24 ก.พ. 2021 เวลา 11:30 • ความคิดเห็น
ชาลส์ ดาร์วิน เคยกล่าวไว้ว่า It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent that survives. It is the one that is the most adaptable to change. แปลได้ว่า ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุดหรือฉลาดที่สุดถึงจะอยู่รอดได้ หากแต่เป็นผู้ที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดถึงจะอยู่รอด
“การมีคู่แข่งขัน จะทำให้เราพัฒนา” หลายท่านคงเคยได้ยินประโยคนี้ ซึ่งก็ถูกครับ ถ้าเราไม่มีคู่แข่งมาเปรียบเทียบเราจะไม่มีทางทราบได้เลยว่าเราทำดีพอแล้วหรือยัง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการประเมินแบบ KPI ถ้าคะแนนประเมินเราได้ 70 แต่เพื่อนร่วมงานเราได้ 75 เราจะรู้ทันทีว่า เราจะได้โบนัสน้อยกว่าเพื่อนแน่ๆ (ฮา ฮา) ไม่ใช่ครับ เราควรต้องปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น แต่มีข้อควรระวังหลายข้ออยู่กับการคิดแบบนี้ เช่นถ้าเราชนะคู่แข่งด้วยแต้มมากๆ เราจะยังพัฒนาต่อไปไหม หรือถ้าเราทำอย่างไรก็เอาชนะเขาไม่ได้สักที เราจะใช้วิธีสกปรกไหม
ผมเคยทำรายงานชิ้นหนึ่งด้วยความตั้งใจมากสมัยเรียนปริญญาตรี จนวันที่จะส่งมีคนทำแก้วน้ำหกเลอะรายงานผมจนต้องไปขออนุญาตอาจารย์ส่งวันรุ่งขึ้นแทน ผมก็ว่าอะไรเพื่อนคนนั้นไม่ได้หรอกนะเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยแล้วเขาก็ขอโทษทันทีพร้อมแสดงความเสียใจ แต่พอคะแนนออกมารายงานผมได้อันดับ 2 ส่วนรายงานของคนที่ทำน้ำหกได้อันดับ 1 (เหมือนละครหลังข่าวเลย ผมยังแทบไม่อยากเชื่อ) ผมข้องใจมากว่าทำไมของผมไม่ได้อันดับ 1 ผู้ตัดสินแจ้งกลับมาว่าคุณส่งช้ากว่าคนอื่น
การมีคู่แข่งเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่การแข่งต้องแข่งกันอย่างสร้างสรรค์ ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง หลักคิดที่คนญี่ปุ่นพกไปทำงานทุกวันของคุณโคมิยะ คาสุโยชิ (แปลโดยคุณวีรวรรณ จารุโรจน์จินดา) สะดุดข้อความหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “โลกนี้ไม่ใช่โลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นโลกที่ผู้อยู่รอดคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด การมีได้ก็ต้องมีเสีย คือโลกของสัตว์ป่าแต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ป่า การนำวิถีของสัตว์ป่ามาใช้จึงย่อมไม่เป็นผลดี” เป็นแนวคิดที่ผมชอบมาก เราควรทำอย่างไรเพื่อให้ดีกว่าคู่แข่ง ไม่ใช่ทำอย่างไรเพื่อทำลายคู่แข่ง (ที่ชอบสุดเพราะมันเป็นการกระทำของสัตว์)
ผมเคยทำธุรกิจสีเทาครับ จะว่าละเมิดลิขสิทธิ์ก็ได้ ผมจะโหลดซีรีส์เกาหลีที่มีซับไทยเป็นตอนๆ มาทำลงแผ่นดีวีดีแล้วขาย ด้วยเหตุผลอันสวยหรูว่า ไม่อยากให้พี่ๆ น้องๆ ไปซื้อของแพงที่ขายตามแผง มองอีกมุมเหมือนผมทำลายคู่แข่งด้วยการตัดราคา เพราะผมไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเสี่ยงถูกตั้งข้อหาเพราะคนที่ซื้อก็คนสนิทกันทั้งนั้น ผมทำเช่นนี้อยู่หลายปีจนมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปากต่อปาก จนวันหนึ่ง เมื่อธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งเกิดขึ้น ผมขายใครแทบไม่ได้เลย นี่แหล่ะครับตัวอย่างของผู้ที่ไม่พัฒนาตัวเองจะไม่อยู่รอด
โฆษณา