"Lamborghini"ต้องแตกต่าง ต้องดีกว่า "Ferrari"ให้ได้!!
เด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ เอนโซ่ เฟอร์รารี่ (Enzo Ferrari) เขาเป็นลูกชายคนที่ 2 ของ CEO บริษัทผลิตเหล็กในอิตาลีและจึงเป็นทายาทรุ่นที่สองด้วย พ่อของเขาปวดหัวกับลูกชายคนนี้มาก เพราะเขาไม่มีความคิดที่จะสานต่อกิจการและมัวแต่บ้าอยู่กับรถ ถึงขนาดที่ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะอยู่ติดบ้าน เมื่อพ่อของเขาคิดว่าไม่อาจปล่อยไว้เช่นนี้ได้จึงจัดการขั้นเด็ดขาดโดยหยุดสนับสนุนเรื่องเงินแก่ลูกชายของเขา
ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของ Ferrari เมื่อพ่อตัดขาดเรื่องเงินกับเขา เอนโซ่ เฟอร์รารี่ ก็เริ่มผลิตรถยนต์เพื่อรวบรวมเงินทุนไปใช้ในการแข่ง เขาผลิตรถและลงแข่งอย่างบ้าคลั่งเพื่อเอาชนะสายตาที่ดูแคลนของพ่อ รถของเฟอร์รารี่ขนะการแข่งขันทุกปีจนกลายเป็นที่รู้จัก เริ่มตั้งแต่ F1 ในปี พ.ศ. 2493 แม้ปัจจุบันเอนโซ่ เฟอร์รารี่ จะได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ Ferrari ก็คงสานต่อความต้องการของเอนโซ่ผู้ก่อตั้ง โดยเป็นแบรนด์เดียวที่ไม่เคยพลาด F1 เลยสักครั้ง
มีผู้ชายอีกคนหนึ่งชีวิตตรงข้ามกับเอนโซ่ เฟอร์รารี่ ที่รวยแต่กำเนิด โดยสิ้นเชิง ผู้ชายคนนี้รวยมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขาคือ เฟร์รุชโช ลัมโบร์กินี (Ferruccio Lamborghini) ลัมโบร์กินีเป็นลูกของชาวนายากจน เขาเริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกงานแผนกเครื่องจักรกล ได้ลองผิดลองถูกและเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จนวันหนึ่งเขาจึงได้ลงมือทำรถแทรกเตอร์เพราะคิดว่าน่าจะนำมาใช้ในการเกษตรได้ แล้วรถแทรกเตอร์นี้ก็ได้นำโอกาสอันดีมาให้เขา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีอยู่ในช่วงฟื้นฟูประเทศ จึงจำเป็นต้องใช้รถแทรกเตอร์อย่างเร่งด่วน รถแทรกเตอร์ของลัมโบร์กินีสร้างและปรับรูปแบบมาจากรถขนส่งทหารเก่า รถของเขาขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนั้นลัมโบร์กินีที่เป็นเจ้าแห่งรถแทรกเตอร์ก็เริ่มสนใจในรถสปอร์ต และแน่นอนว่ารถของเฟอร์รารีต้องอยู่ในสายตาของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสังเกตุเห็นข้อเสียทางกลไกของเฟอร์รารี่ เขาก็เขียนจดหมายถึงเฟอร์รารี่ทันทีตามนิสัยของเขา โดยบอกว่ามีปัญหาตรงไหนที่อยากให้แก้ไข แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำตอบที่เย็นชาว่า คนทำรถแทรกเตอร์อย่ามาพูดเรื่องรถสปอร์ตเลยดีกว่า
ลัมโบร์กินีโกรธและเดินทางไปขอเข้าพบเฟอร์รารี่ เขาต้องนั่งรอเป็นเวลานานอยู่หน้าประตูสำนักงาน ซึ่งสุดท้ายแล้วประตูก็ไม่เปิดต้อนรับเขาเข้าไป ลัมโบร์กินีผู้ถูกปฏิเสธตั้งแต่หน้าประตู ได้เก็บความไม่พอใจอย่างมากเอาไว้แล้วกลับไปบ้าน ด้วยการถูกปฏิเสธในครั้งนั้น ทำให้เขาก่อตั้งโรงงานผลิตรถสปอร์ตขึ้น และดึงตัวพนักงานของเฟอร์รารี่มาทำงานให้เขา เช่น จอตโต บิซซาร์รินี่ (Giotto Bizzarrini) จาน เปาโล ดาลลารา (Gian Paolo Dallara) เปาโล สตานซานิ (Paolo Stanzani) ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความสามารถยอดเยี่ยมทั้งนั้น ลัมโบร์กินีได้เน้ย้ำเงื่อนไขเพียงข้อเดียวแก่พวกเขา "ต้องทำให้แตกต่างและดีกว่าFerrari"
คำสั่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้รถของทั้งสองยี่ห้อแตกต่างกันอย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่เรื่องดีไซน์ รถของ Ferrari มีลักษณะโค้งมนเหมาะสมกับที่เป็นรถแข่ง แต่รถของ Lamborghini มีเอกลักษณ์ที่ดูแข็งทื่อจากเส้นตรง จึงเห็นได้ว่าทั้งสองยืนยันและตั้งใจที่จะวิ่งสวนทางกัน เมื่อ Ferrari ใช้เกียร์ 4 ระดับ Lamborghini ใช้ 5 ระดับ และเมื่อ Ferrari ใช้เครื่องยนต์แบบ SOHC (single overhead cam) Lamborghini เลือกใช้ DOHC (Double overhead cam)
Lamborghini ที่จะต้องแตกต่างกับ Ferrari อย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น ล่าสุดได้เพิ่มความต่างด้วยวิธีการวางเครื่อง โดยใช้วิธีวางไว้ตรงกลางตัวรถ (midship engine) ซึ่งรถโดยทั่วไป จะวางเครื่องไว้ที่กระโปรงหน้า แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดที่ตรงกันข้ามอย่างน่าตกใจ เพราะหากวางเครื่องไว้ที่ส่วนหน้าหรือส่วนหลังศูนย์กลางของน้ำหนักก็จะสูญเสียความสมดุล ที่ผ่านมา Lamborghini คอยแต่วิ่งไล่ตาม Ferrari แต่ภายหลังเมื่อ Ferrari ซื้อเทคนิคการวางเครื่องรถยนต์ที่กลางตัวรถไปใช้ จึงนับว่าเป็นครั้งแรกที่ความปิติแห่งชัยชนะทางเทคโนโลยีมาสู่ Lamborghini
การแข่งขันที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา ของแบรนด์ทั้งสองส่งผลให้เกิดการพัฒนาของรถสปอร์ต Lamborghini ที่แข่งขันกับ Ferrari ด้วยการสร้างความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ถ้า Lamborghini ต้องการเอาชนะ Ferrari แค่ในเชิงธุรกิจก็ทำได้ด้วยการเลียนแบบ แต่เพราะ Lamborghini ต้องการเอาชนะ Ferrari ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งทางธุรกิจ เทคโนโลยีและปรัชญา Lamborghini จึงต้องเอาชนะด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ต่างจาก Ferrari อย่างสิ้นเชิงในทุกๆด้าน
"Lamborghini"ต้องแตกต่าง ต้องดีกว่า "Ferrari"ให้ได้!!
ที่มา: หนังสือ ขายเนื้อให้เหมือนหลุยส์วิตตอง
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
