Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไฉไลเป็นบ้า
•
ติดตาม
3 มี.ค. 2021 เวลา 07:49 • ประวัติศาสตร์
ว่าที่ควีนวิคตอเรียแห่งสยาม “เจ้าหนู”ของ ร. 5
เสด็จพระองค์ใหญ่ของชาววัง (ตอนที่ 1)
1
ในบรรดาพระราชโอรส-พระราชธิดา ทั้งหมด 97 พระองค์ ในรัชกาลที่ 5 มีเพียงพระราชธิดา 2 พระองค์เท่านั้นที่ประสูตินอกเศวตฉัตร เมื่อครั้งยังทรงพระอิสริยยศเป็น "สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ" หรือเรียกง่ายๆว่าประสูติก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์
หนึ่งคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าผ่องประไพ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์แข
สองคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ประสูติแต่เจ้าคุณพระประยุรวงศ์ (เจ้าคุณจอมมารดาแพ)
ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีพระวาสนาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
หม่อมเจ้าผ่อง หรือพระองค์เจ้าผ่อง (19 ธันวาคม พ.ศ. 2410) แม้จะเป็นพระราชธิดาพระองค์แรก แต่มิได้เป็นที่โปรดปรานนัก ตลอดพระชนม์ชีพทรงอยู่แต่เพียงในพระบรมมหาราชวัง
ในขณะที่หม่อมเจ้าศรีวิไลยลักษณ์ (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2411) ได้รับพระกรุณายกย่องพระเกียรติยศไว้ยิ่งกว่าพระเจ้าลูกเธอพระองค์อื่นหลายประการ ทั้งๆที่เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 2 โดยชาววังเรียกขานกันว่า “เสด็จพระองค์ใหญ่”
พระบิดาทรงเรียกพระองค์ว่า “เจ้าหนู” ส่วนบรรดาน้องๆจะเรียกว่า “พี่หนู” ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากรัชกาลที่ 5 ให้ทรงทำหน้าที่ดูแลพระขนิษฐาที่ยังทรงพระเยาว์ นั่นทำให้พี่หนูคือพี่ใหญ่ที่น้องๆให้ความเคารพมากที่สุด เพราะทุกคนต่างทราบดีว่า “พี่หนู” คือ พระราชธิดาคนโปรดของพระบิดา
ต่อมาพระองค์ได้รับพระราชทานเกียรติให้เป็นพระเชษฐภคินี (พี่สาว) ผู้สั่งพระขนิษฐาให้เป็นสาว เนื่องจากตามธรรมเนียมการเป็นสาวของสตรีในพระราชสำนักฝ่ายในนั้น จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ก่อน ดังที่มีบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า ธรรมเนียมการเป็นสาวของสตรีในพระราชสำนักฝ่ายในนั้น จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ก่อน เมื่อพระเจ้าลูกเธอหลายพระองค์ทรงโสกันต์แล้ว ยังคงแต่งพระองค์ด้วยเสื้อคอกระเช้ามีริบบิ้นร้อยรอบพระศออยู่ สมเด็จพระบรมชนกนาถจึงรับสั่งว่า
"เจ้าหนูเมื่อไหร่จะมีพระบรมราชโองการให้น้อง ๆ เป็นสาวเสียที เป้งเล้งเป็นเมียฝรั่งไปตาม ๆ กัน"
ซึ่งพระองค์ก็จะทรงสั่งให้พระกนิษฐาเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นทรงสะพัก
ในการพระราชพิธีทวีธาภิเษกสมโภชสิริราชสมบัติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิกัลยาวดี เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2446 มีพระนามว่า "พระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี"
การที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในที่ "กรมขุน" นั้นเป็นการทรงกรมเท่ากับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ชั้นเจ้าฟ้า ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเป็นลูกรักเป็นอย่างมาก เนื่องจากธรรมเนียมการทรงกรมของพระเจ้าลูกเธอ (ลูกของเจ้าจอมมารดา) ชั้นพระองค์เจ้านั้น จะเริ่มทรงกรมที่ "กรมหมื่น" และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ (ลูกในพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง) ชั้นเจ้าฟ้าจะเริ่มทรงกรมที่ "กรมขุน"
พระองค์จึงเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 พระองค์แรกและเป็นพระเจ้าลูกเธอ (ลูกของเจ้าจอมมารดา) พระองค์เดียวที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าต่างกรม
ด้วยพระองค์เป็นที่เคารพรักแก่พระเจ้าน้อง ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในนั้น พระเจ้าน้องนางเธอทั้งหลายต่างพากันยินดีและได้ทรงเข้าเงินกันทำสร้อยพระกรประดับเพชรถวายพระองค์ด้วย และในงานฉลองการทรงกรมในครั้งนั้น เป็นที่กล่าวขานถึงความสนุกสนานและยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการการจัดงานนิทรรศการและการประกวดตลับงาซึ่งมีผู้ส่งตลับงาเข้าร่วมงานครั้งนี้หลายร้อยใบ
พระบรมราชโองการสั่งให้น้องๆเป็นสาว จึงทำให้พระองค์คือพี่สาวคนโตอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าต่างกรม แต่ครั้งหนึ่งเมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติในระยะแรก สถานการณ์ความมั่นคงในบ้านเมืองขณะนั้นถูกสั่นคลอนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเหล่าบรรดาเจ้าจอมและพระมเหสีต่างมีพระประสูติกาลแต่พระราชธิดา หากมีพระราชโอรสก็พระชนมายุสั้นหรือเกิดแต่เจ้าจอม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพยายามแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้น และเคยมีพระราชกระแสที่จะส่งพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ เดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษในฐานะองค์ทายาทของพระมหากษัตริย์สยาม ซึ่งประวัติขณะนี้ได้สะท้อนถึงการเมืองใน รัชกาลที่ 5 ซึ่งพยายามลดความสำคัญ “วังหน้า” (กรมพระราชวังบวรฯ) ลงอย่างเห็นได้ชัด
ในการตั้งพระราชธิดาองค์โปรดให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศครั้งนี้ ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้เสด็จไปด้วยในฐานะพี่เลี้ยง และได้ทาบทามเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ผู้เป็นตาของพระองค์ศรีวิลัยลักษณ์ด้วยพระองค์เอง
"...กรมพระราชวังบวรฯ (กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ) มิสเตอร์น๊อกซ์ (โทมัส ยอร์ช น็อกซ์) กงสุลอังกฤษ คิดจะเอาพระโอรสองค์ใหญ่มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวิลัย (พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิไลยวรวิลาส) ส่งไปประเทศอังกฤษ เพื่อมิสเตอร์น๊อกซ์จะเปิดเผยที่เมืองอังกฤษว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีพระบรมราชโอรสมีแต่พระราชธิดาพระองค์ใหญ่คือ กรมขุนสุพรรณฯ ส่วนกรมพระราชวังบวรฯ มีพระโอรส พระโอรสนี้จะเป็นรัชทายาทต่อไป
"สมเด็จวังบูรพา" สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้ทรงถูกคาดหมายให้เป็นเจ้าหายอัลเบิร์ตแห่งสยาม คู่กับควีนวิคตอเรีย นัยยะการปกครองที่นำมาจากอังกฤษ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบดังนี้แล้ว จึงทรงพระวิตก คิดจะให้สมเด็จวังบูรพากำชับให้กรมขุนสุพรรณฯ ออกไปเรียนวิชา ณ ประเทศอังกฤษ ความที่ทรงหวังในเวลานั้นจะโปรดเกล้าให้กรมขุนสุพรรณฯ เป็นควีนวิคตอเรีย สมเด็จวังบูรพา (1) เป็น ปรินซ์อารเบิด (เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี) เวลานั้นได้จัดผู้ที่จะตามเสด็จไปประเทศยุโรปไว้พร้อมถึงกับได้กำหนดวันที่จะเสด็จออกจากกรุงเทพฯ เวลานี้ข้าราชการทั่วไปพากันตื่นเต้นเข้าไปเฝ้าอยู่ทั่วทุกชั้น เวลานั้นจะมีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้นจึงได้ระงับเหตุดังกล่าวนี้ในเวลาไม่กี่เดือนก็รับทราบว่า สมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) ทรงพระครรภ์ในไม่ช้าก็ประสูติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชดำริดังกล่าวนี้จึงเป็นอันระงับไป"
*** สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2421) ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี พระราชโอรสลำดับที่ 21 ในรัชกาลที่ 5***
นั่นแสดงให้เห็นว่าตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่งรัชกาลที่ 5 มีพระราชโอรส 5 พระองค์ ล้วนประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทั้งสิ้น แม้จะประสูติแต่พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ ,พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยาและ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ก็เป็นพระราชธิดา
กว่า 10 ปีกระทั่งเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ จะทรงมีพระประสูติกาล
และนั่นทำให้ความเป็นว่าที่ “ควีนวิคตอเรีย” เป็นอันจบสิ้นลงไป แผนซึ่งเคยมีพระกระแสดำรัสจะส่งพระราชธิดาคนโปรดไปศึกษายังประเทศอังกฤษก็มีอันต้องพับไปตั้งแต่นั้น ในขณะที่ความสำคัญของกรมพระราชวังบวรฯ หรือวังหน้า ก็จบสิ้นไปในรัชกาลที่ 5 ด้วยเช่นกัน
อรรถาธิบาย
(1) สมเด็จวังบูรพา หรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (11 มกราคม พ.ศ. 2403 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เป็นพระโสทรานุชา (น้องแท้ๆแม่เดียวกัน) ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ชาววังมักเอ่ยพระนามอย่างลำลองว่า "สมเด็จพระราชปิตุลาฯ" ส่วนชาวบ้านมักออกพระนามว่า "สมเด็จวังบูรพา" เพราะทรงมีวังชื่อว่า "วังบูรพาภิรมย์" ซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นย่านวังบูรพาในปัจจุบัน ตามพระประวัตินั้น ทรงเป็นจอมพลในรัชกาลที่ 7 ที่ทหารรักมาก
แม้จะเคยเป็นว่าที่เจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งรัชกางที่ 5 ตั้งพระทัยว่าจะให้ลูกรักได้แต่งงานกับน้องชาย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์เสกสมรสกับ หม่อมแม้น (สกุลเดิม: บุนนาค) ธิดาเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ในปี พ.ศ. 2427 โดยรับการยกย่องให้เป็นสะใภ้หลวง และมีหม่อมอีก 6 ท่าน ได้แก่
หม่อมเลี่ยม (สกุลเดิม: ศุภสุทธิ์) ธิดาหลวงศุภมาตรา (สอาด ศุภสุทธิ์)
หม่อมสุ่น (สกุลเดิม: ปักษีวงศา)
หม่อมลับ (สกุลเดิม: จาติกรัตน์) ธิดาพระมหาสงคราม (เอี่ยม จาติกรัตน์)
หม่อมเล็ก (สกุลเดิม: ยงใจยุทธ) ธิดากองนาทองดำ ยงใจยุทธ
หม่อมเยี่ยม ต.จ. (สกุลเดิม: ณ บางช้าง) ธิดาหลวงมหาดไทย (แสง ณ บางช้าง)
หม่อมย้อย (สกุลเดิม: โกมารกุล ณ นคร) ธิดาพระยาศรีสรราชภักดี (หนูเล็ก โกมารกุล ณ นคร)
มีพระโอรสธิดารวมทั้งหมด 16 พระองค์/องค์ เป็นชาย 9 พระองค์/องค์ และหญิง 7 พระองค์/องค์
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย