Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พงศ์เล่าเรื่อง
•
ติดตาม
1 มี.ค. 2021 เวลา 02:28 • ศิลปะ & ออกแบบ
ความหมายของภาพจิตรกรรม "พุทธิปัญญา"
http://oknation.nationtv.tv/blog/phaen/2007/09/14/entry-1
อ.พิชัย นิรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปีพุทธศักราช 2546
อาจารย์พิชัยเป็นศิลปิน ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงว่าเป็นบุคคลสำคัญด้านจิตรกรรมร่วมสมัย มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 40 ปี
ผลงานของอาจารย์พิชัย ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับเกียรติให้เขียนภาพประกอบ หนังสือมหาชนก พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ อีกด้วย
ผลงานของท่านได้แรงบันดาลใจมาจากความงามและความสัมพันธ์ของธรรมชาติในรูปแบบที่แสดงถึง "พุทธิปัญญา" อันสืบเนื่องจากปรัชญาคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สำหรับผลงานชิ้นที่ชื่อว่า
"พุทธิปัญญา" ชิ้นนี้ของท่านอาจารย์ มีความหมายเกี่ยวโยงกับคำสอนในทางพระพุทธศาสนาโดยตรง
สังเกตุได้จากรูปลักษณ์ของสิ่งที่ใช้สื่อความหมายในภาพ เช่นดอกบัว ซึ่งมีความหมายแสดงถึงความบริสุทธิ์แห่งปัญญาในพุทธศาสนา ซึ่งเราชาวพุทธนั้นย่อมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ภาพนี้จึงสามารถสื่อสารเข้าถึงใจของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธได้ไม่ยากนัก
ผมพยายามค้นหาความหมายที่เจ้าของผลงานอธิบายในสื่อออนไลน์ แต่ก็หาไม่พบว่าท่านอาจารย์พิชัย นิรันต์ ได้อธิบายไว้ว่าอย่างไรบ้าง
ผมจึงพยายามค้นหาความหมายจากครูบาอาจารย์ทางพุทธศาสนาและจำได้ว่าท่านพุทธทาสได้เคยพูดถึงลำดับในการหลุดพ้นจากโลก ไว้ในหนังสือ "คู่มือมนุษย์" ซึ่งความหมายก็น่าจะตรงกับความหมายของคำว่า "พุทธิปัญญา" ที่ท่านอาจารย์พิชัย นิรันต์ ต้องการสื่อออกมา
ซึ่งก็เป็นทัศนะส่วนตัวของผมเองเท่านั้นไม่ได้หมายความว่าท่านอาจารย์พิชัย จะต้องคิดแบบเดียวกันนี้
ดังนั้น ผมจึงจะขอนำเนื้อหาในส่วนที่พูดถึงลำดับแห่งการหลุดพ้นจากโลก จากหนังสือ"คู่มือมนุษย์" มาอธิบายความหมายเพิ่มเติมดังนี้
(ส่วนเพิ่มเติม)
พุทธิปัญญา แปลเป็นภาษาอังกฤษ ตรงกับคำว่า
intellect (n) : wisdom, intelligence, understanding, rationality, perception
หมายถึงพัฒนาการทางสติปัญญา, ความรู้
ลำดับแห่งการหลุดพ้นจากโลก
1
การปฏิบัติเพื่อยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นขนาดที่ความทุกข์ใจครอบงำไม่ได้ จึงพ้นทุกข์ด้วยอำนาจความรู้แจ้ง ว่าไม่มีอะไรน่ายึดถือ
1
2
แล้วสิ่งต่างๆในโลกก็จะไม่มีอิทธิพลทำใจเราให้หลงรักหรือหลงชังอีกต่อไป
เรียกว่าจิตอยู่เหนือวิสัยของชาวโลกขั้นถึงฐานะอันใหม่ ที่ท่านเรียกว่า โลกุตตรภูมิ
การที่จะเข้าถึงโลกุตตรภูมิ ได้ชัดเจน เราจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องตรงข้าม กล่าวคือ "โลกิยภูมิ" ด้วยเหมือนกัน
1
1
จากภาพของอาจารย์จะเห็นว่าดอกบัวมีจุดกำเนิดจากเบื้องต่ำที่ท่านอาจารย์พิชัยใช้สีค่อนข้างทึบ มืด ซึ่งแสดงถึงความเป็น "โลกิยภูมิ" อันเต็มไปด้วยความมืดแห่ง "อวิชชา" นั่นเอง
โลกิยภูมิ ก็คือระดับของจิตที่สิ่งต่างๆในโลกมีอิทธิพลเหนือจิต แบ่งโดยสรุปออกเป็น 3 พวกคือ
1
กามมวจรภูมิ
ระดับของจิตที่ยังพอใจในกามทั้งปวง
รูปาวจรภูมิ
ฐานะของจิตที่ไม่ต่ำจนถึงกับพอใจในกามคุณ แต่ว่ายังพอใจในความสุขซึ่งเกิดจากสมาบัติที่เพ่งรูปเป็นอารมณ์ อันไม่เกี่ยวกับกาม
อรูปาวจรภูมิ
จิตที่ยังพอใจในความสุขสงบที่สูงขึ้นโดยยึดสิ่งที่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์
โลกิยภูมิ คือ สถานะทางใจของสัตว์สามัญ แม้จะเรียกชื่อต่างกัน เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม สัตว์เดรัจฉาน หรือสัตว์นรกก็ตาม ก็รวมอยู่ใน 3 ภูมินั้น
คนส่วนใหญ่ในโลกก็ตกอยู่ใน "กามาวจรภูมิ" เป็นเรื่องธรรมดา คือจิตมนุษย์เราโดยปกตินั้น ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความเอร็ดอร่อยทางรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
แต่ในบางโอกาส อาจจะพ้นออกมาจากอิทธิพลของสิ่งยั่วยวนเหล่านี้ได้ เพราะอาศัยจิตให้ไปจดจ่ออยู่กับความสงบอันเกิดจากการเพ่งรูปธรรมหรือนามธรรมเป็นอารมณ์
บางคราวจิตของมนุษย์เราจึงอยู่ในลักษณะที่เป็นรูปาวจรภูมิ หรืออรูปาวจรภูมิก็มี
เมื่อจิตของผู้ใดตั้งอยู่ในภูมิใด เมื่อนั้นภาวะที่เขากำลังอาศัยอยู่นั้น ก็จะกลายเป็นภพที่มีชื่อนั้นไปทันที
2
เช่นใครคนหนึ่งในโลกกำลังเป็นสุขอยู่ด้วย "รูปาวจรสมาบัติ" โลกนี้ก็กลายเป็น "รูปาวจรภูมิ" สำหรับเขาไป
เพราะเขาไม่รู้สึกในสิ่งใดนอกจาก รูปาวจรภูมิ โลกนี้ขณะนั้นและสำหรับเขาผู้นั้น ก็มีค่าเท่ากับ รูปาวจรภพ ไป จนกว่าฐานะแห่งจิตของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
ผู้ที่อยู่ในภูมิทั้ง 3 นี้ ถึงแม้ว่าจะได้รับความสุขความสงบชนิดที่เหมือนกับว่าเป็นก้อนดินก้อนหินหรือท่อนไม้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีความยึดถือตัวตน ยังอาศัยตัณหาต่างๆชนิด ตลอดถึงตัณหาชนิดที่ละเอียดที่สุด
1
เช่นไม่ชอบภาวะที่ตนเป็นอยู่ ต้องแสวงหาภาวะใหม่ มีการประกอบกรรมต่างๆ ด้วยอำนาจของความอยากนั้น
เพราะฉะนั้นจึงไม่เรียกว่าอยู่เหนือวิสัยโลก ไม่ใช่โลกุตตรภูมิ จึงจัดเป็น "โลกิยภูมิ"
ส่วน "โลกุตตรภูมิ" นั้น มีจิตอยู่เหนือวิสัยชาวโลก มองเห็นสภาพของโลกเป็นของไม่มีสาระตัวตนที่เป็นแก่นสาร ใจไม่ต้องการสิ่งใดๆในโลก
พวกที่ตั้งอยู่ใน "โลกุตตรภูมิ" นี้ยังแบ่งเป็นชั้นๆ ตามหลักพุทธศาสนา เป็นมรรค เป็นผล ๔ ชั้นด้วยกัน คือ
พระโสดาบัน
พระสกิทาคามี
พระอนาคามี
และ พระอรหันต์
ความเป็นพระอริยบุคคล ๔ จำพวกนี้หมายถึง โลกุตตรภูมิ
ส่วน "นิพพาน" นั้น ถ้าเป็นเรื่อง"โลกุตตรธรรม" ก็หมายถึง สภาพอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งใดๆ คือไม่เหมือนกับสิ่งทุกสิ่งในโลก
ถ้ายกเลิกภาวะและวิสัยเหล่านั้นทั้งหมดเสียได้ ก็จะเหลือสิ่งที่เรียกว่านิพพาน กล่าวคือ สภาพตรงกันข้ามกับโลกโดยประการทั้งปวง
เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องอาศัยสิ่งใดปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่งสิ่งใด เป็นที่ดับของการปรุงแต่งทั้งปวง
1
แต่ถ้าจะกล่าวทางผล นิพพานก็หมายถึงภาวะที่ปราศจากการถูกเผาลน ปราศจากการถูกตบตี ทิ่มแทงร้อยรัด ครอบงำผูกพันอะไรทั้งหมดเหล่านั้น
เพราะว่ากิเลสทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุทำให้ร้อนอกร้อนใจต่างๆนานาได้ถูกทำลายไปหมด ก้อนจะถึงภาวะที่เรียกว่านิพพาน
นิพพาน เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า ท่านอาจารย์พิชัยน่าจะหมายความถึงสุดขอบของภาพหลุดเลยออกไปแล้วจากภาพนั่นเอง
นั่นหมายถึงการบรรลุธรรมขั้นพระอรหันต์ น่าจะหลุดออกไปแล้วเสียจากรูปภาพนี้ ส่วนที่ลดหลั่นกันลงมาก็คือดวงจิตของ พระอนาคามี พระสกิทาคามี และพระโสดาบัน ตามลำดับ และต่ำลงไปจนสุดที่ก้นของโลกิยภูมินั่นเอง
2
เพราะว่า นิพพาน
เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง ที่ไม่มีขอบเขต ไม่ต้องอาศัยการกินเนื้อที่ ไม่ขึ้นอยู่กับการล่วงไปของเวลาหรือไม่เกี่ยวข้องกับการเวลา
แต่อยู่ในลักษณะเป็นตัวของตัวเองชนิดหนึ่ง ไม่เหมือนอะไรในโลก แต่เป็นที่ดับของภาวะโลกๆ
พูดในฐานะเป็นอุปมา ท่านให้นามว่าเป็นแดนที่ดับของสิ่งปรุงแต่งทั้งปวง
จึงเป็นธรรมชาติที่อิสระปราศจากเครื่องผูกมัด ไม่มีการถูกทรมาน กระทบกระแทกทิ่มแทงโดยอะไรๆทั้งสิ้น
1
นี่เป็นลักษณะของโลกุตตรธรรมข้อสุดท้าย
เป็นจุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องสุดท้ายของการปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนา
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และโดยเฉพาะท่านที่กรุณาแสดงความเห็น ทัศนะเกี่ยวกับความหมายในภาพ
ซึ่งต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในหลักทางพุทธศาสนาในการตีความผลงานของท่านอาจารย์ พิชัย นิรันต์ ภาพนี้ อยู่พอสมควร
และทุกความคิดเห็นนั้นมีส่วนถูกทั้งสิ้นตามความเห็นของผม ขอบคุณครับ
1
. 💛คัดบางส่วนมาจาก💛
. หนังสือ คู่มือมนุษย์
. แต่งโดย พุทธทาสภิกขุ
หลวงพ่อ พุทธทาส อินทปัญโญ
https://sites.google.com/site/punyasophy/phuththi-payya
ธรรมะสวัสดี
3 บันทึก
25
29
8
3
25
29
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย