ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการยุติการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงล้วน จากประกาศของการทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ “Energy-saving and new energy vehicle technology roadmap” เวอร์ชั่น 2.0
และ LI AUTO ก่อตั้งในปี 2015 ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่สุด โดยมี Meituan, Bytedance ร่วมลงทุน
มีมูลค่า Market Cap 2.6 หมื่นล้านเหรียญ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564
ด้วยยอดขาย 32,624 คัน ในปี 2020
LI AUTO เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองเพราะว่าปัจจุบัน LI AUTO
เพิ่งมีเพียงรุ่นเดียวคือรุ่น ONE แต่ยอดขายก็ไม่น้อยหน้าอีกสองเจ้า อีกทั้งยังมีโรงงานของตัวเองด้วยและเทคโนโลยีที่เลือกใช้ก็เป็น Extended-Range Electric Vehicle (E-REV) ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการดำเนินการ
การเข้ามาเล่นในสนามนี้ของบริษัท Tech เหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะแม้แต่ Apple เองก็ยังเข้ามาเล่นในสนามนี้ โดยเริ่มมีข่าวตั้งแต่ปี 2014 โดยใช้ชื่อว่า “Project Titan”
ซึ่งจากที่สำนักข่าว Reuter ได้วิเคราะห์ไว้ Apple อาจจะเปิดตัวรถคันแรกในปี 2024 โดยโฟกัสเรื่อง "Autonomous driving car”หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนเอง
และยังมีข่าวว่าอาจร่วมมือกับ Hyundai ในการผลิต Apple Car ซึ่งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์น่าจะมีการยกเลิกดีล แต่เชื่อว่า Apple น่าจะกำลังหาพาร์ทเนอร์โรงงานผลิตรถยนต์มาผลิตให้ เหมือนที่ใช้โรงงานในจีนในการผลิต iPhone และ Apple เป็นเพียงผู้ออกแบบ
หรือแม้แต่แบรนด์ที่เป่าผม Dyson ก็พยายามที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ถึง 3 ปีโดย James Dyson วิศวกรผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dyson เป็นคนลงมือออกแบบและควมคุมการผลิตรถต้นแบบเอง
BYD เป็นบริษัทที่มีกำไร ไม่ใช่บริษัท Startup และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง A Share และ H Share แต่ด้วยภาพลักษณ์ของบริษัทที่ไม่ได้ จับตลาด High-End หรือมีเทคโนโลยีล้ำหน้าหวือหวา จึงอาจทำให้คนพูดถึงไม่มากนัก
แต่จริงๆแล้ว BYD มีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เจ้าอื่นไม่มีด้วยซ้ำ เช่น Blade Battery ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในบรรดาแบตเตอรี่ทั้งหมด