน์ความจริงอะไรกับมันอีกแล้วหล่ะ
หากชอบและอยากอ่านเรื่องราวแบบนี้อีกอย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม หรือคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันหน่อยน้าาาา
Written by TAN A-ROUND
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
