1 มี.ค. 2021 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
ถ้าดอกเบี้ยสูงขึ้น ธุรกิจไหนได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ?
3
หนึ่งในสัญญาณที่กำลังบอกเราว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น
ก็คือ Bond Yield หรือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
โดยสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมใช้อ้างอิงกันมากที่สุดก็คือ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
7
เมื่อไม่นานมานี้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
ได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1.6% ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา
1
สาเหตุหลักที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความกังวล ต่ออัตราเงินเฟ้อ
ที่มีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
2
และเมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ธนาคารกลางชะลอการอัดเงินเข้าระบบ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
3
ล่าสุดคุณ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ก็ได้ออกมาระบุว่าจะยังคงเดินหน้าอัดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป โดยให้เหตุผลว่าระดับเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องหยุดการอัดฉีดเงินเข้าระบบ และยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
4
แต่ตอนนี้หลายคน น่าจะเริ่มสงสัยกันแล้วว่า
หากในอนาคต มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ธุรกิจไหนบ้าง ที่จะได้ หรือเสียประโยชน์ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3
หากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจแรกที่จะได้ประโยชน์ก็คือ กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์
3
นั่นก็เพราะว่า ธนาคารสามารถเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย และมีช่องว่างให้ปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นตามในขนาดที่น้อยกว่า หรือช้ากว่า
4
เรื่องดังกล่าวจะทำให้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Net Interest Margin (%NIM) เพิ่มขึ้น
2
เมื่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนต่างที่ว่านี้จะไหลลงมาเป็นกำไรของธนาคารทันที
3
นอกจากธุรกิจธนาคารแล้ว ธุรกิจประกัน
ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
4
นั่นก็เพราะว่าธุรกิจประกัน จะนำเบี้ยประกันของเราส่วนหนึ่งเป็นกองทุนสำรอง และบริษัทจะนำเงินกองทุนสำรองนี้ไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน
5
มาดูกันว่าบริษัทประกัน ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน ในสินทรัพย์อะไรบ้าง?
2
เราลองมาดูตัวอย่างการลงทุนของธุรกิจประกันชีวิต
เช่น บริษัท AIA ประเทศไทย ปี 2562
ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ 9.57 แสนล้านบาท
ได้แบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ออกเป็น
1
- ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร และหุ้นกู้ 79%
- ตราสารทุน หรือหุ้น 13%
- สินทรัพย์อื่นๆ เช่น เงินฝากสถาบัน และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 9%
2
Cr. MGR Online
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของบริษัทประกันจะเป็นสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้เป็นหลัก
โดยผลตอบแทนของตราสารหนี้เหล่านี้ จะอ้างอิงตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และลดลง
เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น
เงินที่บริษัทประกันนำไปลงทุนใหม่ (reinvest) จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
รวมไปถึงเบี้ยประกันที่บริษัทรับมาใหม่ ก็จะนำเงินไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนสูงขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามถ้าตราสารหนี้ที่บริษัทประกันลงทุนอยู่เป็นประเภทที่ต้องตีราคาตลาด ก็จะมีโอกาสที่ตราสารหนี้เหล่านั้นจะมีมูลค่าตามราคาตลาดลดลง
2
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ตราสารหนี้ที่บริษัทประกันถือ จะถือจนครบกำหนดอายุ โดยไม่ได้ตีราคาตลาด
คำถามต่อมาก็คือ
ใครเสียประโยชน์ จากการขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
2
ธุรกิจแรกที่จะเสียประโยชน์ ก็คือ
ผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อบัตรเครดิต ที่เก็บดอกเบี้ยสูง หรือชนเพดาน
5
เพราะบริษัทจะไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่านี้ได้แล้ว
ในขณะที่บริษัทเหล่านี้จะมีต้นทุนเป็นการกู้ยืมจากแหล่งอื่นที่สูงขึ้น เช่น หุ้นกู้ หรือตั๋วแลกเงินที่บริษัทเป็นคนออก
1
นั่นจึงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจกลุ่มนี้ลดลง
ซึ่งจะกลับข้างกันกับธนาคารพาณิชย์
อีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
4
เพราะการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
จะทำให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระต่องวดของผู้พักอาศัยเพิ่มขึ้น
ทำให้คนที่จะกู้มาซื้อบ้านมองว่ามีภาระต้องจ่ายหนักขึ้น
ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ลดลงได้
2
Cr. DDproperty
นอกจากในรายกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบแล้ว
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลกระทบต่อทุกบริษัท ที่มีภาระหนี้สินสูง
2
เพราะหากบริษัทไหนยังประสบปัญหาจากวิกฤติ บริษัทเหล่านี้ก็ยังจะต้องกู้เพิ่ม ซึ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของทางบริษัทก็จะเพิ่มสูงขึ้น
ท้ายที่สุด มันก็จะกดดันให้กำไรบริษัท ลดลง
1
ซึ่งในกรณีอย่างบริษัทซอมบี หรือบริษัทที่มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยต่ำ
ที่กำลังเอ็นจอยกับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำมาตลอดหลายปี ก็อาจเผชิญกับหายนะ
เราสามารถสรุปได้ว่าหากมีการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้น
จะมีกลุ่มธุรกิจที่ทั้งได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์
3
สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ก็คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
ที่ตอนนี้ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จนหลายคนกังวลกันว่ามันจะกลายมาเป็นสัญญาณของเงินเฟ้อ
ในความเป็นจริงแล้ว เงินเฟ้ออ่อนๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันแสดงให้เห็นว่า
มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในด้านการลงทุน การผลิต และการจ้างงาน
1
แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นมา
เป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินจนล้นระบบ
โดยที่ภาคเศรษฐกิจจริงยังไม่ฟื้น
ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
1
ถึงตรงนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าดอกเบี้ยจะกลับมาเป็นขาขึ้นจริงหรือไม่
แต่อย่างน้อย การทำความเข้าใจว่าธุรกิจไหนจะเป็นอย่างไร ก็ทำให้เราเตรียมพร้อมรับมือได้ และเราก็น่าจะเจอคำตอบ ไปพร้อมๆ กัน ในไม่ช้านี้..
โฆษณา