2 มี.ค. 2021 เวลา 14:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#กองทุนดีที่อยากแนะนำ EP.4
เคยคิดไหมครับว่าทำไม วันจันทร์ถึงวันศุกร์ กว่าจะผ่านในแต่ละวันมันช้าจัง แต่พอ
วันเสาร์กับวันอาทิตย์มันผ่านไปไวเกินนน เหมือนกระพริบตาแล้วเปลี่ยนวันเลย :(
เอาล่ะบ่นพอแล้วมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สำหรับวันนี้นะครับจะมาแนะนำกองทุนหุ้นโลก (หลายคนคงบ่น กองทุนหุ้นอีกแล้วววหรออ) ซึ่งเป็นของค่าย TMB อีกแล้วว
คือกองทุน TMBGQG (Global Quality Growth)
นโยบายการลงทุน : ในกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทษเพียงกองเดียว คือกองทุน Wellington Global Quality Growth Fund โดยที่ทางกองทุนหลัก จะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญ หลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ , ตราสารหนี้แปลงสภาพ , หุ้นบุริมสิทธิ์ , ETF , รวมทั้งตราสารอนุพันธ์ต่างๆทั่วโลก
(Wellington Global Quality Growth Fund บริหารแบบเชิงรุก Active management)
สัดส่วนการลงทุน : โดยกองทุนนี้มีการกระจายลงทุนหลาย Sector มาก เช่นด้าน IT , Healthcare , Financials และอื่นๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก Fund fact sheet
สัดส่วนการลงทุน (ต่อ) : โดยส่วนใหญ่เน้นลงทุนไปที่ อเมริกาเหนือ เป็นหลักเลย และอุตสาหกรรมหลักจะเป็น IT (ถึงจะบอกว่าเป็นหุ้นโลกแต่ก็ยังเน้นไปที่อเมริกาอยู่ดี)
Top Holding : ส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่ลงทุนก็จะคุ้นหน้าเราสักหน่อย มีลงทั้ง Microsoft , Apple , Amazon , Facebook , Aphabet (Google) คุ้นเคยในทุกๆตัว
อ้างอิงข้อมูลจาก Fund fact sheet ของ Wellington
ผลตอบแทน (ทั้งหมด) : หากเราลงทุนตั้งแต่เปิดกองทุนมาจะได้รับผลตอบแทนถึง 90% กันเลยทีเดียว (เยอะอยู่นะเนี่ย)
อ้างอิงข้อมูลจาก Finnomena.com
ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย : หากเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว คิดเป็นกำไรปีละ 14% (ไม่น้อยเลย)
อ้างอิงข้อมูลจาก Finnomena.com
Maximum Drawdown : จากข้อมูลของ Finnomena กองทุนนี้มีการขาดทุนสูงสุดอยู่ที่ 17.94% เมื่อเที่ยบกับในกองแล้วถือว่าน้อยกว่ามากๆ (ยิ่งน้อยยิ่งดี)
ข้อมูลอ้างอิงจาก Finnomena.com
ค่าธรรมเนียม : ซึ่งกองนี้อิงจากกองทุนหลักที่เป็น Active management ซึ่งมักจะมีค่าธรรมเนียมที่สูงอยู่แล้ว เพราะหัวใจหลักของ Active management คือการเอาชนะดัชนีของตลาด (ยิ่งได้กำไรมากกว่าดัชนีของตลาดยิ่งดี)
อ้างอิงข้อมูลจาก Fund fact sheet
เปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนกับดัชนี : จะเห็นได้ชัดเลยครับว่ากองทุนนี้สามารถชนะดัชนีของตลาดหุ้นโลก ชนะติดต่อกันหลายปีเลย (ถือว่าคุ้มกับค่าธรรมเนียม)
อ้างอิงข้อมูลจาก Finnomena.com
ผลตอบแทนจากการใช้เทคนิค DCA : เงื่อไขการลงทุน
-ลงทุน 1000 บาท
-ทุกๆวันที่ 26 ของเดือน
-ระยะเวลา 5 ปี 11 เดือน
-ใช้ต้นทุนรวมทั้งหมด 71K มูลค่าตลาด 108K คิดเป็นกำไร 108K - 71K = 37K ประมาณ 52% เลยทีเดียว
อ้างอิงข้อมูลจาก Wealthmagik.com DCA simulator
*** เพิ่มเติม : พอดูมาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆคนอาจจะมีคำถามว่า "อ้าวว ในเมื่อกำไรรวมตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนมาตั้ง 90% แล้วเรามา DCA กำไรเราลดเหลือแค่ 50% เอง อย่างงี้การ DCA มันดีจริงหรอ สู้การวางเงินก้อนเดียวไปเลยไม่ดีกว่าหรอ"
คำตอบ : ใช่ครับ การวางเงินก้อนทีเดียวมันอาจจะได้ผลตอบแทนเยอะกว่าก็จริงแต่ว่ามันมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมและไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ เช่น
- ราคาจะขึ้นหรือลงในอนาคต [อันนี้ไม่มีใครรู้แน่นอน เราอาจจะลงเงินก้อนในจังหวะยอดดอยเลยก็ได้ หรือไม่ก็เราคาทำการ Sideway เป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งทำให้คนที่ทำการ DCA ได้เปรียบกว่าแน่นอนเพราะจะได้ต้นทุนที่ถูกลงในกรณีที่ราคามีการย่อตัวลง)]
- สภาพจิตใจ หากเราลงเงินก้อนแบบตู้มเดียว เราจะทนเห็นมันขาดทุนเยอะๆได้ไหม อันนี้คือหัวใจสำคัญเลยครับ หากเราลงทุนแล้วใจเรากระวนกระวายตลอดเวลา อันนี้ไม่ดีต่อการลงทุนในระยะยาวแน่นอน
- ความรู้ ในส่วนของความรู้นั้นหากเราจะลงตู้มเดียวเราจำเป็นต้องมีความรู้มากๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอ่านกราฟ เทคนิคอลต่างๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ได้เปรียบจริงๆ
แต่ไม่ได้จะบอกว่า DCA ไม่ต้องใช้ความรู้นะครับ เพียงแต่ไม่ต้องไปนั่งศึกษาในส่วนของเทคนิคอลต่างๆ เพียงแค่มองว่าสิ่งนี้ ที่ฉันลงไป ในอนาคตมันโตแน่ๆ
(หากใช้เทคนิคอล+DCA จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่จะได้การถั่วเฉลี่ยในราคาที่ดีที่สุด)
คะแนนผลตอบแทน : 9/10 ไปเลย (ถือว่าดีมาก ชนะทั้งตลาด และได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีถือว่าสูง) เพราะหากผลงาน 10 ปี ยังดีแบบเดิม เดี๋ยวจะมาเพิ่มให้ 1 คะแนน
คะแนนความเสี่ยง : 4/10 (ถือว่าเสี่ยง เพราะส่วนใหญ่ลงอเมริกาเป็นหลัก และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นเลยคือพวก IT ถือว่ากระจายความเสี่ยงยังไม่ดีเท่าไร แต่ Maximum drawdown ถือว่าน้อย)
#การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษา วางแผนและบริหารความเสี่ยงก่อนการลงทุนทุกครั้งด้วยครับ
#Finnomena.com #Wealthmagik.com #DCA simulator #TMBGQG #Dailystock #กองทุนดีที่อยากแนะนำ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา