เมื่อเพนกวินหนุ่มโดนสาวหลอกไถทรัพย์?
พฤติกรรมเสนอเซ็กส์แลกกับของมีค่า หรือแค่สัญญาว่าจะให้ เป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมมนุษย์ แต่จะเป็นยังไง เมื่อพบว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดสำหรับสังคมเพนกวิน
เมื่อปี 1998 ทาง BBC ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับนักวิจัยเพนกวินในนิวซีแลนด์ที่กล่าวถึงพฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงในสังคมเพนกวินที่มีคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว
ดร. Fiona Hunters นักวิจัยจากภาควิชาสัตววิทยา มหาวิทยาลัย Otago ได้ใช้เวลาศึกษาเพนกวินบนเกาะ Ross เป็นเวลานานกว่า 5 ปี พบว่า เพนกวินเพศเมียมีพฤติกรรมสะสมก้อนหินโดยเอาเซ็กส์เข้าล่อ
ก้อนหินถือเป็นของมีค่าสำหรับเพนกวิน เนื่องจากใช้สำหรับสร้างรัง และไม่ได้หาได้ง่าย เนื่องจากทุกปี จุดสร้างรังของเพนกวินจะถูกน้ำท่วม ซัดเอาก้อนหินที่เป็นรังเดิมกระจัดกระจายไป เหล่าเพนกวินจึงต้องออกหาก้อนหินมาทำรังใหม่ทุกครั้ง
เหตุมักจะเริ่มจากเพนกวินตัวเมีย ออกจากรังไปเสาะหาตัวผู้ที่ยังโสด (ที่ต้องหาหนุ่มโสด เพราะถ้าไม่โสด อาจจะโดนตัวเมียที่เป็นคู่เขาอยู่แล้วตบเอาได้ นอกจากนี้หนุ่มโสดไม่ต้องใช้เวลาดูแลครอบครัว เลยมีเวลาว่างสะสมสมบัติก้อนหินได้มาก แถมพวกนี้ยังพร้อมและมองหาคู่ผสมพันธุ์อยู่แล้ว) เมื่อพบแล้ว ตัวเมียจะเริ่มเข้าหาตัวผู้ ให้ตัวผู้โอ้โลมด้วยการผงกหัวขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณเริ่มขั้นตอนการผสมพันธุ์ เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ตัวเมียก็จะกลับบ้านพร้อมกับเหน็บก้อนหินก้อนสองก้อนกลับไปทำรังด้วย นักวิจัยพบว่ามีบางตัวหาได้ถึง 60 กว่าก้อนเลยทีเดียว
แต่บางครั้งยังไม่ทันจะได้ผสมพันธุ์ ถ้าเพนกวินหนุ่มเผลอ ตัวเมียอาจจะวิ่งหนีไปพร้อมกับก้อนหินก่อนเลยก็มี
นักวิจัยบอกว่า จะพบกรณีเอาเซ็กส์แลกหินนี้เฉพาะกับตัวเมียเท่านั้น ส่วนตัวผู้ดูจะสนใจกับเรื่องเซ็กส์อย่างเดียว ไม่สนก้อนหินใดๆ มีสมมติฐานว่าตัวเมียอาจจะไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ก้อนหินเป็นหลัก อาจจะอยากลองหาประสบการณ์ใหม่หรือหาตัวสำรอง เผื่อตัวผู้ที่เป็นคู่ปัจจุบันเกิดตายไปก่อน นั่นหมายถึงว่าตัวผู้ไม่ได้เสนอก้อนหินให้ตัวเมียเพื่อแลกเซ็กส์ แต่ตัวเมียใช้เซ็กส์เพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง แล้วเอาก้อนหินกลับไปเป็นของแลกเปลี่ยน
จากการสังเกตคาดว่า กรณีเก็บหินแลกเซ็กส์นี้น่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่มากในสังคมเพนกวิน แต่ที่พีคไปอีกยังกะละครหลังข่าว คือตัวเมียพวกนี้จะมีคู่อยู่แล้ว โดยตัวผู้ที่เป็นคู่ก็ไม่ได้สนใจจะตามดูหรือถามไถ่ เมื่อเห็นเมียออกจากรัง แล้วกลับมาพร้อมก้อนหิน
นอกจากเพนกวินแล้ว กรณีที่ใกล้เคียงกันคือลิงชิมแพนซี ที่มีการวิจัยในปี 2009 จากสถาบัน Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology ในเยอรมนี พบว่า ลิงชิมแพนซีเพศเมีย จะผสมพันธุ์บ่อยครั้งกว่าเป็นเท่าตัว กับตัวผู้ที่แบ่งปันอาหารให้มันอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เมื่อเทียบกับตัวผู้ตัวอื่นที่ไม่เคยแบ่งอาหารให้เลย และความสัมพันธ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลายาวด้วย ซึ่งนอกจากแสดงว่าลิงชิมแพนซีอาจจะมีความจำเหตุการณ์ในอดีต และสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์กับปัจจุบันได้ดี แล้วยังแสดงให้เห็นว่าลิงตัวเมียอาศัยเซ็กส์เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งเพื่อเพิ่มโอกาสการอยู่รอด เนื่องจากส่วนใหญ่ตัวผู้จะออกล่าเพื่อหาอาหารมากกว่าตัวเมีย
หรือในทางกลับกัน ก็เป็นไปได้ว่า โอกาสได้ผสมพันธุ์ คือตัวกระตุ้นให้ตัวผู้ออกหาอาหาร
เมื่อเทียบกับการวิจัยในมนุษย์ เมื่อปี 2004 โดยในตัวอย่างสังคมมนุษย์ที่ยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์เป็นหลัก ทั้งในชนเผ่าต่างๆ ในแอฟริกาและอินโดนีเซีย พบว่าฝ่ายชายที่เป็นนักล่าชั้นเซียนในเผ่า มีโอกาสจะมีภรรยาจำนวนมากกว่า หรือมีภรรยาอายุน้อยกว่า รวมถึงมีลูกหลานมากกว่าด้วย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า การใช้เซ็กส์เพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเรื่องที่พบได้ปกติในธรรมชาติ ซึ่งอาจจะมีมาก่อนที่เราจะวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ยุคใหม่ด้วยซ้ำ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
