28 ก.พ. 2021 เวลา 02:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
=== หายนะแห่งการซื้อหุ้นตัวเดียว ===
ไม่ใช่เรื่องผิดที่อยากซื้อหุ้นตัวที่มั่นใจ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันคือสิ่งที่เกิดได้เสมอ
.
#คำถาม หุ้น 1 ตัวจะมีสัดส่วนสูงสุดได้กี่ % ของพอร์ต และคุณเคยซื้อหุ้นตัวเดียวแบบหมดหน้าตักหรือไม่?
.
.
.
Mark Minervini
.
ขนาดที่เหมาะสมที่สุดต่อหุ้น 1 ตัวของผมจะอยู่ที่ไม่เกิน 25% ของพอร์ต ถ้าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวังหรือเพิ่งเริ่มเข้ามาเทรด คุณอาจจะมีขนาดมากสุด 10-12% ต่อหุ้นหนึ่งตัว (ถือหุ้น 8-10 ตัว) แต่คุณคงไม่จำเป็นต้องมีหุ้นถึง 25 ตัวและคุณก็ไม่ควรเอาพอร์ตของคุณไปเสี่ยงกับหุ้นตัวเดียว มันเป็นอะไรที่เสี่ยงมากเกินไป!
.
ผมได้บทเรียนเรื่องนี้จากการ "เกือบ" ขาดทุนหนักเมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ตอนนั้นผมกำลังคิดจะซื้อหุ้นตัวหนึ่ง.. มันน่าจะมีชื่อว่า Healthcare of America แต่ผมไม่ได้ซื้อมัน เช้าวันต่อมา ราคาหุ้นเปิดโดดลงไป 80% เลย
.
ตั้งแต่นั้นมา ผมสำนึกเลยว่าผมไม่สามารถนำเงินทั้งหมดของผมมาเสี่ยงกับหุ้นตัวเดียวได้ แต่ถ้าผมถือหุ้นอยู่ 25% ของพอร์ต มันก็ถือว่าเป็นการโฟกัสมากพอที่จะสามารถทำกำไรก้อนโตให้เราได้ หรือหากมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้หุ้นตกลงไปแรงมาก ผลขาดทุนของมันก็ยังสามารถกู้คืนกลับมาได้ไม่ยากด้วย
.
.
.
David Ryan
.
เมื่อภาพรวมตลาดดูมีอาการค่อนข้างดีและหุ้นตัวที่ผมถือส่วนใหญ่ก็วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ หุ้น 1 ตัวผมจะมีสัดส่วนได้มากสุด 25% ของพอร์ต แต่มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่หุ้นตัวนั้นค่อยๆ วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนผมทยอยเพิ่มขนาดตามขึ้นไป ผมจะไม่เริ่มด้วยการซื้อหุ้นทีละ 25% ของพอร์ต
.
.
.
Dan Zanger
.
ผมเคย "อัดหมดพอร์ต" แค่ครั้งเดียว และมันเกือบทำให้ผมเจ๊งหมดตัว หุ้นของบริษัทหนึ่งเคยเทรดอยู่ที่ 27 เหรียญในวันศุกร์แล้วพอวันจันทร์มันลงไปเหลือแค่ 6 เหรียญ หลังจากนิตยสาร Barron’s ลงบทความว่าหุ้นตัวนั้นมันเป็นบริษัทที่โกงวิธีการบันทึกบัญชี ต้องขอบคุณพระเจ้าที่หุ้นตัวนั้นใช้มาร์จิ้นซื้อไม่ได้ไม่งั้นผมคงได้ไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาในคดีล้มละลายแล้วล่ะ
.
ในอีกมุมหนึ่ง ผมเคยมีหุ้น Google มากถึง 50% ของพอร์ตในช่วงเริ่มต้นเป็นขาขึ้นเมื่อปี 2005 ซึ่งมันเป็นความสำเร็จครั้งใหญ๋ของผมเลย และยังเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมถือหุ้นตัวเดียวมากขนาดนั้น ส่วนเมื่อปี 2012 หุ้น Apple มีขาขึ้นให้เทรดได้สองรอบ ซึ่งผมก็ถือหุ้นตัวนี้ด้วยสัดส่วนมากกว่า 30%
.
สำหรับกฎทั่วไปของผม ถ้ามีหุ้นวิ่งขึ้นมาอย่างโดดเด่นจากฐานราคาที่ดีมาก และมีผลประกอบการเติบโตอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ผมจะซื้อหุ้นตัวนั้น 20% ของพอร์ต
.
.
.
Mark Ritchie ll
.
ปกติผมจะไม่ถือหุ้นตัวไหนมากกว่า 25% ของพอร์ต แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่จะถือหุ้นตัวนั้น 50% ของพอร์ต ผมไม่สนับสนุนให้ทุ่มหมดหน้าตักกับหุ้นตัวเดียว และผมก็ไม่เคยทำด้วย ผมจะทยอยเพิ่มสัดส่วนไปเรื่อยๆ ถ้าการเทรดนั้นออกมาดี
.
.
.
จากหนังสือ โมเมนตัม มาสเตอร์
โฆษณา