ขีดความสามารถในการทำสงครามของ AI ในอนาคตนั้น จะมีความสามารถมากกว่ากองกำลังและยุทโธปกรณ์ที่ใช้งานและตัดสินใจในการปะทะโดยมนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามที่มีขนาดใหญ่และมีหลายหน่วยเข้ามาเกี่ยวข้องในสมรภูมิ การใช้งานระบบอาวุธ Ai ที่ทันสมัยย่อมได้เปรียบต่อการบัญชาการรบ และเกิดการสูญเสียน้อยกว่ามาก
1
ในทางกลับกันหากมีการใช้ระบบอาวุธ AI ในสภาวะปรกติเพื่อการลาดตระเวนหรือรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ อาจเกิดการปะทะหรือใช้อาวุธโดยไม่จำเป็นขึ้นได้ เพราะระบบถูกสั่งการให้ประมวลผลในรูปแบบที่โปรแกรมไว้เท่านั้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาทระหว่างกันได้ง่ายขึ้น
ระบบ Unmanned Vehicle คือ ระบบอาวุธที่ใช้มนุษย์ในการควบคุมการทำงานและตัดสินใจในการใช้อาวุธต่อเป้าหมาย ในขณะที่ระบบ AI นั้นถูกโปรแกรมให้สามารถตัดสินใจในการใช้อาวุธได้เอง ทำให้มีคุณลักษณะของหุ่นยนต์นักฆ่าที่ไร้หัวใจ และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถฆ่ามนุษย์ได้ด้วยการตัดสินใจของ AI เอง
นโยบายดังกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯถูกผลักดันให้เกิดขึ้นโดยที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ที่ต้องการยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของจีน ที่พยายามจะเป็นผู้นำโลกด้านการใช้เทคโนโลยี AI ภายในปี 2030
ท่ามกลางการแข่งขันกันพัฒนาระบบอาวุธ AI ของนานาชาติ ส่งผลให้เกิดความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามต่อสันติภาพของโลก หลายภาคส่วนต่างจับตาและหารือร่วมกันในการยับยั้งการใช้ระบบอาวุธ AI ในการปฏิบัติการทางการทหาร
ประเด็นเรื่องระบบอาวุธ AI ได้ถูกนำไปหารือใน Convention on Certain Conventional Weapons (CCW) เพื่อควบคุมการใช้ระบบอาวุธอัตโนมัติเหล่านี้ โดยมีการจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ เพื่อพิจารณามาตรการที่จำเป็นในการควบคุมการใช้งาน