26 ก.พ. 2021 เวลา 00:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
#สงครามอวกาศระหว่าง Space X vs. Blue Origin
โลกในวันนี้เล็กลงขึ้นเรื่อยๆ คำกล่าวนี้ดูไม่น่าจะเกินจริงสำหรับวิวัฒนาการในทุกวันนี้ ซึ่งรวมไปถึงการแข็งขันในการท่องอวกาศของบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยคราวนี้ผมจะมาแชร์บทความที่ผมเขียนเอาไว้ในบอร์ด thaivi.org เรื่องสงครามอวกาศระหว่าง Space X vs. Blue Origin ซึ่งผมสรุปประเด็นสำคัญไว้ 3 ข้อ หากอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างเลื่อนลงไปดูพร้อมกันได้เลยครับ
ประเด็นสำคัญ
1. อุตสาหกรรมอวกาศยังมี Potential ที่จะเติบโตอีกมากและเป็นหนึ่งใน Mega Trend เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวทรัพยากร-พลังงาน,การพาณิชย์,หรือการสร้างอณานิคมต่างๆ ทั้ง Space X และ Blue Origin ไม่ได้ Listing อยู่ในตลาดหุ้น หากแต่ถ้าบริษัทไหนสามารถเป็นผู้ชนะในตลาดนี้ได้ในอนาคต คงจะมีผลกระทบกับหุ้น Tesla และ Amazon อย่างแน่นอน :D
2. ผู้เล่นที่จะสามารถอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต้องมีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน (Durable Competitive Advantages) พอสมควร เช่น มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, มีการบริหารต้นทุนได้ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม หรือมีสินค้าบริการที่คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก เป็นต้น
3. Space X จะเน้นการไปสร้างอณานิคมบนดาวอังคาร ในขณะที่ Blue Origin จะไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนดวงจันทร์ และสร้างอณานิคมลอยได้อยู่บนอวกาศแทน
อวกาศเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรและการผจญภัย ดังนั้นการที่เราจะตัดสินใจไปนอกโลกจะมอบโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับการขยายตัวของมนุษยชาติ มันคงจะตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว!
ซึ่งทั้งสองเจ้าพ่อแห่งวงการเทคโนโลยี Elon Musk และ Jeff Bezos ก็มีวิธีคิดที่จะไปนอกโลกต่างกัน
คนหนึ่งคือ Elon Musk เจ้าพ่อเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Tesla และผู้ก่อตั้ง SpaceX (บริษัท จรวดมูลค่า 33 พันล้านเหรียญสหรัฐในขณะนี้) ต้องการสร้างเมืองถาวรและยั่งยืนบนดาวอังคาร
ในขณะเดียวกัน Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ก็มีบริษัทของตัวเองชื่อ Blue Origin โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้าง "ถนนสู่อวกาศ" ด้วยจรวดใหม่ที่สามารถปูทางไปสู่อาณานิคมลอยได้บนอวกาศ ในส่วนนี้ผมมองว่า Bezos จะมองไกลกว่า Musk ที่ยึดติดที่ดาวอังคารเท่านั้น แต่แนวคิดของ Bezos ก็ดูจะใช้เงินทุนสูงและดูเป็นไปได้ยากกว่าเช่นกัน
การพัฒนายานอวกาศและจรวด
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น SpaceX ได้พัฒนาจรวด Falcon 9 พร้อมด้วย boosters ที่ใช้ซ้ำได้ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุด การใช้บูสเตอร์นี้ (ซึ่งสามารถลงจอดบนโลกได้) จะช่วยประหยัดเงินได้หลายล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
Musk คิดว่าสามารถบรรจุได้ครั้งละ 100 คน เขากล่าวว่าค่าตั๋วไป - กลับดาวอังคารอาจอยู่ที่ประมาณ 100,000 ถึง 500,000 เหรียญ ราคาดังกล่าวจะ "ต่ำพอที่คนส่วนใหญ่ในประเทศก้าวหน้าจะสามารถขายบ้านของตนบนโลกและย้ายไปที่ดาวอังคารได้หากต้องการ"
ในส่วนเป้าหมายของ Bezos คือให้ Blue Origin "สร้างถนนสู่อวกาศ" ด้วยจรวดที่เรียกว่า New Glenn สำหรับขนส่งดาวเทียมซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวในปี 2021 เช่นเดียวกับจรวด Falcon 9 และ Falcon Heavy ของ SpaceX ในปัจจุบัน New Glenn จะมี boosters ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งสามารถกลับมาบนโลกและใช้ในภารกิจในอนาคตที่มีจรวดรุ่นใหม่ชื่อ New Shepherd ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเช่นเดียวกัน และหากบรรจุคนได้จะมีค่าตั๋วไป – กลับดาวถึงแค่วงโคจรนอกโลก ประมาณ 200,000 ถึง 300,000 เหรียญ (ยังไปไม่ถึงไหนจ่ายไปเป็นล้าน!!)
การตั้งอณานิคม
Space X จะเน้นการไปสร้างอณานิคมบนดาวอังคาร ในขณะที่ Blue Origin จะไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนดวงจันทร์ และสร้างอณานิคมลอยได้อยู่บนอวกาศแทน
แต่ Musk ยังไม่เปิดเผยเทคโนโลยีและการขนส่งสินค้าสำหรับการใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคารหรือสร้างนิคมที่นั่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเขาก็หวังที่จะสร้างเมืองที่ยั่งยืนด้วยตนเองแห่งแรกบนดาวอังคารภายในปี 2050
นอกจากนี้เขายังต้องการสร้างและปรับสภาพการอยู่อาศัยบนดาวอังคารในช่วงทศวรรษ 2100 เพื่อเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ที่สะดวกสบายมากขึ้นในการใช้ชีวิตให้เหมือนโลก
โดยหาก Blue Origin สามารถทำการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบนดวงจันทร์เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในการเติมเชื้อเพลิงและเก็บเกี่ยวทรัพยากรโลหะและแร่ธาตุๆ อาจเป็นไปได้ที่จะสร้างอาณานิคมอวกาศและย้ายผู้คนออกจากโลกกันได้จริง
ซึ่ง Bezos กำลังพูดถึงอณานิคมที่มนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้เป็นล้านล้านคน (ขีดเส้นใต้ไว้เลย) เขากล่าวว่าจากนั้นเราจะมีโมซาร์ท 1,000 คนและไอน์สไตน์ 1,000 คนก็ยังไหว ลองคิดดูว่าอารยธรรมนั้นจะน่าทึ่งแค่ไหน
ในท้ายที่สุดวิสัยทัศน์ของ Bezos และ Musk อาจจะแตกต่างกัน แต่ทั้งคู่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือต้องการให้ทุกคนบนโลกสามารถไปอวกาศได้ในราคาถูกลงและต้องการสร้างที่อยู่อาศัยและทำงานที่นั่นเพื่อขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของมนุษยชาติ ในฐานะนักลงทุนก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าใครจะก้าวมาเป็นผู้นำในตลาดนอกโลกนี้
บทความนี้ผมนำข้อมูลมาจากหลายแหล่งและใส่ความเห็นส่วนตัวลงไป หากท่านใดมีไอเดียที่ต่างกันสามารถแชร์กันได้นะครับ
โฆษณา