27 ก.พ. 2021 เวลา 04:34 • ประวัติศาสตร์
• ปูยี | จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีน
Puyi The Last Emperor of China
1
จักรพรรดิปูยีหรือผู่อี๋ (Puyi) ทรงเป็นจักรพรรดิ (ฮ่องเต้) พระองค์สุดท้ายในประวัติศาสตร์ของจีน เรื่องราวของพระองค์เป็นบทเรียนที่สะท้อนให้เห็นถึงความผกผันภายในชีวิตของคนเรา จากจุดหนึ่งที่มีอำนาจบารมีอยู่เหนือแผ่นดิน กลับกลายเป็นจุดที่ไร้ซึ่งอำนาจใด ๆ แม้แต่ชีวิตของตนเอง ...
2
•• พระราชประวัติแบบคร่าว ๆ ••
ปูยีทรงประสูติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1906 โดยพระองค์ทรงเป็นโอรสขององค์ชายไจ้เฟิง (Zaifeng) และท่านหญิงโย่วหลัน (Youlan) ปูยียังมีพระอนุชาอีกหนึ่งคนคือ ปูเจี๋ย (หรือ ผู่เจี๋ย Pu Jie)
2
ปูยี (ขวามือ) ถ่ายภาพกับองค์ชายไจ้เฟิงบิดา และน้องชายปูเจี๋ย (ซ้าย)
โดยองค์ชายไจ้เฟิงพระราชบิดาของพระองค์ มีศักดิ์เป็นพระอนุชาต่างแม่ของจักรพรรดิกวังซวี่ (Guangxu) จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง ที่ปกครองจีนในช่วงปี 1875 จนถึง 1908
เมื่อถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 1908 จักรพรรดิกวังซวี่ได้สวรรคตโดยไร้ซึ่งทายาท ส่งผลให้พระนางซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพระราชมารดาบุญธรรมของจักรพรรดิกวังซวี่ จำเป็นต้องเลือกบุคคลที่จะขึ้นครองราชย์สืบราชบัลลังก์ต่อไป
ในวันถัดมา พระนางซูสีไทเฮาก็ได้ตัดสินใจเลือกองค์ชายปูยี ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมายุเพียงแค่ 2 พรรษา ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ ในนาม จักรพรรดิเซวียนถ่ง (Xuantong) ซึ่งในวันเดียวกันนั้น พระนางซูสีไทเฮาก็ได้สวรรคตลง
จักรพรรดิปูยีขึ้นครองราชย์ขณะทรงพระเยาว์ (ภาพจากภาพยนตร์ The Last Emperor)
•• อวสานระบอบฮ่องเต้ •••
แน่นอนว่าด้วยความทรงพระเยาว์ (อย่างมาก) ของจักรพรรดิปูยี ทำให้พระองค์ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ด้วยตนเอง
ดังนั้นองค์ชายไจ้เฟิง (ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น ฉุนชินหวัง) พระราชบิดาของพระองค์ จึงดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง คลื่นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็ได้พัดโหมผืนแผ่นดินจีน จนยากที่จะต้านทาน
การปฏิวัติซินไฮ่
เมื่อการปฏิวัติซินไฮ่ (Xinhai Revolution) ภายใต้การนำของซุนยัตเซ็น (Sut Yat-sen) ได้ก่อตัวขึ้น โดยมีเป้าหมายล้มล้างราชวงศ์ชิง และนำพาจีนสู่ความเป็นสาธารณรัฐ
ผลสุดท้ายด้วยแรงเสียดทานและความกดดันอันมากล้น วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1912 จักรพรรดิปูยีก็ได้ประกาศสละราชสมบัติ (จริง ๆ แล้ว คือการถูกบีบบังคับ) นับเป็นจุดสิ้นสุดของราชวงศ์ชิง และระบอบจักรพรรดิจีน ที่ดำรงอยู่ยาวนานกว่า 2,000 ปี
3
ภายหลังจากสิ้นสุดระบอบจักรพรรดิ ปูยีและพระราชวงศ์ก็ยังคงสามารถประทับอยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามได้ตามเดิม
แต่พระองค์ไม่ได้มีสถานะเป็นประมุขของจีนอีกต่อไป โดยรัฐบาลของสาธารณรัฐจีนจะมอบเบี้ยเลี้ยงให้กับพระองค์และเหล่าพระราชวงศ์ ในการประทับอยู่ภายในพระราชวังต้องห้าม
•• ออกจากพระราชวังต้องห้าม ••
1
ปูยีในช่วงวัยรุ่น ซึ่งในตอนนั้นหมดสถานะของการเป็นจักรพรรดิแล้ว
ในช่วงปี 1917 เป็นช่วงเวลาของความขัดแย้งภายในแผ่นดินจีน รัฐบาลสาธารณรัฐจีนไร้ซึ่งเสถียรภาพ มีการต่อสู้ของเหล่าบรรดาขุนศึกตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองแผ่นดิน
1
โดยหนึ่งในขุนศึกนามว่า จางซวิน (Zhang Xun) ต้องการฟื้นฟูราชวงศ์ชิงและระบอบจักรพรรดิจีน
จางซวินขุนศึกผู้ต้องการฟื้นฟูอำนาจของราชวงศ์ชิง
จางซวินจึงได้ก่อการรัฐประหารในเดือนกรกฎาคม 1917 เพื่อทำให้จีนกลับมาเป็นระบอบจักรพรรดิ ปูยีทรงได้รับสถานะของการเป็นจักรพรรดิอีกครั้งหนึ่ง
แต่ปูยีก็ทรงเป็นจักรพรรดิอีกครั้ง ได้เพียงแค่ราว 12 วัน ผลสุดท้ายการรัฐประหารของจางซวินก็ล้มเหลว
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ปูยีและพระราชวงศ์ก็ยังคงประทับอยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามต่อไป แต่ได้รับการจับตามองและถูกควบคุมจากรัฐบาลสาธารณรัฐจีนอย่างเคร่งครัด
สุดท้ายในปลายปี 1924 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนก็ได้ประกาศยกเลิกสถานะและสิทธิพิเศษทั้งหมดที่รัฐบาลเคยมีให้ไว้กับปูยีและพระราชวงศ์
1
ปูยีเดินทางออกจากพระราชวังต้องห้าม นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของปูยี ที่ได้เผชิญกับโลกภายนอก
ส่งผลทำให้ปูยีและพระราชวงศ์ทั้งหมด ต้องถูกขับออกจากพระราชวังต้องห้าม และกลายสภาพเป็นเพียงแค่พลเรือนสามัญชนเท่านั้น
1
•• ประมุข (หุ่นเชิด) แห่งแมนจูกัว
1
หลังจากถูกขับออกจากพระราชวังต้องห้าม ปูยีก็ได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองเทียนจิน (Tianjin) ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกองทัพญี่ปุ่น
1
ต่อมาในปี 1932 เมื่อญี่ปุ่นสามารถยึดครองดินแดนแมนจูเรีย (Manchuria) ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจีนได้ ญี่ปุ่นจึงได้เชิญให้ปูยีดำรงตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศแมนจูกัว (Manchukuo) รัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่นในดินแดนแมนจูเรีย
ปูยีในสถานะประมุขแห่งแมนจูกัว
แม้ว่าปูยีจะดำรงเป็นประมุขของประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปูยีแทบจะไม่มีอำนาจในการบริหารใด ๆ ในแมนจูกัวนี้เลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างภายในประเทศแมนจูกัวแห่งนี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของญี่ปุ่นทั้งสิ้น
•• กลายสภาพเป็นนักโทษ ••
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ประเทศแมนจูกัวก็ถูกกองทัพของสหภาพโซเวียตเข้ายึดครอง แมนจูกัวถึงกาลล่มสลาย และปูยีก็ถูกจับกุมตัวโดยทหารโซเวียต
ต่อมาในปี 1949 สหภาพโซเวียตก็ได้ส่งตัวปูยีกลับไปที่จีน ซึ่งบัดนี้จีนได้ตกอยู่ภายในรัฐบาลคอมมิวนิสต์แล้ว
เมื่อปูยีเดินทางกลับมาถึงจีน ทางรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนก็ได้ทำการส่งตัวปูยี เข้าไปอยู่ในค่ายปรับทัศนคติที่ตั้งอยู่ในมณฑลเหลียวหนิง
ปูยีในขณะอยู่ภายในค่ายปรับทัศนคติ
ในค่ายปรับทัศนคติ (หรืออาจจะเรียกว่าค่ายกักกันก็ได้) เรียกได้ว่าสถานะของปูยีแทบไม่ต่างอะไรไปจากนักโทษเลย ปูยีได้ถูกบังคับให้จดจำและเรียนรู้ในเรื่องราวของคอมมิวนิสต์ เพื่อให้เขาสามารถปรับตัวกับสังคมคอมมิวนิสต์ของจีนได้
1
•• บั้นปลายของชีวิต ••
ปูยีได้อยู่ในค่ายปรับทัศนคติเป็นเวลากว่า 10 ปี ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในปี 1959
เมื่อได้รับอิสระภาพ ปูยีก็ได้มาประกอบอาชีพเป็นคนสวนในสถาบันวิจัยด้านพฤกษศาสตร์ และทำงานในแผนกวรรณกรรมของสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ
1
ปูยีในช่วงบั้นปลายของชีวิต
ปูยีได้มีผลงานหนังสือซึ่งเป็นอัตชีวประวัติของเขา ที่มีชื่อว่า "From Emperor to Citizen" หรือจากจักรพรรดิสู่สามัญชน
3
ท้ายที่สุด ในวันที่ 17 ตุลาคม 1967 ปูยีก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งไต ในขณะที่มีอายุได้ 61 ปี ปิดฉากชีวิตของชายที่มีความโลดโผนและพลิกผันมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก
3
ภาพจากภาพยนตร์ The Last Emperor
** เกร็ดที่น่าสนใจ **
- ปูยีมีภรรยาทั้งหมด 5 คนด้วยกัน โดยคนแรกคือจักรพรรดินีหว่านหรง (Wanrong) ในขณะที่ภรรยาคนสุดท้าย คืออดีตนางพยาบาลที่มีชื่อว่า หลี่ ชูเสียน (Li Shuxian) ซึ่งเธอได้ดูแลปูยีจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
5
ปูยีกับหว่านหรงภรรยาคนแรก
ปูยีกับภรรยาคนสุดท้ายของเขา หลี่ ชูเสียน
- ปูยีเป็นจักรพรรดิองค์แรกและองค์เดียวของจีน ที่สวมใส่แว่นตา และมีชื่อภาษาอังกฤษคือ Henry ซึ่งตั้งโดยอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของเขา
- ภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor ของผู้กำกับชาวอิตาลี แบร์นาร์โด้ แบร์โตลัชชี่ (Bernardo Bertolucci) ที่ออกฉายในปี 1987 เป็นผลงานภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของปูยี โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์มากถึง 9 สาขาด้วยกัน
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา