Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เจาะลึกแท็กติกฟุตบอล
•
ติดตาม
1 มี.ค. 2021 เวลา 09:26 • กีฬา
🤝 ไรซ์ กับ ซูเช็ก ผนึกกำลังทั้งรุกและรับได้อย่างโดดเด่นใน พรีเมียร์ลีก
หลังผ่านช่วงเวลาหลายปีที่การเล่นเพรสซิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นในเกมฟุตบอลระดับท็อป มาในฤดูกาล 2020/21 ก็เริ่มมีหลายทีมทำในสิ่งตรงกันข้าม หรือจะพูดตามจริงเลยก็คือทำในสิ่งตรงกันข้ามอย่างมากเลยด้วย
การแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ที่ได้ชื่อว่าใช้พละกำลังหนักหน่วงที่สุดได้กลายมาเป็นลีกที่เล่นเพรสซิ่งน้อยลง มีถึง 19 ทีม จากทั้งหมด 20 ทีมที่เล่นเพรสซิ่งน้อยกว่าเมื่อฤดูกาลก่อน ยกเว้นเพียงแค่ แอสตัน วิลล่า ทีมเดียวเท่านั้น และผลงานที่ตกลงไปของพวกเขาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่าพละกำลังของพวกเขานั้นไม่คงที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเป็นทีมที่เน้นเพรสซิ่งก็มีผลงานแผ่วลงไป เช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล ที่เป็นตัวอย่างที่ดี
ขณะที่อีกด้าน เวสต์แฮม ยังคงเดินหน้าต่อไป ชัยชนะ 2-1 ของพวกเขาที่มีเหนือ ท็อตแน่ม เมื่อเดือนที่แล้วคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มันพาพวกเขายึดพื้นที่ท็อปโฟร์ได้สำเร็จ นอกจากนี้เกมดังกล่าวก็ยังเป็นการดวลกันระหว่าง 2 ผู้จัดการทีมที่มีแนวคิดการทำทีมแบบเน้นปลอดภัยไว้ก่อนอย่าง เดวิด มอยส์ และ โชเซ่ มูรินโญ่ ทั้งคู่เป็นที่จดจำในช่วงกลางยุค 2000 ซึ่งตอนนั้นการจัดทีมแบบรัดกุมหน้ากรอบเขตโทษของตัวเองไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแท็กติกชั้นเซียนอะไรนัก
เคยมีคำถามถึงแนวทางการทำทีมของ มูรินโญ่ ว่าการตั้งรับลึกของเขาจะยังใช้ได้ผลอยู่หรือไม่ในเกมสมัยใหม่ สำหรับทีมที่มีเป้าหมายจบพื้นที่ท็อปโฟร์ ซึ่งก็คงจะพอมองเห็นคำตอบกันได้บ้างแล้ว
ว่าแต่มันมีอะไรเกิดขึ้นกับ เวสต์แฮม ของ มอยส์ กันล่ะ?
พวกเขาไม่ได้ขึ้นไปกดดันพื้นที่ในแดนหน้า พวกเขามีการเข้าปะทะที่น้อยที่สุดในพื้นที่สุดท้ายเมื่อเทียบกันในบรรดาทีม พรีเมียร์ลีก ด้วยกัน ที่จริงต้องบอกว่าน้อยกว่าอย่างมากเลยด้วยซ้ำ
เวสต์แฮม มีสถิติเข้าปะทะน้อยที่สุดในพื้นที่สุดท้าย
สถิตินี้ต่อให้รวมเอาพื้นที่แดนกลางเข้ามาด้วย พวกเขาก็ยังรั้งอันดับสุดท้ายอยู่ดี
เวสต์แฮม มีสถิติเข้าปะทะน้อยสุดในพื้นที่ตรงกลางและพื้นที่สุดท้าย
หากคุณลองมองไปยังค่า PPDA (passes per defensive action หรือการจ่ายบอลต่อการกระทำเชิงตั้งรับ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการเพรสซิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด) เวสต์แฮม ก็จะอยู่อันดับที่ 4 จากท้าย มีเพียงแค่ คริสตัล พาเลซ, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เท่านั้นที่มีค่าน้อยกว่า มองจากภาพรวมแล้วก็ชัดเจนที่จะบอกว่า เวสต์แฮม เป็นทีมที่ตั้งเกมกันลึก
เวสต์แฮม มีสถิติการเล่นเพรสซิ่งน้อยที่สุดในลีก
นั่นอาจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับใครก็ตามที่ได้ดูทีมของ มอยส์ มาตลอดหลายปี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เวสต์แฮม ทำในสิ่งนั้นได้ดีเอามาก ๆ เคร้ก ดอว์สัน คือการเซ็นสัญญาที่ชาญฉลาด ด้วยความสามารถในลูกกลางอากาศ ผนึกกำลังกับ อันเจโล่ อ็อกบอนนา ที่ปักหลักอยู่ใจกลางของแนวรับ
วลาดิเมียร์ คูฟาล น่าจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่ดีที่สุดสำหรับเกมรับสไตล์โบราณ ขณะที่ อารอน เครสส์เวลล์ ก็ทำผลงานได้อย่างเหนียวแน่นทางฝั่งซ้าย สัญชาติญาณในการเล่นเกมรับของเขาถูกพัฒนาขึ้นด้วยประสบการณ์การยืนฝั่งซ้ายของแผงหลังแบบแบ็คทรีตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับทีมของ เวสต์แฮม และการเล่นตั้งรับลึกของพวกเขา ก็คือการประสานงานกันระหว่างมิดฟิลด์ตัวกลาง เดแคลน ไรซ์ และ โทมัส ซูเช็ก บางทีพวกเขาอาจจะเป็นคู่มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้เลยก็ได้ ต่อให้ไม่ใช่เช่นนั้น ทั้งคู่ก็ยังถือเป็นคู่หูที่เหมาะกับสไตล์การเล่นตั้งรับลึกมากที่สุดอยู่ดี
ย้อนกลับไปช่วงกลางเดือนมกราคม เกมที่ เวสต์แฮม เปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ไป 1-0 โดยได้ประตูชัยช่วงต้นเกมจาก มิคาอิล อันโตนิโอ น่าจะเป็นเกมที่บ่งบอกตัวตนของทีมขุนค้อนในฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุด ด้วยสกอร์ขึ้นนำ 1-0 พวกเขาปล่อยให้ เบิร์นลี่ย์ ทีมที่โดยปกติไม่ค่อยได้ครองบอลมากนัก เป็นฝ่ายครองสนาม ลอนดอน สเตเดี้ยม ด้วยสถิติการครองบอล 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของพวกเขาในฤดูกาลนี้ (อ้างอิงจาก
fbref.com
) แต่การเข้าทำของพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม นั่นคือการเน้นโยนยาวไปให้ คริส วู้ด และ แอชลี่ย์ บานส์
เวสต์แฮม ต้านทานได้ดี ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่า ไรซ์ และ ซูเช็ก คอยสกรีนหน้าเซ็นเตอร์แบ็คได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งคู่แกร่งในลูกกลางอากาศ คุณภาพการเล่นแบบนี้มีความสำคัญอย่างมาก ซูเช็ก เอาชนะจังหวะดวลกลางอากาศได้ถึง 10 ครั้ง มากที่สุดในเกมนั้น ขณะที่ ไรซ์ ทำได้ 5 ครั้ง ส่วนทางฝั่งของ วู้ด และ บานส์ ทำได้เพียงแค่คนละ 4 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับ อ็อกบอนนา และทางด้าน ดอว์สัน ทำได้ 1 ครั้ง ในเกมที่การดวลกลางอากาศมีความสำคัญยิ่งยวดแบบนี้ คู่มิดฟิลด์ของ เวสต์แฮม ก็เป็นฝ่ายเก็บกินได้เกือบหมด
นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ขณะที่ เบิร์นลี่ย์ กำลังขึ้นเกมรุกมาทางฝั่งขวา ไรซ์ ก็เข้าไปป้องกันพื้นที่เสาใกล้ ขณะที่ ซูเช็ก ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง อ็อกบอนนา คอยป้องกันบอลที่อาจถูกโยนมาถึงเสาไกล
จากนั้นในสถานการณ์คล้าย ๆ กัน ไรซ์ เข้าไปเผชิญหน้ากับ ดไวท์ แม็คนีล โดยที่ ซูเช็ก สวมบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คตัวเสริมอีกครั้ง น่าสนใจที่ในตัวอย่างครั้งนี้ แม็คนีล มองขึ้นมาแล้วเห็น บานส์ ยืนโล่ง ๆ ไร้ตัวประกบ แม้สุดท้ายลูกจ่ายชิปของเขาจะไม่ค่อยเข้าเป้านัก แต่นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นว่าคู่มิดฟิลด์ เวสต์แฮม มีความตั้งใจที่จะถอยลงมารักษาแนวรับ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาปล่อยพื้นที่ว่างในตำแหน่งที่พวกเขาควรยืนโดยปกติ
ด้วยการมีส่วนร่วมในกรอบเขตโทษทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ ซูเช็ก กลายเป็นผู้เล่นที่เอาชนะจังหวะดวลกลางอากาศมากกว่าใครใน พรีเมียร์ลีก
โทมัส ซูเช็ก ชนะดวลกลางอากาศมากที่สุดในฤดูกาลนี้
นอกจากนี้แล้วเขายังครองสถิติทำฟาวล์มากที่สุดอีกด้วย เรื่องนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพการเล่นของเขา แต่บ่งบอกว่าเขามีความเหนียวแน่นมากแค่ไหน
โทมัส ซูเช็ก ทำฟาวล์มากที่สุดในฤดูกาลนี้
ขณะที่ทางด้าน ไรซ์ ก็มีสถิติการแย่งบอลมากกว่าใครใน พรีเมียร์ลีก เป็นหลักฐานที่ชี้ชัดถึงทักษะในการยืนตำแหน่งและความสามารถในการอ่านเกมของเขา
เดแคลน ไรซ์ แย่งบอลได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้
จังหวะการอ่านเกมที่น่าจดจำของเขาเกิดขึ้นในเกมเอาชนะ ท็อตแน่ม 2-1 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ สเปอร์ส ขึ้นเกมรุกมาทางฝั่งขวา โดยที่ แฮร์รี่ เคน กำลังจะวิ่งควบขึ้นไปรับลูกจ่ายทะลุช่องจาก แกเร็ธ เบล คุณคงไม่ได้คาดหวังว่า ไรซ์ ซึ่งยืนอยู่ตรงกลางสนามจะถอยลงไปคัฟเวอร์พื้นที่แบ็คโฟร์
แต่หลังจากที่ เคน ได้บอล และครอสบอลเลียดพื้นมายัง ซน ฮึง-มิน และ เดเล่ อัลลี ก็กลายเป็น ไรซ์ ที่วิ่งสอดแผงหลังของ เวสต์แฮม เข้ามาสกัดบอลพ้นอันตรายไปได้
นั่นคือการทำงานในเกมรับของพวกเขา ส่วนในเกมรุก ทั้ง ซูเช็ก และ ไรซ์ ต่างก็มีส่วนร่วมอย่างมากทั้งคู่ แนวทางการโจมตีของ เวสต์แฮม จะเน้นหนักไปที่การครอสบอลและจังหวะสวนกลับ โดยที่มิดฟิลด์ตัวกลางทั้ง 2 คนต่างก็มีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ซูเช็ก ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งในจังหวะสุดท้ายของการครอส หากไม่นับรวมลูกจุดโทษ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ก็มีนักเตะเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นที่ยิงประตูไปมากกว่าเขา
ขณะเดียวกันทางด้าน ไรซ์ ก็มีส่วนสำคัญในการขึ้นเกม นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะพูดถึงมิดฟิลด์ตัวกลางกันตามปกติ แต่หากอ้างอิงจาก
fbref.com
ก็จะเห็นว่ามีนักเตะเพียงแค่ 12 คนเท่านั้นที่ลำเลียงบอลได้ระยะทางมากกว่า ไรซ์ ที่ทำเอาไว้ 6,277 หลาในฤดูกาลนี้ โดยผู้เล่นตำแหน่งเดียวกันที่มีตัวเลขมากกว่าเขาก็คือ โรดรี้ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งต่างก็เล่นในเกมที่เน้นการครองบอล และทั้งคู่ต่างก็มีสถิติการสัมผัสบอลมากกว่า ไรซ์ ราว ๆ 500 ครั้งได้จนถึงขณะนี้
ขอนำสถานการณ์นี้ไปใช้กับชัยชนะ 1-0 ที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่าง มิดฟิลด์ตัวกลางส่วนใหญ่เมื่อได้บอลจังหวะนี้ก็มักจะเคาะต่อไปทางฝั่งซ้ายให้กับ อาร์เธอร์ มาซูอากู เพื่อรักษาการครองบอล
แต่ ไรซ์ ตัดสินใจที่จะลากบอลขึ้นหน้าจากพื้นที่เกือบถึงเส้นกลางสนามมายังหน้ากรอบเขตโทษ รอจังหวะให้กองหลังเข้ามาหาเขา แล้วค่อยจ่ายบอลให้ มาซูอากู ในจังหวะที่สามารถครอสบอลเข้ากรอบเขตโทษได้เลย ซึ่งทาง เซบาสเตียน ฮาลเลอร์ ก็น่าจะจบสกอร์ได้ดีกว่านี้
อีกตัวอย่างมาจากเกมที่บุกชนะ เลสเตอร์ ได้อย่างน่าประทับใจด้วยสกอร์ 3-0 เมื่อ ไรซ์ ได้บอลตรงกลางสนามในฝั่งตัวเอง...
... ก่อนที่จะลากบอลขึ้นมาดื้อ ๆ 70 หลา แล้วสับไกยิงไปชนคาน
มีมิดฟิลด์ตัวกลางน้อยคนที่จะยิงประตูได้เหมือนอย่าง ซูเช็ก และมีมิดฟิลด์ตัวกลางน้อยคนที่จะลำเลียงบอลได้เหมือนอย่าง ไรซ์ สถิติเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับนักเตะ 2 คนที่มีหน้าที่หลัก ๆ คือการยืนปกป้องแนวรับในระบบการเล่นตั้งรับลึก
ด้วยระบบการเล่นของทีมแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ไรซ์ กับ ซูเช็ก จะปรากฏตัวราวกับว่าเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่คอยเคลื่อนที่ขึ้นหน้าเป็นมิดฟิลด์ ทั้งคู่ทำผลงานในเกมรับได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ตัวเลขอันน่าทึ่งในแง่ของจำนวนประตูและการลำเลียงบอลก็ถือว่าเป็นโบนัสมหาศาล
(เรียบเรียงจากบทความ "Cox: Rice and Soucek thriving in a tired Premier League – in attack and defence"
เขียนโดย ไมเคิล ค็อกซ์ ลงในเว็บไซต์
theathletic.com
เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2021
เรียบเรียงโดย ณัฐดนัย เลิศชัยฤทธิ์)
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย