5 มี.ค. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ชาเรียนเป็นนักบินอวกาศ ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทเพชรแห่งหนึ่งไปทำลายดาวเคราะห์ดวงหนึ่งชื่อ ซีตา 712 ดาวเคราะห์ในระบบดาวซีตา ห่างจากโลกที่เขาอยู่ยี่สิบสองปีแสง
ซีตา 712 เคยเป็นดาวเคราะห์ขนาดยักษ์โคจรรอบดาวซีตา แต่เมื่อดวงอาทิตย์ของมันดับ ทิศทางการโคจรของมันก็เปลี่ยนไป มันกลายเป็นซากดาวเคราะห์ซึ่งเดินทางไปโดยไม่โคจรรอบดวงอาทิตย์ดวงใด บริษัทเพชรค้นพบว่า ซีตา 712 กำลังวิ่งตรงเข้าหาดาวเอรากอน หนึ่งในดาวเคราะห์ที่พวกเขาใช้ทำเหมืองเพชร และจะชนโลกเหมืองเพชรแห่งนั้นในอีกสิบสองปีข้างหน้า จึงต้องทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้
ชาเรียนขับยานไปวางระเบิดดาวเคราะห์ดวงนั้น และพบว่า ซีตา 712 เป็นดาวเคราะห์ที่เป็นเพชรทั้งดวง เขาจึงรู้เหตุผลที่แท้จริงของการทำลายดาวเคราะห์ดวงนั้น ซีตา 712 มีปริมาณเพชรมากพอที่จะขุดออกมาใช้ได้นานหลายพันปี ดาวเคราะห์ดวงนี้จะทำให้ราคาเพชรตกต่ำลงอย่างฮวบฮาบจนแทบไร้ค่า บริษัทฯจึงต้องทำลาย ซีตา 712 เพื่อรักษาราคาเพชรในตลาดตามที่พวกเขากำหนด
นี่เป็นนิยายไซไฟชื่อ คนเสเพล ซึ่งผมเขียนเมื่อราวยี่สิบปีก่อน ทว่าไม่นานมานี้ในโลกของความจริง นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่เป็นเพชรจริง ๆ !
2
ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ห่างจากโลกเราประมาณสี่พันปีแสง โคจรรอบดาวนิวตรอนดวงหนึ่ง หนึ่งรอบกินเวลาสองชั่วโมงสิบนาที มันเป็นดาวเคราะห์มวลสูง ประกอบด้วยคาร์บอนอัดแน่นมหาศาล นักวิทยาศาสตร์คำนวณความหนาแน่นแล้วเชื่อว่าธาตุคาร์บอนในดาวเคราะห์ดวงนี้ตกผลึกเป็นเพชร
เช่นเดียวกับในนิยาย ถ้าเราขุดเพชรจากดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ดวงนี้มาได้เมื่อไร ราคาเพชรในตลาดโลกก็คงมีค่าพอกับกรวดทราย เพราะใคร ๆ ก็หาเพชรมาประดับได้ง่าย ๆ
ทว่ามองอีกมุมหนึ่ง คงไม่มีใครคิดเอาเพชรไร้ค่ามาประดับตัว เหมือนกับที่ไม่มีใครเอากรวดมาประดับตัวในตอนนี้ เหตุผลเดียวคือของยิ่งมีมาก ค่ายิ่งน้อย เมื่อได้มาง่าย ๆ ก็ไร้ค่า
จะเห็นว่า ‘ราคา’ ขึ้นกับซัพพลาย มีน้อยราคาก็สูง
ราคาไม่เกี่ยวกับ ‘ดี’ เสมอไป
ความจริงเพชรก็เป็นเพียงธาตุคาร์บอนที่บังเอิญอยู่ใต้ดินชั้นที่ลึกมาก ๆ แรงกดดันมหาศาลและความร้อนทำให้คาร์บอนอัดแน่นจนเป็นเพชร (เพราะมันอัดแน่น มันจึงเป็นธาตุที่แกร่งที่สุดในโลก)
เมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิด ลาวาใต้โลกก็ผลักเพชรข้างล่างพุ่งขึ้นมาบนผิวโลก วันดีคืนดีก็มีคนขุดมาขาย แย่งกันฆ่ากันตายเพื่อมัน ทั้งที่ใช้กินก็ไม่ได้ มันมีค่าก็เพราะมันหายาก
การผลิตเหรียญใช้ในประเทศ รัฐบาลจะระวังไม่ให้ค่าของเหรียญสูงกว่ามูลค่าเหรียญ ยกตัวอย่างเช่น เหรียญหนึ่งบาทต้องทำด้วยโลหะมูลค่าไม่เกินหนึ่งบาท
หากค่าของเหรียญเกินมูลค่าของมัน ก็จะมีคนเอาเหรียญไปหลอมเป็นโลหะขายได้กำไรดีกว่า
สมัยผมเป็นเด็ก มีคนหัวใสเอาเหรียญสตางค์มาหลอมไปขาย เพราะราคาโลหะสูงกว่าตัวเลขบนเหรียญ
คนจำนวนมากมองไม่ออกว่า ของดีกับของแพงไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเดียวกัน สินค้า ‘เลอค่า’ อาจมีราคาสูงเพราะปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่คุณภาพสินค้า ภาพเขียนบางภาพแพงเพราะมันเป็นของเก่า ไม่ใช่คุณค่าทางศิลปะ
คุณค่าของสิ่งของจึงอยู่ที่การสมมุติ
เคยสงสัยไหมว่า ตัวเราแต่ละคนมีมูลค่าจริงเท่าไร
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีจับชาวยิวหลายล้านคนไปฆ่า ฆ่าแล้วก็เอาเส้นผมไปทำเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ไขมันใช้ทำสบู่ ฯลฯ ดังนั้นมองแบบคนเป็นสิ่งของ คนก็มีราคา
ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น คาร์บอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซัลเฟอร์ โซเดียม แมกนีเซียม สังกะสี ไอโอดีน ไทเทเนียม โครเมียม แมงกานีส ลิเทียม ฯลฯ
สมมุติว่าเราสลายร่างกายเราออกเป็นธาตุทางเคมีล้วน ๆ ไม่คิดเรื่องการขายอวัยวะ เช่น ไต เราก็สามารถเอาธาตุต่าง ๆ ไปทำประโยชน์ได้เหมือนที่เราขุดธาตุต่าง ๆ มาจากธรรมชาติ
มีผู้คำนวณคร่าว ๆ ว่าคนที่มีน้ำหนัก 80 กิโลกรัม ประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ ในร่างกายซึ่งเมื่อสกัดออกมาแล้ว จะมีค่าประมาณ 160 ดอลลาร์ ราวหกพันบาท นี่คือมูลค่าทางกายภาพของเรา
ค่าตัวของมนุษย์ตีมูลค่าจากความสามารถของสมองและการกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวร่างกาย ใครจะไปปั่นราคาตัวเองสูงเท่าไร ก็ว่ากันไป เช่น คนเก่งอาจเรียกร้องเงินเดือนสูง ๆ ส.ส. อาจปั่นราคาตัวเองในฤดูหาเสียงได้สูง 10-50 ล้าน นางแบบ ดาราหนังหน้าตาดี อาจมีโอกาสทำเงินได้มากกว่านี้
บางคนสามารถสร้างมูลค่าของตนได้สูงกว่า 160 ดอลลาร์หลายเท่า บ้างก็สร้างคุณงามความดีมากเกินกว่าจะประเมินได้ แต่มูลค่าจริงของร่างกายก็ยังแค่ 160 ดอลลาร์
ตลอดชีวิตเรากินและใช้ทรัพยากรธรรมชาติไปมากกว่าราคาของเราหลายพันเท่า
เราเป็นหนี้โลกใบนี้มากเกินกว่าที่เราจะชดใช้ได้หมด
จึงควรที่เราจะถามตัวเองเป็นระยะ ๆ ว่า เราทำประโยชน์อะไรบ้างแก่โลก ถ้าสิ่งที่เราทำมีค่าต่อโลกมากกว่า 160 ดอลลาร์ ก็คือไม่เสียชาติเกิด
คนบางคนกินข้าวอิ่ม ไม่ทำอะไรในทางสร้างสรรค์ ตรงข้ามกลับทำลายสังคม คนสมัยก่อนเรียกว่า ‘หนักแผ่นดิน’
1
บางครั้งราคาก็ถูกกำหนดด้วยหัวใจของเรา
สามีภรรยาบางคู่ก่อนแต่งมองเห็นคู่ของตนมีราคาสูง เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม แต่ครั้นเบื่อหน่าย ก็ประกาศยกให้คนอื่น แถมเงินให้ด้วย!
ในเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของ ปกรณ์ ปิ่นเฉลียว ตัวละครคนหนึ่งจุดไฟเผาธนบัตรเพื่อใช้แสงสว่างของมันมองหาเหรียญที่เขาทำตกบนพื้น เหรียญนั้นมีมูลค่าต่ำกว่าธนบัตรที่เขาเผาทิ้งมาก แต่เนื่องจากมันมีราคาทางจิตใจสำหรับเขา เขาจึงยอม
1
เคยถามตัวเองไหมว่าเรามีราคาทางจิตใจต่อคนอื่นสูงแค่ไหน?
1
เคยถามตัวเองไหมว่าเราเป็นเพชรหรือกรวด?
ราคาทางกายภาพของทุกคนใกล้เคียงกัน ความแตกต่างอยู่ที่เราสามารถสร้างราคาได้สูงกว่านั้นมากเท่าไร คุณค่าขึ้นกับสิ่งที่เรากระทำ จนเมื่อเราจากโลกไปนานแล้ว คนอื่นยังจดจำ ‘ราคา’ ทางใจของเราได้ไม่รู้ลืม
1
จากหนังสือ รอยยิ้มใต้สายฝน โดย วินทร์ เลียววาริณ
สั่งซื้อตรงราคาถูกกว่าได้ที่เว็บนักเขียน https://bit.ly/32ujXWR
โฆษณา