Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หลวงพ่อเล่าให้เราทำ
•
ติดตาม
4 มี.ค. 2021 เวลา 03:40 • ปรัชญา
ประสบการณ์การฝึกมโผมยิทธิ ตอน ไปตำหนักพระยายมราช
สิ่งดลใจที่ทำให้ข้าพจ้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเป็นห่วงครผู้สอนมโนมยิทธิทั้งหลาย(ไม่เว้นข้าพเจ้า) เมื่อถูกเรียกว่าครูแล้ว ต้องทำใจให้คู่ควรกับความเป็นครู ถ้าไม่เช่นนั้นจะโดนโทษในข้อที่ว่าเป็นปูชนียบุคคลแล้วทำใจตนไม่สมกับที่เขานับถือ จึงมีเรื่องจากประสบการณ์การฝึกมโนมยิทธิที่ได้ไปพบเห็นมา จะขอเล่าสู่กันฟังเป็นคติเตือนใจ เรื่องมีอยู่ว่า
ปราสาทนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 ได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า ญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัดตายเสียแล้ว เมื่อได้ข่าวเช่นนี้ก็รีบเข้าห้องพระทันที ขึ้นไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทรเจ้าบนวิมานที่พระนิพพานด้วยใจอยากทราบว่าญาติที่ตายคนนี้ ตายแล้วจะไปอยู่ทีใหน เพระคนคนนี้เคยบวชพระอยู่วัดอนงค์ที่กรุงเทพฯ เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำบวชเป็นพระจนได้เป็นมหา
เมื่อสึกออกมาแต่งงานได้เมียสวยชนะการประกวดเป็นเทพี ครอบครัวนี้คนนับถือมาก และเรียกมหานำหน้าชื่อ เวลามีพิธีทางศาสนาเป็นมงคลจะต้องเชิญ สองคนผัวเมียนี้ไปเป็นเจ้าพิธี เช่นแต่งงานก็ปูที่นอน เด็กป่วยหรือเลี้ยงยากให้มหาผูกข้อมือยกให้เป็นลูก จะเลี้ยงง่ายไม่หลุดมือคือตายเมื่ออายุยังน้อย ต่อมาป่วยมากด้วยโรคหัวใจและความดันสูงเกือบปี เมื่อข้าพเจ้าพบภรรยาเขาได้บอกให้เขาชวนสามีไปพระนิพพานเรื่อยๆ นะ เพราะตอนคุณพ่อป่วยเห็นคุณเม่ชวนคุณพ่อไปนิพพาน พูดถึงนิพพานอยู่เสมอๆ
เมื่อทราบว่ามหาตายแล้ว ก็อยากรู้ว่สตายแล้วอยู่ที่ไหน เพราะข้าพเจ้าชอบศึกษามากเช่น ถามอาการก่อนตายเป็นยังไง ชุดแต่งศพสีอะไร แล้วแกล้งตีหน้ำเซ่อเลียบเคียงถามคนใกล้ชิด เพื่อทดสอบว่าอารมณ์ที่เรารู้มานั้นใช้ได้หรือไม่ จะได้จำอารมณ์ไว้ ถ้าถูกต้องตามที่หลวงพ่อท่านเคยบอก
วันนั้นเมื่อขึ้นไปนั่งอยู่ที่พระนิพพาน นึกขอบารมีพระพุทธองค์ที่ประทับอยู่ข้างหน้ากราบท่านและขอให้ท่านพาไปดูคนตาย ไปดูที่สวรรค์ไม่มี ไปที่พรหมก็ไม่มี ดูที่นิพพานไม่มีอีก เมื่อดูข้างบนไม่มีขอให้ห็นที่ในห้องพระที่นั่งอยู่ ไม่มี มืดหมด
ขณะนั้นจิตนึกขึ้นมาเองว่าคงจะอยู่ที่ สำนักพระยายมราช จึงขอท่านพาไปดูที่นั่น พอไปถึงเห็นผู้ตายกำลังยืนคอยรับคำพิพากษาอยู่ ที่ตัวมีโซ่เส้นใหญ่พันตัวตั้งแต่ข้อเท้าถึงคอ โซ่พันอย่างมีระเบียบมาก คือวนรอบตัวช้อนขึ้นเป็นชั้นๆ ไม่ห็นตัวเลย เห็นแต่หน้าโผล่ออกมาเท่านั้น มีคนตัวใหญ่คุมขนาบสองข้าง ข้างละสองคน รู้สึกแปลกใจแทบไม่อยากเชื่อ เพราะเห็นเขาเป็นคนดี ทำไมจึงมีสภาพเช่นนี้
จึงกราบเรียนถามท่านพระยายมราชกำลังประทับบนแท่น ทรงเครื่องสีขาวเต็มยศนั่งเป็นประธานรอ ซึ่งผิดกับคราวก่อนๆ ที่ข้าพเจ้ามาเที่ยว มาหาท่านที่ไรเห็นท่านนุ่งโสร่งไม่ใส่เสื้อ มีผ้าขาวม้าพาดไหล่ พุงพลุ้ย นั่งบนแท่น ยิ้มอย่างใจดี กราบเรียนถามท่านว่า "เขามีความผิดอะ ไรเจ้าคะ "'
ท่านบอกว่า "ผิดที่สึกจากความเป็นพระแล้วมีคนนับถือ เป็นปูชนียบุคคลแล้วไม่ทำใจให้สมกับที่คนเขานับถือ"
ข้าพเจ้าไม่เข้าใจพราะไม่ค่อยทราบเรื่องละเอียด ท่านมีเมตตาอธิบายว่า
"ถ้าเป็นน้องชายที่กินทุกวันนั้น ไม่มีใครนึกว่าเป็นคนดี โทษนั้นก็ไม่มี "
ข้าพเจ้าจึงเข้าไป แล้วกราบเรียนถามท่านอีกว่า "มีโทษอะ ไรอีกเจ้าคะ"'
1
ท่านก็เมตตาตอบว่า " ไม่มีจาคะ และอภัยทาน ก่อนตายจิตเศร้าหมอง "
ข้าพเจ้าจึขออาราธนาบารมีองค์สมเด็พระสัมมาสัมพุทธเจ้ทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธทุกๆ พระองค์ พระอรหันต์ พรหมและเทวดาทั้งหลาย ท่านปู่ท่านย่าท่านพ่อ (หมายถึงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) และท่านแม่ที่ลูกเคยรับใช้กันในอคีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ความดีที่ตั้งใจทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อไปพระนิพพาน และความดีที่ได้แนะนำ สั่งสอนผู้อื่นด้วย ขอบุญบารมีจากทุกๆ ท่านที่กล่าวมา และด้วยความดีที่ได้กระทำมาแล้ว ได้โปรดช่วยผู้ตายซึ่งเคยมีบุญคุณแก่ลูก ขอให้เขาจงได้โมทนาบุญที่ลูกตั้งใจอุทิศให้ทุกอย่าง เมื่ออุทิศส่วนบุญแล้ว เห็นโซ่หลุดออกจากตัว แต่ยังไม่มีกำลังทรงตัว
ข้าพเจ้าจึงทูลถามองค์สมเด็จฯ ว่า "จะทำอย่างไรอีกเจ้าคะ''
ท่านบอกว่า "ให้ถวายสังฆทานครบชุด มีพระพุทธรูปขนาด 9 นิ้ว"
ข้าพเจ้าจึงบอกกับผู้ตายว่า "วันมาฆบูชาที่จะถึงอีก 2-3 วันนี้จะไปถวายสังฆทานที่วัดท่าซุง หลังจากเจริญพระกรรมฐานแล้ว จงโมทนา" ท่านยกมือไหว้ตอนนี้ร่างกายเป็นเทวดา ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "เคยเจริญสมาธิภาวนา สัมมาอรหัง จำไม่ได้หรือ?"' แล้วคุยกันต่อ
ถามว่า "ทำไมไม่มีจาคะ"
ตอบว่า "เมียขี้ตระหนี่ ได้เงินมาเท่าไหร่เมียเก็บหมด เป็นที่เคารพของคนทั่วไป มีคนเอาของมาให้เสมอ เคยชินแต่การรับอย่างเดียว ไม่มีให้ "'
(ระวังนะพวกผู้ใหญ่ มียศ ติดนิสัยรับอย่างเดียวจนลืมให้)
ถามต่อว่า "แล้วอภัยทานล่ะ ทำไมจึงไม่มี "
ตอบว่า "ไม่ค่อยมีเรื่องกับไครก็จริง แต่ถ้ามีแล้วโกรธไม่หาย เหมือนน้ำในตุ่ม ไม่มีคนกวนจึงไม่รู้ว่ามีตะกอนนอนก้น " และ
ถามว่า "ก่อนตายจิตใจเศร้าหมองเรื่องอะ ไร?"
ตอบว่า "ระหว่างที่ป่วยอยู่นาน ใจหงุดหงิดกับลูกๆ และบางครั้งเมียปฏิบัติไม่ถูกใจและห่วงลูกห่วงเมีย ยังไม่อยากตาย จิตใจจึงเศร้หมอง " (ตายเมื่ออายุ 67)
รูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จ.สระบุรี
ท่านบอกอีกว่า "ในระหว่างที่ถูกคุมตัว ใซ่พันตัว หนัก เจ็บ และอึดอัดมาก นึกถึงความดีไม่ออกเลย เมื่อโซ่หลุดจึงรู้สึกสบายตัวขึ้น จึงนึกถึงความดีออก"
นับว่าโชคดีที่อุทิศส่วนกุศลให้ทัน เป็นการตอบแทนบุญคุณท่านด้วย และเป็นผลบุญของผู้ตายด้วยที่ทำได้เช่นนี้ ก็เพราะหลวงพ่อท่านเคยบอกว่า "ถ้าคนตายมาสำนักพระยายมราช แสดงว่ามีโทษ เมื่อถูกถามถึงความดี ถ้านึกไม่ออกจะต้องลงนรกก่อน ลงไปแล้วช่วยไม่ได้เลย"
และท่านเคยสอนให้อุทิศส่วนกุศลช่วยขณะที่กำลังถูกพิพากษา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความดีของผู้ตายด้วย บางทีโทษหนักมากก็ช่วยไม่ไหวเหมือนกัน และต้องเคยเกี่ยวเนื่องกับเราผู้ให้ด้วย
นี่แหละบทเรียนที่ได้จากสำนักพระยายมราช ช่วยให้มีสติคิดว่า อย่าทะนงหลงตัวในฐานะที่ถูกเรียกว่าเป็นครูสอนมโนมยิทธิ ถ้าทำตัวไม่ดีสมกับฐานะ ก็จะเป็นเช่นตัวอย่างที่เล่ามานี้
เจ้าประคู้ณ !..ขออย่าให้มีใครคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนดี เป็นคนน่านับถือเลย เสียวไส้ นึกว่าสงเคราะห์ลูกนกลูกกาจะเป็นพระคุณยิ่ง ถ้าความดีคือบุญที่เกิดจากการกระทำของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ขอผลบุญนี้จงบังเกิดแก่ทุกๆ ท่านเช่นกัน สวัสดี
ชาโดว์
จากบันทึกของชาโดว์
(เรื่องนี้สำหรับคนที่จิตเป็นสัมมาทิฐิเท่านั้น)
1 บันทึก
4
1
2
1
4
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย