4 มี.ค. 2021 เวลา 10:39 • บันเทิง
จิ๋นซีฮ่องเต้...ตอนที่ ๘
ฉินอ๋องเจิ้งพอพบว่า เจ้าสาวของตนไม่ใช่หันหนีที่ต้องการ ก็โวยวายวิ่งออกจากห้องพิธี...แต่กลับถูกขัดขวางด้วยผู้มีอำนาจตัวจริงของแคว้นฉิน...หลี่ปู้เว่ย...
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...เมื่ออ๋องเจิ้งให้ลูกน้องมาคุมตัวหันหนี หวังจะให้เข้าพิธีแต่งงาน...ก็โดนหลี่ปู้เว่ยซ้อนแผนอีกที เอาตัวหันหนีไปซ่อนไว้ แล้วส่งหญิงคนอื่นเข้าพิธีแทน...
แม้จะผิดหวังขนาดไหน แต่อ๋องหนุ่มน้อยอายุสิบเก้า ก็ยังต้องยอมลงให้กับเสือใหญ่อย่างหลี่ปู้เว่ย...มึงกลับไปทำเมียให้เป็นเมียซะ...หลี่ปู้เว่ยสั่ง
อ๋องเจิ้งต้องยอมกลับเข้าห้องหอ แต่กลับไปนั่งเฉยๆรอเวลาเช้า...
พอเช้า...หลี่ปู้เว่ยได้รับรายงานว่าท่านอ๋องขลุกอยู่แต่ในห้องทั้งคืน คงรับประทานฮองเฮาเรียบร้อยแล้ว...ก็สั่งลูกน้องให้ปล่อยตัวหันหนีได้...เพราะคาดว่าหันหนีจะกลับไปรวมกับไท่จื่อตัน แล้วหนีออกจากแคว้นฉินไป...
ก็จริงอย่างที่คาด...หันหนีไปเจอจื่อตันก็เตรียมจะออกเดินทาง...แต่เรื่องกลับไม่ง่ายยังงั้น...
1
อ๋องเจิ้งก็รอเวลาเช้าเหมือนกัน...รีบเผ่นออกจากห้องหอ ไปดักรอหันหนีกับจื่อตัน...พอเจอ ฉากบู๊เพื่อชิงสาวก็เกิดขึ้น
1
แล้วก็ตามเคย...ไท่จื่อตันสู้ฉินอ๋องเจิ้งไม่ได้
แต่คนชนะก็ไม่ได้หันหนีไปครอบครอง เพราะ...พอมหาอุปราชหลี่รู้เรื่องว่าอ๋องเจิ้งแหกขี้ตาออกจากห้องหอแต่เช้า แกก็เดาเรื่องออก...ส่งคนมาค้นหาและเชิญอ๋องเจิ้งกลับไปโดยด่วน...
เป็นอีกวาระที่อ๋องหนุ่มแห่งแคว้นฉิน ไม่สามารถขัดใจมหาอุปราชได้...ก็ต้องยอมกลับไป แต่สั่งทหารให้คุมตัวตัวประกันทั้งสองกลับไปอยู่บ้านที่จัดไว้ บ้านใครบ้านมันอย่าให้พบกันอีก...
หลังจากนั้น ฉินอ๋องเจิ้งก็ล้มป่วยลง คราวนี้ป่วยจริง...ทีแรกหลี่ปู้เว่ยยังคิดว่าป่วยการเมือง ก็บังคับให้อ๋องหนุ่มออกว่าราชการ จนเป็นลมล้มพับกลางที่ประชุม ถึงได้รู้ว่าป่วยจริง...
พอรักษากันหายดีแล้ว ฉินอ๋องเจิ้งก็ดูจะเงียบขรึมมากกว่าเดิม แล้วก็ทำตัวเป็นเด็กดีตามกฎระเบียบ ยอมโอนอ่อนผ่อนตามหลี่ปู้เว่ยอยู่...แม้กระทั่งแม่มาถามว่า หันหนีที่ลูกหลงรักเป็นใคร...อ๋องเจิ้งยังบอกว่าลืมไปแล้ว ไม่ต้องสนใจ...
2
หลี่ปู้เว่ยรู้ข่าวแบบนี้ก็สบายอกสบายใจ ตั้งหน้าตั้งตาประกอบการสงครามกับแคว้นต่างๆอย่างเต็มกำลัง...เพราะด้วยความซ่าของแคว้นฉิน ก็ไม่ใช่แค่ฉินยกไปตีบ้านเมืองคนอื่น...แต่แคว้นอื่นๆก็มีรวมกำลังกันยกมาเอาคืนฉินมั่งเหมือนกัน...
1
มหาอุปราชหลี่ปู้เว่ยมัวแต่หมกมุ่นกับการสงคราม จนละเลยหลายเรื่อง...เรื่องนึงคือละเลยคู่ขาเก่า...เจ้าจีฮองไทเฮา ที่เป็นเมียตน และเป็นแม่ของฉินอ๋องเจิ้ง...
1
เมื่อผัวตัวจริงทำแต่งานสงคราม ไม่ทำการบ้าน...เจ้าจีฮองไทเฮาถูกปล่อยให้หงุดหงิมบ่อยๆเข้า ก็ชักจะคิดมาก และนำไปสู่เรื่องร้ายในอนาคต ที่ต้องติดตามกันต่อไป...
1
อีกหนึ่งความละเลยคือ...หลี่ปู้เว่ยเห็นฉินอ๋องเจิ้งกลายเป็นเด็กในคาถาอย่างถูกระเบียบ ก็พออกพอใจโดยไม่เฉลียวใจเลยว่า...ราชสีห์หนุ่มแกล้งทำเป็นคล้อยตาม เพื่อรอเวลาเท่านั้น...
1
...
ในสมัยนั้น ตามซอกตามมุมต่างๆของทุกบ้านเมือง ก็มักจะมีนักคิดนักปราชญ์มาชุมนุมสุมหัวกัน บ้างก็เพื่อวิจารณ์บ้านเมือง บ้างก็เพื่อค้นคิดระบบการปกครอง ระบบทหาร...แล้วก็พยายามเสนอตัวให้กับผู้มีอำนาจ เผื่อจะได้เป็นขุนน้ำขุนนางกับเค้าบ้าง...
1
ในมุมนึงของแคว้นฉู่ ก็มีนักคิดที่มีโพเทนเชี่ยลเป็นเพื่อนกันอยู่สามคน ที่เราต้องจำชื่อไว้เพราะจะมีบทบาทในภายหน้าคือ...หลี่ซือ หันเฟย และเว่ยเหลียว...
ทั้งสามยังหนุ่มแน่น...หลี่ซือเจ้าความคิดแถมยังพรีเซ้นต์เก่ง ช่างเจรจา...เว่ยเหลียวดูจะฉลาดที่สุดในสามคนนี้ แต่พูดไม่ค่อยเก่ง...ส่วนหันเฟย เป็นองค์ชายแคว้นหัน...หน้าตาหล่อเหลาสูงสง่า แต่สงสัยไปลงอ่างบ่อย เลยมีข้อเสียตรงพูดติดอ่าง...
พอเห็นว่าแคว้นฉู่เริ่มจะไม่รุ่งแล้ว สหายทั้งสามก็ตกลงแยกย้ายไปตามทาง อนาคตใครอนาคตมัน...เว่ยเหลียวจะไปแคว้นอุ้ย เพราะถึงแม้จะใหญ่แค่อันดับสอง แต่เจ้าแคว้นอุ้ยดูจะไม่โหดร้ายระรานชาวบ้านเท่าผู้ปกครองแคว้นฉิน...
1
ส่วนหลี่ซือตกลงใจเล่นตัวใหญ่เลย...หอบลูกหอบเมียมุ่งหน้าไปหาอนาคตที่แคว้นฉิน...
...หลี่ซือรู้ดีว่าผู้มีอำนาจที่แท้จริงของฉินคือใคร ก็เข้าหาทางหลี่ปู้เว่ย...อ้อ หลี่เหมือนกันแต่สองคนนี้เค้าไม่ได้เป็นญาติกันนะฮะ...คือตอนนั้นแซ่หลี่เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด...
1
แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่ปู้เว่ย ก็เลี้ยงที่ปรึกษาหรือที่ในคำภาษาจีนแปลตรงตัวว่า “นักเกาะกิน” ไว้โขยงใหญ่ๆกว่าสามพันคน...หลี่ซือหน้าใหม่ย่อมไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวนายใหญ่ได้...ดีหน่อยตรงที่พอมาร่วมก๊วนแล้ว ก็มีที่พักมีอาหารให้ฟรี...
1
...หลี่ซือก็ต้องนั่งรอต่อไป...เพราะเชื่อมั่นตัวเองว่า เมื่อไหร่ฟ้าเปิดทาง ตนเองได้เปล่งประกายแน่...
...
ทางด้านฉินอ๋องเจิ้ง อาการดีขึ้นจากการป่วยแล้ว แต่อาการทางใจยังไม่หายขาด...อดรนทนไม่ได้ ก็หนีจากวังไปหาเรื่องหาราวกับไท่จื่อตันเรื่องเดิม...แย่งแฟนกัน
คราวนี้โดนจื่อตันยันกลับมาหน้าหงายด้วยถ้อยคำ...เป็นอ๋องภาษาอะไรวะ ไม่มีอำนาจในมือเลย ต้องยืนกุมเป้าผงกหัวให้อุปราช...ยังงี้อย่าเป็นเลยอ๋อง เป็นเอ๋งซะดีกว่า...
1
ฉินอ๋องเจิ้งเจอคำพูดจี้ใจดำยังงี้ ก็คลุ้มคลั่งวิ่งตากฝนกลับมา...ก็ไข้กลับสิฮะ ล้มป่วยลงอีกรอบ...
1
รอบนี้หนักหนาถึงขนาดว่า...ที่ประชุมขุนนางเตรียมการไว้เลย...ถ้าฉินอ๋องเจิ้งตายไป ใครจะเป็นอ๋องแทน...
โฆษณา