25 ก.พ. 2021 เวลา 12:49 • ประวัติศาสตร์
ประเทศที่มีวัฒนธรรมสวยงาม และน่าเที่ยวติดอันดับโลก หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นประเทศ ญี่ปุ่น และคดีในวันนี้นั้นก็เกิดขึ้นในประเทศ ญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว เมือง เซตากายะ
10
คดีปริศนานี้เกิดขึ้นกับครอบครัว Miyazawa (มิยาซาว่า) ในครอบครัวประกอบด้วย พ่อ ที่มีชื่อว่า มิกิโอะ มิยาซาว่า (อายุ 44 ปี), แม่ ที่มีชื่อว่า ยาสุโกะ มิยาซาว่า, ลูกสาวคนโต นีน่า มิยาซาว่า, และลูกชายคนเล็ก เรย์ มิยาซาว่า
4
โดยเหตุเกิดที่บ้านของครอบครัวมิยาซาว่า ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ติดกันสองหลัง ครอบครัวของมิยาซาว่าจะอยู่ทางขวามือและครอบครัวของยาสุโกะ ประกอบไปด้วย แม่ของยาสุโกะที่ น้องสาว และน้องเขยของเธอ บ้านทั้งสองหลังนั้นตั้งอยู่ติดกันก็จริง ทว่าก็ไม่มีประตูเชื่อมสำหรับเปิดไปหากันแต่อย่างใด
10
ในเช้าวันที่ 31 ธันวาคม 2000 ครอบครัวของ มิยาซาว่า ไม่สามารถติดต่อได้ โดย ฮารุโกะ คุณแม่ของ ยาสุโกะ มิยาซาว่านั้น ได้พยายามโทรติดต่อทางลูกสาวเธอหลายต่อหลายหน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และใน 10.00 น. ในวันนั้น ฮารุโกะ ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากยาสุโกะ เธอจึงตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านของลูกสาว ทว่าก็ไม่มีใครตอบกลับมาหรือเปิดประตูให้เธอ เมื่อเห็นแบบนั้น ฮารุโกะ จึงตัดสินใจใช้กุญแจสำรองไขเพื่อเปิดเข้าไปภายในบ้านของ ครอบครัวมิยาซาว่า และภาพที่เธอเห็นในต่อไปนี้ก็คือ ภาพโศกอนาฏกรรมที่น่าสลด
10
ภาพแรกที่ฮารุโกะได้เห็นนั้นคือ มิกิโอะ ผู้นำครอบครัว มิยาซาว่า นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณบันไดชั้นแรก และเมื่อฮารุโกะได้เดินขึ้นไปชั้นบนนั้นก็ได้พบกับลูกสาวของเธอ พร้อมกับนีนาที่นอนจมกองเลือดที่บันไดชั้นสอง
7
เมื่อได้พบกับเหตุการณ์เหล่านี้ ฮารุโกะ สติแตกเป็นอย่างมาก เธอพยายามเรียกลูกสาวและหลานสาวของเธอ ทว่า ร่างทั้งสองก็แข็งและแน่นิ่งไปแล้ว นั่นหมายความว่า ทุกคนนั้นเสียชีวิตทั้งหมด ฮารุโกะจึงไม่รอช้าที่จะโทรหาตำรวจ
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ทางตำรวจมาถึงก็พบกับอีกหนึ่งศพของครอบครัว มิยาซาว่า ซึ่งก็คือ เรย์ มิยาซาว่า ลูกชายคนเล็กของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงในห้องชั้นสอง โดยเขาถูกรัดที่คอให้ขาดอากาศหายใจตาย
18
หลังจากที่ทางตำรวจได้ตรวจสอบ เก็บหลักฐาน ก็ได้สันนิษฐานว่าคนร้าย น่าจะปีนช่องระบายอากาศเพื่อเข้ามายังตัวบ้าน เนื่องจากที่ปิดช่องระบายอากาศนั้นถูกคนร้ายแกะออกไป หลังจากนั้นเมื่อได้พบกับ เรย์และนีนา คนร้ายได้เริ่มทำร้ายเรย์ด้วยการใช้เชือกรัดคอเรย์จนเสียชีวิต จากนั้นก็มุ่งหน้าเพื่อไปทำร้ายนีนาต่อ ทว่า มิกิโอะ ผู้เป็นพ่อที่ทำงานอยู่ชั้นล่างได้ยินเสียงจึงขึ้นมา เขาพบกับคนร้าย ต่อสู้กันและถูก มีดซาซึมิขนาด 34 เซนติเมตรของคนร้ายแทงกว่าสิบแผลบนร่างกาย ก่อนจะถูกผลักลงมายังชั้นล่าง และสิ้นใจในที่สุด
16
ในตอนนั้นเองที่นีน่าปีนบันไดห้องใต้หลังคาเพื่อไปหาแม่ของเธอ โดยบนร่างกายของเธอมีบาดแผลเล็กน้อย ทางตำรวจได้สังเกตเห็นว่า มีดที่คนร้ายใช้ทำร้ายมิกิโอะนั้น มันน่าจะหักระหว่างที่เขาต่อสู้กับมิกิโอะ คนร้ายจึงไปเอามีดในครัวใหม่มา และเมื่อคนร้ายได้มีดเล่มใหม่ เขาพบกับ ยาสุโกะและนีนาที่ลงมาชั้นสองจากห้องใต้หลังคา คนร้ายใต้ตัดสินใจใช้มีดที่เขาได้มาใหม่นั้นสังหาร ทั้ง ยาสุโกะและนีน่า ด้วยการ กรีดตามหน้าอก ใบหน้า และแทงตามร่างกาย
9
โดยเจ้าหน้าที่ที่นำการสืบสวน สอบสวนในครั้งนี้มีชื่อว่า ผบ.ตร. ทาเคชิ โยชิดะ
การสืบสวนเริ่มขึ้นจากการสังเกตและเก็บหลักฐานภายในบ้าน โดยพบว่า โทรศัพท์บ้านของครอบครัวมิยาซาว่านั้นถูกตัดสายออกจนหมด และไดอารี่ บัตร ใบเสร็จต่างๆ ถูกคนร้ายนำมาวางกองรวมกัน นอกจากนั้น ที่ห้องน้ำก็พบกับเอกสารบริษัท ใบเสร็จบริษัทของมิกิโกะ เอกสารสำหรับเตรียมการสอนพิเศษของสาสุโกะ และซองไอศกรีมที่ถูกทิ้งไว้ที่อ่างอาบน้ำ ยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายได้ขโมยเงินกว่า 200,000 เยน (ประมาน 60,000 บาทไทย)
17
ในทีแรก ตำรวจคิดว่านี่อาจจะเป็นการฆ่าปล้นทรัพย์ แต่ก็พบอีกว่า จิวเวอรี่ เงินสดที่วางไว้บนชั้นนั้นไม่ได้ถูกขโมยไปด้วย เมื่อตรวจสอบไปเรื่อยๆ ทางตำรวจได้พบกับเสื้อยืดแขนยาวเปื้อนเลือดถูกทิ้งไว้ที่ชั้นสองของบ้าน ที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย และพบกับเสื้อผ้า หลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้มากมาย เช่น หมวกสีเทา เสื้อแจ็คเก็ต ผ้าพันคอลายตารางสีเขียว กระเป๋าคาดเอว ถุงมือสีดำ และผ้าเช็ดมือสีดำสองผืน รวมไปถึงพบรอยเท้าบริเวณตำแหน่งนอกบ้านที่ตรงกับช่องระบายอากาศของบ้านชั้นสอง ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะใช้ทางเข้า ทางออก เป็นทางเดียวกัน
12
ซึ่งหลักฐานสำคัญในคดีนี้คือ เลือดของคนร้าย ที่ถูกพบหยดตามพื้น และบนผ้าพันแผลที่คนร้ายทิ้งไว้ข้างๆ คอมพิวเตอร์ทำงานของมิกิโอะ เลือดของคนร้ายจึงถูกนำไปตรวจ DNA พบว่าเป็นเลือดกรุ๊ป A ของเพศชาย
9
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ หลังจากคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรมครอบครัว มิยาซาว่า เขาไม่ได้หนีออกจากบ้านไปเลย แต่ยังคงใช้เวลาทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในบ้านหลังนั้นกว่า 10 ชั่วโมง แม้ว่าจะมีศพนอนอยู่เกลื่อนกลาดก็ตาม ตำรวจพบหลักฐานการนอนบนโซฟาของคนร้าย อีกทั้งคนร้ายยังกินอาหารในครัว โดยคนร้ายได้ทิ้งเศษขยะไปทั่วบริเวณของบ้าน และยังพบก้อนอุจาระลอยอยู่ในชักโครก
11
และเมื่อตำรวจมาตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของมิกิโกะ ก็พบว่า เวลา 22.45 น. ครอบครัวมิยาซาว่าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากในเวลานั้นมิกิโกะได้เปิดอีเมลของเขา และใช้พาสเวิร์ดส่วนตัวของตัวเองกดเข้าไป และเวลา 23.30 น. ฮารุโกะ (แม่ของ ฮารุโกะ เหยื่อที่เสียชีวิตในคดีนี้) เธอได้ยินเสียง ‘ตุบ!’ ตอนนั้นตำรวจจึงคาดว่า เวลานั้น น่าจะเป็นเวลาที่คนร้ายเริ่มทำการฆาตกรรมครอบครัวมิยาซาว่า
15
อีกทั้งทางตำรวจยังได้พบว่าคนร้ายได้ใช้คอมพิวเตอร์ของมิกิโกะในเวลาตี 01.18 น. คนร้ายได้ใช้อินเตอร์เน็ตเสิร์ชหาข้อมูลที่ทำงานของ มิกิโอะและยาสุโกะ และยังพยายามใช้บัตร ATM ของมิกิโกะจองตั๋วดูหนัง ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านของ มิยาซาว่า จนถึงเวลา 10.00 น. ในวันที่ 31 ธันวาคม 2000 จนกระทั่งแม่ของยาสุโกะมาเคาะประตู ตอนนั้นเองที่คนร้ายน่าจะหนีออกไปทางช่องระบายอากาศที่เขาเข้ามา
10
การสืบสวน สอบสวนยังดำเนินต่อไปหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้สอบถามกับที่ทำงานของ มิกิโอะ ก็พบว่าทางมิกิโอะนั้นเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ขยันทำงานเสมอ อีกทั้งยังไม่เคยยุ่งกับ ธุรกิจสีเทาใดๆ ทั้งสิ้น ทว่าก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมแสนสลดนี้ขึ้นนั้น มิกิโอะได้มีปากเสียงกับเหล่าวัยรุ่นที่เล่นสเก็ตบอร์ดใกล้ๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ บ้านเขา และนอกจากเหล่าวัยรุ่นที่มิกิโอะได้มีปากเสียงเรื่องการใช้เสียงดัง มิกิโอะก็ได้มีปากเสียงกับแก๊งมอเตอร์ไซต์ มูโซซุกุอีกด้วย
9
นอกจากนี้ 5 วันก่อนเกิดเหตุ ยาสุโกะ ได้บอกพ่อของเธอว่า เธอรู้สึกว่ามีใครบางคนมาจอดรถหน้าบ้านของเธอติดต่อกันหลายๆ วัน ทั้งที่มีลานจอดรถบริเวณใกล้ๆ มากมาย อีกทั้งสองวันก่อนเกิดเหตุ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2000 มีพยานเห็นเหตุการณ์ มีชายวัยกลางคนเดินสำรวจรอบๆ บ้านมิยาซาว่า และหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ ในวันที่ มีพยานพบเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายเหมือนคนร้ายในคดีนี้ เครื่องแต่งกายคล้ายกับสิ่งที่คนร้ายทิ้งไว้ในบ้านของมิยาซาว่า
10
และทางตำรวจได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า ในช่วงเดือน มิถุนายน - ธันวาคม 2000 ที่ผ่านมา มีแมวหลายตัวถูกนำมาฆ่าที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กันกับบ้านของมิยาซาว่าอีกด้วย บวกกับอีกเหตุกาณณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในวันที่ครอบครัวมิยาซาว่าถูกฆาตกรรม เหตุการณ์แรกคือ มีแท็กซี่คันหนึ่งรับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นนั้นอยู่ใกล้ๆ กันสวนสาธารณะ โซกิกายะ พาร์ค (สวนสาธารณะใกล้ๆ กันกับบ้านของครอบครัวมิยาซาว่า) เมื่อรับกลุ่มวัยรุ่นนั้นก็บอกให้ไปส่งรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด เมื่อขับไปส่งถึงจุดหมาย กลุ่มวัยรุ่นลงจากรถ ก็พบกับรอยหยดเลือด แต่เมื่อตำรวจไปตรวจสอบ ก็พบว่านั่นไม่ใช่รอยเลือด แต่เป็นรอยช็อคโกแลตเท่านั้น
12
เหตุการณ์ประหลาดที่สอง ในช่วงตีหนึ่งตีสอง มีหญิงสาวรายหนึ่งขับรถบริเวณใกล้ๆ กับสวนสาธารณะ ขณะที่เธอขับอยู่นั้นก็มีชายแปลกหน้าวิ่งตัดผ่านหน้ารถของเธอ เธอจึงเบรกกะทันหัน และเมื่อวิ่งลงมาดูชายคนนั้น พบว่าชายคนนั้นมีเลือดที่หลังมือซ้าย จากนั้นชายปริศนาก็วิ่งหนีไป
6
และเหตุการณ์ประหลาดที่สามก็คือ ในเวลาตี 5.25 น. มีชายคนหนึ่ง อายุราวๆ 30 ปี ได้เดินไปห้องพยาบาลของสถานีรถไฟที่อยู่ห่างจากบ้านของครอบครัวมิยาซาว่าประมาน 120 กิโลเมตร ซึ่งชายคนนั้นขอให้พนักงานทำแผลให้หน่อย แผลดังกล่าวคือแผลมีดบาดที่มือขวา รอยบาดค่อนข้างลึกจนเห็นเอ็นและกระดูกมือ เมื่อทำแผลเรียบร้อยชายคนนั้นก็จากไป โดยไม่ได้ทิ้งข้อมูลใดๆ ไว้ให้
9
ต่อมา ทางตำรวจได้นำรอยนิ้วมือที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ทั่วบ้านมิยาซาว่าไปตรวจสอบข้อมูลอาชญากรรม แต่ก็ไม่พบข้อมูลใดๆ เลย นอกจากนั้น ตำรวจก็ได้ขอลายนิ้วมือของคนที่อยู่ในละแวกบ้านของมิยาซาว่าเพื่อตรวจสอบข้อมูล ปรากฏว่าไม่พบข้อมูลใดๆ ที่ตรงกับคนร้ายอีกเช่นกัน
3
เมื่อไม่ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ ทางตำรวจจึงมุ่งไปทางเครื่องแต่งกายที่คนร้ายทิ้งไว้ บวกกับรอยเท้า โดยรองเท้าที่คนร้ายใช้นั้น เป็นรองเท้าที่ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ เบอร์รองเท้าคือ 27.5 ซึ่งเป็นไซต์ของประเทศเกาหลี ไม่มีวางขายในประเทศญี่ปุ่น มันจะต้องซื้อและพรีออเดอร์จากประเทศเกาหลีเท่านั้น สองหมวกที่คนร้ายใส่ หมวกสีเทาแถบดำ มันขายในปี 1999 และมันบอกลักษณะศีรษะของคนร้ายได้ สามผ้าพันคอลายตารางสีเขียวที่หาแหล่งที่มาชัดเจนไม่ได้ และเครื่องแต่งกายอีกชิ้นคือ เสื้อแจ็คเก็ต Uniqlo สีดำ ไซต์ L ทีนี้ทางตำรวจจึงสามารถระบุลักษณะคร่าวๆ ของคนร้ายได้
นอกจากนั้นตำรวจได้ตรวจสอบกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้ ก็พบกับทราย ตำรวจจึงนำทรายไปวิเคราะห์ ซึ่งตำรวจพบว่าทรายนี้มาจากคราบสมุทร มิอุระ ซึ่งมันอยู่ทางใต้ของกรุงโตเกียว อีกทั้งยังมีเกสรดอกไม้ ที่น่าจะเป็นเกสรของต้นทับทิม สุดท้ายนี้ตำรวจได้เจอเศษดินในกระเป๋าเสื้อเช่นกัน และดินนี้ไม่ได้มาจากประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นดินของบริเวณพื้นที่เกาหลี
17
ต่อมาคือ ถุงมือของคนร้าย ไซต์ L ,ชิ้นที่เจ็ด ก็คือผ้าเช็ดหน้าของคนร้ายทั้งสองผืน ชิ้นที่แปด คือกระเป๋าคาดเอว เป็นกระเป๋าที่ถูกผลิตที่โอซาก้า นอกจากนั้นก็พบกับเส้นผมสั้นๆ สีดำในกระเป๋า และดินที่น่าจะมาจากแคลิฟอเนียอีกด้วย
8
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ทางตำรวจวิเคราะห์ และจำลองได้คร่าวๆ ว่า คนร้ายน่าจะเป็นชายวัย 15-35 รูปร่างสูง 170 หุ่นผอมบาง มีผมสีดำ หรือสีน้ำตาล ถนัดขวา และเป็นไปได้พอสมควรที่คนร้ายน่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มสเก็ตบอร์ดที่มิกิโอะเคยมีปากเสียงด้วยในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะว่าจากหลักฐาน เหมือนคนที่รวมกลุ่มรวมแก๊งเล่นสเก็ตบอร์ดและด้วยหลักฐานที่มากมาย มันดูง่ายมากๆ ที่จะสืบสวนคดีนี้ ทว่าเวลาผ่านไปเป็นเดือนก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้
6
จนในปี 2006 เทคโนโลยีได้พัฒนามากยิ่งขึ้น ทางตำรวจจึงได้นำ DNA ของคนร้ายมาวิเคราะห์เพิ่มเติม พบว่า พ่อของคนร้ายน่าจะเป็นคนเกาหลี และแม่ของคนร้ายน่าจะเป็นคนยุโรป ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นลูกครึ่ง
4
ในตอนนี้ 6 ปีหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมครอบครัวมิยาซาว่า ทางตำรวจได้โฟกัสไปที่คนใกล้ตัวของครอบครัวมิยาซาว่า ซึ่งก็คือคนคนหนึ่ง เป็นลูก แม่เป็นคนยุโรปทางตอนใต้ พ่อเป็นคนญี่ปุ่น คนคนนี้ชอบตามดูนีน่า ตอนไปซ้อมบัลเล่ต์ ซ้อมเปียโน จึงเป็นไปได้ที่คนคนนี้จะเป็นคนร้ายที่ฆ่าครอบครัวมิยาซาว่า เพราะในศพของนีนานั้นมีรอยมีดที่กรีดกรายคล้ายกับการระบายอารมณ์ ตำรวจตึงขอตรวจสอบบ้านของคนคนนี้ และเก็บข้อมูล ลายนิ้วมือ DNA ของเขา ทว่าก็ไม่ตรงกับข้อมูลที่ทางตำรวจมีอีกเช่นเคย
9
และในปี 2007 ทางตำรวจได้ตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 500,000 เยน (หรือประมาน 900,000 บาทไทย)
ต่อมาในปี 2008 ทางตำรวจได้ ติดต่อประสานงานกับตำรวจนานาชาติ ในการส่งลายนิ้วมือคนร้ายให้ตรวจสอบ ซึ่งบางประเทศก็ให้ความร่วมมือ บางประเทศก็ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว ไม่เจอคนร้ายเช่นเดิม
5
และปี 2014 เงินรางวัลนำจับได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,000,000 เยน (หรือประมาน 6,000,000 บาทไทย)
4
ในปี 2015 มีนักเขียนคนหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับสกู๊ปฆาตกรรมนามปากกา ฟูมิยะ อิชิฮาชิ ได้ออกมาเขียนหนังสือเกี่ยวกับครอบครัว มิยาซาว่า โดยหนังสือมีชื่อว่า The Seta kaya family murder case ซึ่งอิชิฮาชิอ้างว่าได้ตามเก็บข้อมูลมาตั้งแต่แรก และอ้างอีกว่า รู้แล้วว่าคนร้ายคือใคร เขาให้ชื่อของคนร้ายว่า ลีอินนาน โดยลีอินนานเป็นทหารเกาหลีใต้เก่า เป็นคนที่มีทักษะการฆ่า ต่อมาเขาได้ออกจากการเป็นทหาร มาทำหน้าที่นักฆ่ารับจ้าง เขาได้พบกับ มิสเตอร์คานาดะ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพล ที่ชอบคว้านซื้อที่ไปขายเก็งกำไรให้แก่รัฐบาล โดยเขาอ้างอีกด้วยว่า มิตเตอร์คานาดะนั้นได้ไปเจรจาต่อรองซื้อที่บ้านของครอบครัวมิยาซาว่า แต่ก็ไม่เป็นผล มิสเตอร์คานาดะจังให้ ลีอินนานไปฆ่าครอบครัว มิยาซาว่าซะ
15
ต่อมา อิชิฮาชิ ได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่องนี้ ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย ทำให้ทางตำรวจต้องออกมาประกาศว่า หนังสือเล่มนี้ไม่เป็นความจริง 100% ถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้จริง ตำรวจก็จะต้องรู้ตัวคนร้ายก่อน อิชิฮาชิไปแล้ว อีกทั้งหนังสือเล่มนี้สมควรเป็นแค่หนังสือนิยายสืบสวนสอบสวนอ่านเพื่อความสนุกเท่านั้น
5
และแม้ว่าจะผ่านไป 19 ปีหลังจากเกิดเรื่องของครอบครัว มิยาซาว่า คดีนี้ก็ยังไม่สามารถปิดได้ ทว่าตำรวจกว่า 35 นายและเจ้าหน้าที่ ทาเคชิ โยชิดะ ก็ยังพยายามตามสืบสวนคดีนี้อยู่
5
กระทั่งปัจจุบันคดีนี้ก็ยังคงเป็นคดีปริศนาที่ยังไม่สามารถตามจับคนร้ายได้
7
โฆษณา