3 มี.ค. 2021 เวลา 12:38 • ไลฟ์สไตล์
วันนี้มากับคำถามยอดฮิตค่ะ
"ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม vs ล้างไตทางช่องท้อง
แบบไหนดีกว่ากัน?"
พี่ๆที่มีปัญหาเรื่องโรคไตเหมือนหนู ทักมาถามแบบนี้เยอะมากค่ะ
และเอาตรงๆเลยค่ะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะข้อดีข้อเสียค่อนข้างแตกต่างกันค่ะ
อยู่ที่ความสะดวกของผู้ป่วยมากกว่า
เอาเป็นว่าหนูจะมาสาธยายข้อดีข้อเสียไปทีละอย่าง
ให้พี่ๆหรือน้องๆท่านไหนลองศึกษาและตัดสินใจกันดูนะคะ
ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม
- ฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม
: อธิบายง่ายๆเลย คือการดึงเลือดที่มีของเสียหรือน้ำส่วนเกินในตัวเรา
ออกไปกรองด้วยเครื่องไตเทียม และนำเลือดที่สะอาดแล้ว
กลับเข้าตัวเราค่ะ (เครื่องจะทำหน้าที่แทนไตนั่นเอง)
การทำงานของเครื่องคือ 4-8 ชม.
ข้อดีของการฟอกด้วยเครื่องนะคะ
ฟอกแค่สัปดาห์ละ 2 วัน
(บางท่านคุณหมออาจจะสั่งให้ 3 วัน แล้วแต่อาการค่ะ
แต่ส่วนตัวหนู 2 วัน)
ถ้าคุมอาหารดี ดูแลสุขภาพตัวเองดี
อาการข้างเคียงจะน้อยค่ะ(สำหรับหนูนะคะ)
ไม่บวม ไม่เจอปัญหาอื่นๆเลย สดใส สบายดีมากๆค่ะ
แต่ถ้าในรายที่ไม่คุมอาหาร ไม่ว่าจะล้างท้องหรือฟอกเครื่อง
ยังไงก็มีอาการข้างเคียงแน่ๆค่ะ แต่ฟอกเครื่องจะน้อยกว่า
ล้างท้องนะคะเท่าที่หนูสัมผัสได้
สละเวลาแค่สัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 4 ชม.ไปที่รพ.
เวลาที่เหลือก็ใช้ชีวิตได้สบายค่ะ
การฟอกเครื่องด้วยไตเทียมเนี่ยเหมาะกับคน 2 กลุ่มนะคะ
วัยรุ่น และ คนที่มีกำลังทรัพย์ค่ะ
เราจะมาพูดถึงข้อเสียกันค่ะ
อย่างแรกเลยที่หนูบอกว่าเหมาะกับวัยรุ่น หรือในรายที่
ยังอายุไม่มาก(เหมือนหนูที่ยังพึ่งพาตัวเองได้)
คือต้องไปฟอกที่รพ.ทุกครั้ง แต่ละครั้งต้องนอนยาว 4 ชม.
ลุกไปไหนไม่ได้เลย
และที่สำคัญค่ะ ค่าใช้จ่ายสูง(เขาว่าโรคไตเป็นโรคคนรวยนี่เนอะ)
รพ.รัฐจะเบสอยู่ที่ 1,500฿ ต่อครั้งค่ะ นั่นแสดงว่าถ้า
เราฟอกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เราต้องหาเงินให้ทันอาทิตย์ละ 3,000฿
กรณีรพ.รัฐคิวเต็ม
(เขามีคิวด้วยนะคะ ไม่ใช่อยากจะฟอกที่รัฐก็จะได้ฟอกเลย
ซึ่งรพ.รัฐจะเอาคิวที่ฉุกเฉินกว่าเราไว้ก่อนค่ะ
ถ้าเราดีขึ้นแล้วเขาจะตัดคิวให้ไปฟอกที่อื่น)
ก็ต้องไปหาฟอกที่รพ.เอกชนค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายเอกชนอยู่ที่
2,000-3,500฿ ต่อครั้ง
และประกันสังคมรองรับได้แค่ 1,500฿ ค่ะ ส่วนเกินก็ต้องควักจ่ายเอง
ในรายที่ไม่มีประกันสังคม แน่นอนว่าจ่ายเองทั้งหมดค่ะ
ตัวหนูเองทางครอบครัวเลือกรับการรักษาตั้งแต่แรก
โดยการล้างทางช่องท้องค่ะ เพราะมองการไกลแล้วว่า
ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายการฟอกด้วยเครื่องตลอดชีวิต
ได้แน่ๆ แต่ระหว่างที่รอคิวผ่าตัดวางสายหน้าท้อง
ก็ต้องฟอกไปก่อน เพราะในขณะนั้นหนูไตวายแล้ว
เลยต้องฟอกฉุกเฉินน่ะค่ะ
แต่บางรายดีหน่อย อาจจะได้ไปฟอกรพ.นอกเมืองบ้าง
หรือบางราย(เคสนี้อยู่ตรังค่ะ พยาบาลเล่าให้ฟังว่า
โดนจัดคิวให้ไปฟอกที่กระบี่เพราะขณะนั้นคิวเต็ม)
ตัวหนูนับว่าโชคดี เพราะพอรพ.ตรังคิวเต็ม
พี่ๆเขาก็จัดคิวให้หนูไปฟอกนอกเมือง ไกลหน่อย
แต่ไม่แพงเท่าเอกชน
ส่วนเรื่องอาการข้างเคียงที่หนูพบเจอกับตัวเองคือ
หลังฟอกเสร็จจะมีอาการเวียนหัว หน้ามืดเล็กน้อย
เพราะมีการดึงเลือดออกจากตัวไป
และถ้าไม่คุมอาหาร ผิวจะดำ ซีด อย่างเห็นได้ชัดค่ะ
และถ้าในรายที่ไม่คุมน้ำเลย ทำให้น้ำส่วนเกินในตัวมากเกิน
5 โล จะเกิดอาการน้ำท่วมปอดค่ะ และต้องแอดมิทในที่สุด
บางรายไม่ยอมคุมน้ำ พอกลับมาฟอกเลือดปรากฎว่าน้ำหนัก
ขึ้นมา 3 โล อย่าคิดง่ายๆนะคะว่าเครื่องจะสามารถดึงน้ำ
ออกได้ทีเดียวหมดทั้ง 3 โลเลย เพราะถ้าดึงมากเกิน
จะทำให้เป็นลมได้ค่ะ เพราะงั้นมาฟอกแต่ละครั้งพี่ๆพยาบาล
จะแจ้งว่ารอบนี้สามารถดึงได้แค่ 1 โลนะ 2 โลนะ
ถ้าน้ำยังค้างสะสมไปเรื่อยๆภาวะน้ำท่วมปอดมาแน่ๆค่ะ
เพราะงั้นมีวินัยในการคุมน้ำคุมอาหารดีที่สุดค่ะ
รวมๆแล้วการฟอกด้วยเครื่องต้องท่านที่มีกำลังทรัพย์จริงๆค่ะ
และต้องมีกำลังในการพาตัวเองไปฟอกที่รพ.ด้วย
ท่านที่ยังคงทำงานอยู่ บางบ.อาจขอลาครึ่งวันได้
แถมเดือนนึงต้องลา 8 วัน ถ้าบ.ไหนหยวนให้ได้ถือว่า
ใจดีมากๆเลยละค่ะ
แต่ถ้าบ.ที่ไม่สามารถหยวนให้ได้เรื่องลางานจริงๆ
ลองมาศึกษาล้างทางช่องท้องกันค่ะ
สายหน้าท้องของหนูเองค่ะ เขินนนิดหน่อยแต่โพสต์ไว้เป็นกรณีศึกษาละกัน
- ล้างไตทางช่องท้อง
: อธิบายง่ายๆเลยคือ การถ่ายน้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องค่ะ
น้ำยาจะทำหน้าที่แทนไต โดยการแลกเปลี่ยนของเสีย
และน้ำส่วนเกินในเลือดออกมากับน้ำยาล้างไตตอนถ่ายออกค่ะ
ข้อดีหลักๆเลยคือ บัตรทองคุ้มครองค่ะ
สำหรับท่านที่ไม่มีกำลังทรัพย์ หนูแนะนำวิธีนี้ดีกว่า
และเวลาในการล้างไตสามารถยืดหยุ่นได้มากกว่าเครื่อง
สามารถทำที่บ้านได้ ไปรพ.แค่วันหมอนัด
น้ำยาจะมาส่งให้ที่บ้านค่ะ หรือสะดวกไปเอาเองก็ได้
แต่ต่อวันใช้วันละ 4 ถุง น้ำยาที่มาส่งคือจะหลายลังมาก
แต่ข้อเสียค่อนข้างจะมากกว่าเครื่องนิดหน่อย
คือวันนึงต้องล้างวันละ 4 รอบ เช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน
และต้องรักษาความสะอาดมากๆ ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยง
ติดเชื้อได้ค่ะ และห้องที่ใช้ล้างไตต้องเป็นห้องที่ไม่มีลมผ่าน
ไม่มีฝุ่น สะอาดมากๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อค่ะ
ในรายผู้สูงอายุ อาจจะต้องให้ลูกหลานช่วยล้างให้ค่ะ
เพราะขั้นตอนยุ่งยาก แต่สำหรับวัยรุ่นแบบหนูเอง
สบายมากค่ะ
ข้อดีอีกข้อหนึ่งคือในรายท่านที่ทำงาน สามารถยืดหยุ่นได้ค่ะ
ก่อนไปทำงานก็ล้างช่วงเช้า 1 รอบ ตอนเที่ยงพก
น้ำยาไปล้าง 1 รอบ ในรถก็สามารถล้างได้
แค่ต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์และเช็ดรอบๆให้สะอาดมากๆ
รอบเย็นก็กลับมาทำที่บ้านได้ เพราะฉะนั้นพี่ๆที่ยังต้องทำงาน
ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีนี้ค่ะ เพราะล้างแต่ละรอบเร็วสุดไม่เกิน
30 นาทีค่ะ
เรื่องผลข้างเคียงที่หนูสัมผัสมาเองคือ
ถ้าไม่คุมอาหารดีๆ จะบวมง่ายกว่าฟอกเครื่องค่ะ
และน้ำยาล้างไต จะดึงทั้งของเสียและโปรตีนออกไปเยอะ
ทำให้ผู้ป่วยขาดโปรตีนได้ ต้องกินชดเชยในส่วนของตรงนี้ไป
จำพวกไข่ขาววันละหกฟอง อะไรแบบนี้น่ะค่ะ
มีอาการปวดกระดูก ตรงนั้นตรงนี้บ้าง
แต่เหตุผลก็มาจากไม่คุมอาหารนี่ละค่ะ
ออย่างไรก็ตามแนะนำให้คุมอาหารดีที่สุดค่ะไม่ว่าจะฟอกด้วยวิธีไหน
สุดท้ายแล้วตัวหนูเองหนูชอบฟอกด้วยเครื่องมากกว่านะคะ
เพราะไม่ต้องคอยมาล้างท้องวันละสี่รอบ น่าเบื่อมากๆเลย
แต่หนูก็สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ
ถึงได้เลือกล้างช่องท้องไป จนตอนนี้ล้างช่องท้องมาได้
เดือนนิดๆแล้วละค่ะ
อย่างไรโพสต์หน้าจะมาเล่าโปรเซสกว่าจะได้ผ่า
วางสายหน้าท้องนะคะ ว่าจ่ายไปเท่าไหร่บ้าง
ได้สิทธิจากตรงไหนบ้าง โพสต์นี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยนะคะ
แล้วเจอกันค่าา🌷
โฆษณา