26 ก.พ. 2021 เวลา 11:29 • ความคิดเห็น
การทำความดีในงานยุค new normal
มีสติ ในการพัฒนางาน พัฒนาสิ่งที่ดีๆ
​สวัสดีครับ กลับมาพบกันคราวนี้ในช่วงวันมาฆบูชาพอดี ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม พร้อมทั้งฝึกสมาธิ และ รับพรจากพระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวัฒนโก ทำให้จิตใจได้รับทั้งความสุข ความสงบ และ เต็มไปด้วยกระแสแห่งความเมตตา เลยอยากใช้โอกาสนี้แบ่งปันสรุปคำสอนและข้อคิดดี ๆ ที่ได้รับจากพระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวัฒนโก ให้กับผู้อ่านทุกท่านได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันกันครับ
 
การมีสติ เมตตา และ การคิดบวก
“จงใช้สติในการดำเนินชีวิต และ การทำงาน มีเมตตากับผู้อื่นให้มาก และ มองโลกในแง่ดีเสมอ” การดำเนินชีวิตด้วยสติ เมตตา และ การคิดบวก สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการฝึกฟังฝึกคิด ฝึกมอง และ ฝึกพูด อาจจะเริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน ซึ่งเมื่อเราฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอนั้น สติ เมตตา และ การคิดบวก จะเปรียบเสมือนพลังที่ช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายไปได้อย่างง่ายดาย
 
การทำความดี
การทำความดี หมายถึง การทำหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบให้ดี และ ถูกต้องตามบทบาทของตนเอง ตัวอย่างเช่น เมื่อเรามีบทบาทเป็นพนักงาน ก็ต้องพัฒนางาน พร้อมทั้งสร้างคุณค่าให้กับบริษัท ทีมงาน และลูกค้าเสมอ แต่เมื่อหมดเวลางานแล้ว กลับมาถึงบ้านเราต้องสวมบทบาทการเป็นลูก ก็ย่อมต้องมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ และ ผู้มีพระคุณ เมื่อเราเติบโตจนต้องสร้างครอบครัวของตนเอง เราก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของการเป็นพ่อ แม่ สามี หรือ ภรรยาที่ดี เช่นกัน
ทำความดี ทำอย่างไร? เราสามารถทำความดีได้ง่าย ๆ ด้วยการรักษาศีล 5 อดทนต่อกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม หมั่นฝึกจิตใจให้มีสมาธิ มีสติอยู่เสมอ เหล่านี้ล้วนจะก่อให้เกิดปัญญาในการใช้ชีวิต รวมทั้งความรู้แจ้งที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเอง
จากคำสอนของ พระอาจารย์กิตติเชษฐ์ สิริวัฒนโก ผมได้นำมาฝึกมาพัฒนามาปฏิบัติ ทำได้ดีบ้าง ยังต้องพัฒนาต่อไปบ้าง เช่น
“การนำความตั้งใจดีเป็นที่ตั้งในทุกสิ่งที่ทำ ค้นหาความหมาย และคุณค่าอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มุ่งมั่นอดทนและไม่ท้อถอย”
ตามแฮชแทค #xxxxไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ในฐานะที่ผมเป็นพี่ที่มีน้อง ๆ ในทีมหลายคน ผมต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ทำสิ่งที่พูดให้ได้ก่อนจะบอกให้คนอื่นๆทำ ให้แนวทาง แบ่งปันความรู้ ให้การสนับสนุนและกำลังใจน้อง ๆ ให้ทุกคนก้าวข้ามผ่านอุปสรรคของการทำงานจากกรอบความคิดแบบเดิม เนื่องจากเราเป็นทีมที่ต้องมุ่งเดินหน้าเพื่อเติบโตไปยังธุรกิจใหม่ๆ อดทนมุ่งมั่นไม่ท้อถอย หากเรายังคิด และ ทำในสิ่งที่เคยทำมาแบบเดิม ๆ ในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เราต้องก้าวไป ผลลัพธ์ของความสำเร็จคงไม่ได้แตกต่างไปจากผลลัพธ์ที่เราเคยได้รับมา และ แน่นอนว่าการก้าวข้ามไปทำอะไรใหม่ ๆ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จแบบไร้ที่ตินั้น มีไม่มาก และ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะจะมีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทางตลอดเวลา
เมื่อมีปัญหาทัศนคติในการมองปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้าทุกคนนำความตั้งใจดีเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีจากการทำงานของเรานั้น แม้ว่ามันจะยังไม่ก่อให้เกิดกำไรในช่วงแรก แต่เชื่อมั่นได้เลยว่า ทั้งคู่ค้า คู่ธุรกิจ และ ลูกค้า จะรับรู้ถึงความตั้งใจดีของเราที่อยากจะส่งมอบคุณค่าเหล่านั้นให้กับพวกเขา เมื่อลูกค้าพอใจมีความสุข สุดท้ายกำไรก็จะตามมา และกำไรก็จะนำไปสู่การพัฒนาให้กับคนและองค์กรเพื่อทำสิ่งที่มีคุณค่าที่ดีอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
 
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น อย่างงาน The Future of eLogistics Virtual Exhibition ที่น้อง ๆ ในทีมผมเพิ่งดำเนินการจัดงานไปเมื่อไม่นานนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในงานที่ต้องยอมรับเลยว่าทีมเราไม่เคยมีประสบการณ์ในการจัดงาน Online Exhibition มาก่อนเลย แต่ด้วยความที่สถานการณ์ในปัจจุบัน การจัดงาน รูปแบบ Offline Exhibition คงไม่เหมาะสม The Future of eLogistics Virtual Exhibition จึงเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจดีของทีมงานที่ต้องการให้ลูกค้าได้รับคุณค่าจากการเข้าชมงานอย่างแท้จริง แม้ว่าการจัดงานครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นงาน Online Exhibition ที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความรู้สึกหลังจากที่จัดงานจบแล้วมีเสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมชมงานไปในทิศทางที่ดีนั้น ก็ทำให้น้อง ๆ มีความสุข มีความเชื่อมั่นที่จะกล้าทำในสิ่งใหม่ๆที่จะเป็นประโยชน์มากขึ้นต่อไปอย่างแน่นอน ผมเองก็มีความสุขและภูมิใจในทีมงาน
ไปติดตามชมกันได้นะครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอพรอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยในวันพระใหญ่ ในวันนี้ ให้ทุกๆท่านได้มีสติ มีความอดทน ได้ฝึกฝนให้ตนเองมีสติ นำความเครียดที่มีจากการทำงาน เปลี่ยนมาเป็นความท้าทาย ความสนุก ประสบความสำเร็จที่จะทำให้เพื่อนร่วมงาน คู่ธุรกิจ และ ลูกค้า มีความสุข เป็น Partnership ที่ดีต่อกันในระยะยาว ต่อไป
ธรรมะสวัสดีครับ
โฆษณา