4 มี.ค. 2021 เวลา 10:57 • สุขภาพ
คนจะสวย สวยที่ไส้ ใช่เพียงหน้าตา
เชื่อกันหรือไม่ว่าในร่างกายเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วอาศัยอยู่ พวกนี้แยกตัวกันเป็นแก็งส์ดีและแก็งส์ร้ายด้วยและที่สำคัญกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีน้ำหนักด้วยแฮะ
ถ้าใครอยากรู้น้ำหนักจริงตัวเองแนะนำให้หักลบน้ำหนักซิลิโคนออก..ยังไม่พอนะ
เราต้องหักลบน้ำหนักอีก 1.3กิโลกรัมออกอีกเพราะจะได้รู้ว่าอันที่จริงแล้ว เราก็ไม่ได้อ้วนนะ(แอบยิ้มกันใช่ไหม)
1
ระบบทางเดินอาหารของมนุษย์มีหน้าที่ในการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้เกิดเป็นพลังงาน รู้กันหรือไม่ว่าเรามีจุลินทรีย์ แบคทีเรีย ไวรัสและปรสิตจำนวนนับล้านล้านตัวอยู่บนและอยู่ในตัวเรา และลำไส้คือบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิต
รุ่นจิ๋วพำนักและกางเต้นท์อาศัยอยู่มากที่สุดนั้นเอง
จุลินทรีย์แก๊งส์ดีนั้นจะมีทั้งแบคทีเรียเชื้อราและไวรัสต่างๆที่เรียกชื่อแก็งส์ดีนี้ว่า
ไมโครไบโอต้า (microbiota) ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ มีจำนวนเซลล์ทั้งหมดมากเสียกว่าเซลล์ของมนุษย์ถึง10เท่า และมีจำนวนยีนหรือสารพันธุกรรมทั้งหมด
ที่เรียกว่า ไมโครไบโอม (microbiome)
1
Microbiome ของแต่ละคนมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทาน วิถีชีวิต ถิ่นที่อยู่อาศัย ภูมิประเทศ ความเจ็บป่วยและอายุ
และสามารถเสื่อมและเสียสมดุลย์ได้
จุลินทรีย์ในลําไส้ หรือ Gut Microbiota มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพเราเป็น
อย่างมาก เหล่าสมาชิกแก็งส์ตัวจิ๋วเหล่านี้จะอยู่ภายในและภายนอกร่างกาย
ทั้งบนผิวหนัง ปอด เยื้อหุ้มต่างๆ ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ในระบบทางเดินอาหาร
เชื่อหรือไม่ว่า ในระบบทางเดินอาหารมีเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน มากถึง 70% ดังนั้นจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีอย่างไบโครไบต้าจึงส่งผลต่อภูมิคุ้มกันและเป็นตัววัดความแข็งแรงของมนุษย์ได้เช่นกัน
หน้าที่ของจุลินทรีย์ที่ดีนี้จะช่วยยับยั้งเชื้อโรค เพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังลำไส้ในระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ไมโครไบโอต้าคือ ยาแก้อักเสบจากธรรมชาติ
ที่ร่างกายเราสรรสร้างขึ้นมาให้แก่มวลมนุษยชาติ......
จุลินทรีย์ไบโครไบโอต้ายังสามารถสร้างวิตามินให้แก่ร่างกายได้อีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 บี1 บี12 และวิตามินเค
พูดถึงจุลินทรีย์แก็งส์ดีมามากมายแล้ว ขอหันกลับไปฝ่ายตัวร้ายจอมฉกาจอย่างจุลินทรีย์ก่อโรค จริงๆแล้ว ในร่างกายของเรามีทั้งแก็งส์ดีและแก็งส์ร้ายอยู่ด้วยกัน คล้าย ๆ กับประเทศของเราคือมีหลายฝ่ายหลายสีใช่ไหม
วิธีทำให้สองแก็งส์นี้อยู่กันได้ ปองดองกันอย่างดีคือต้องทำให้สองฝ่ายอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “สมดุล”
การที่ลำไส้เกิดสภาวะเสียสมดุลนั้น จะมีการเพิ่มขึ้นของจุลินทรีย์ก่อโรคเป็นจำนวน
มาก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดความผิดปกติ โดยภูมิคุ้มกันเองก็พยายาม จะสู้รบปรบมือ Fight กับเชื้อจากจุลินทรีย์ก่อโรค
จุลินทรีย์ก่อโรคเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?
การเพิ่มขึ้นจำนวนของจอมวายร้ายจุลินทรีย์ก่อโรคนั้นมาจากพฤติกรรมการเลือกอาหารที่เรารับประทาน เช่นอาหารไขมันและน้ำตาลสูง ยาปฏิชีวนะคือตัวทำลายสมดุลของจุลินทรีย์ที่ร้ายที่สุดและยิ่งทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ จะยิ่งทำให้จำนวนจุลินทรีย์ที่ดีลดน้อยลงไปจากการตายและโดนทำลาย ซึ่งทำให้ระบบทางเดินอาหารเราแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด
เด็กที่ได้รับยาฆ่าเชื้อตั้งแต่เด็กจะส่งผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้
เช่น โรคภาวะลำไส้อักเสบ โรคอ้วน มีการค้นพบว่าจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ของคน
ที่มีภาวะอ้วนนั้นมีจำนวนลดลง ความหลากหลายของจุลินทรีย์ก็น้อยลงเมื่อเทียบกับคนผอม อีกทั้งยังพบว่า จุลินทรีย์ก่อโรคในลำไส้นั้น ส่งผลให้มีภาวะไขมันสะสม
ในตับได้ ซึ่งการส่งผลต่อตับนี้ กระตุ้นการสร้างสารก่อการอักเสบ
หรือที่เรียกว่า Proinflammatory cytokines ที่ตับและทำให้ตับอักเสบ เกิดภาวะภูมิแพ้หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune disease)
การเสียสภาวะสมดุลของทั้งสองจุลินทรีย์ตัวดีและร้ายนั้นยังส่งผลต่อโรคเบาหวาน เพราะทำให้เกิดภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดภาวะทางจิตใจหรือโรคซึมเศร้าได้
2
จุลินทรีย์หรือไมโครไบโอต้าในลำไส้ จึงมีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของเราโดยเราสามารถเพิ่ม จุลินทรีย์ที่ดีได้โดยการรับประทาน จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือที่เรียกว่าโพรไบโอติก ซึ่งจะสามารถยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคไม่ให้จับยึดเกาะกับเยื่อบุทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันการเข้าสู่เซลล์ของลำไส้และป้องกันจุลินทรีย์ก่อโรคในลำไส้เข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตหรือการทานอาหารของจุลินทรีย์ที่เรียกว่า พรีไบโอติก
และนอกจากโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมาเมื่อเกิดภาวะสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้จะมีภาวะที่ดีขึ้นแล้วตัวจุลินทรีหรือ Skin Microbiome จะเป็นตัวที่ช่วยรักษาสมดุลในผิวหนังของเราแข็งแรงขึ้นเพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมหรือมลภาวะไม่ให้เข้าสู่ผิว เมื่อ ก็จะส่งผลต่อผิวให้มีสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังสามารถรักษาผู้ที่มีภาวะทางจิตใจ ลดภาวะซึมเศร้าหรือภาวะวิตกกังวลลงได้
เหมือนที่ธรรมะสั่งสอนเราว่า ร่างกายของเราแต่หาใช่ของเราไม่ เพราะเราอยู่ภายใต้อิทธิพลซ่อนเร้นของกลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วนี้นั้นไง
ว่าไปแล้วพระพุทธเจ้า ท่านทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์และมองเห็นวิทยสัจจะธรรม
ให้เราชาวโลกได้ทราบถึงความจริงนี้ ต้องปรบมือและกราบท่าบกับความอัจฉริยะ
ของท่านที่ท่านมองเห็นเจ้าจุลินทรีย์ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์จะคิดค้นได้เป็นพันๆปี
ขอจบบทความนี้สั้นๆคือถ้าไมโครไบโอต้าอยู่ดีมีสุขสบบสมดุลย์
ร่างกายของเราก็สุขและปลอดภัยจากโรคร้าย
แถมยังสวยใสดูอ่อนกว่าวัยเป็นสาวสองพันปีได้แน่นอนมาดามคอนเฟริม!
1
ขอบคุณทีมงานสุพรีม ฟาร์มาเทค ที่ช่วยมาดามหาข้อมูลเบื้องต้นสำหรับบทความนี้
Reference :
1. Andrew B. Shreiner, John Y. Kao.The gut microbiome in health and in disease.Curr Opin Gastroenterol. 2015 January ; 31(1): 69–75.
2.Dr. Orawan La-ongkham.Gut microbiota as an essential “super organism”
pivotal to human health.Food: Vol. 47 No. 3 July – September 2017.
2
3.PIYANUCH JONGSAMAK.GUT MICROBIOTA AND THE DEVELOPMENT OF OBESITY AND NON-ALCOHOLIC FATTY LIVER DISEASE.Thai Bull Pharm Sci 2016;11(2):76-97.
โฆษณา