Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เอนก นาวิกมูล
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2021 เวลา 04:02 • ประวัติศาสตร์
เจ้าไม่รักดี
เอนก นาวิกมูล เขียนเมื่อเช้า 10.20 น. ศุกร์ 5มีนา2564
เกิดเป็นมนุษย์สุดแสนจะลำบาก เกิดเป็นสัตว์ก็ยากกันทั้งสิ้น ต้องรักเกียรติยศศักดิ์รักชีวิน ไม่ให้เขาติฉินหรือฆ่าฟัน
เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 หม่อมเจ้าหญิงองค์หนึ่งใฝ่ต่ำเกินควร นอกจากลดตัวลงไปอยู่กับไพร่แล้วยังขายตัวเป็นทาสนานถึง 20 กว่าปี
เมื่อเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณก็ต้องมีการประชุมหาทางจัดการ....
ค่ำวันที่ 2 กันยายน รัตนโกสินทรศก 111 พ.ศ.2435 มีการประชุมเสนาบดีสภาที่พระที่นั่งพิมานรัตยา
ระเบียบวาระเรื่องที่ 3 หม่อมเจ้าอรมีผัวเป็นไพร่ และขายตัวเป็นทาส โดยปลอมชื่อตัวเอง ให้เขาเรียกว่า “เอม”
เรื่องนี้เจ้านายชั้นผู้ใหญ่และเสนาบดีประชุมอภิปรายกันยืดยาวมาก
รายงานการประชุมเขียนด้วยปากกาลายมือสวยต่อกันหลายหน้า อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะมีชื่อมีศัพท์ยากๆปนอยู่ แม้จะมีเชิงอรรถอธิบายแต่ก็ยักแย่ยักยันเต็มทน
ในฐานะที่เคยอ่านไดอารีหรือจดหมายเหตุพระราชกิจรายการในรัชกาลที่ 5 เรื่องหม่อมเจ้าองค์หนึ่งขายตัวเป็นทาส (หนังสือไม่ได้อยู่ข้างมือ) รู้สึกติดใจมานาน มาพบเรื่องทำนองเดียวกันอีก แต่เป็นคนละคน เห็นว่าน่าสนใจมาก จึงขอเก็บความมาเล่าให้ทราบดังนี้
เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ 2424 ไอ้แสง ผัว อีเอมเมีย และอีแพ บุตร มาขายตัวเป็นทาสอยู่กับใครคนหนึ่ง แล้วความแตกมีคนจับได้ว่าอีเอมเป็นเจ้า ...(เรื่องยุ่งมาก)
หาได้ชื่อเอมไม่ หากแต่ชื่ออร
วันที่ 12 เมษายน ร. 5 โปรดเกล้าฯให้พระองค์เจ้าไชยันต์มงคลไต่สวนว่าเท็จจริงประการใด
ได้ความว่าหม่อมเจ้าอร ตัวต้นเรื่อง อายุ 60 ปี
เป็นธิดาของพระองค์เจ้าเรณู พระองค์เจ้าชายเรณู(2342-ไม่ทราบปี) เป็นพระราชโอรสของรัชกาลที่ 2 กับเจ้าจอมมารดาบุนนาค
เมื่อหม่อมเจ้าอรอายุ 9 ปี พระองค์เจ้าเรณูก็สิ้นพระชนม์ หม่อมเจ้าอรไปอยู่กับหม่อมเจ้าประสงค์สรร ซึ่งมารดาเป็นพี่น้องกับหม่อมเจ้าอร
จากนั้นก็ไปอยู่กับหม่อมเจ้าไพบูลย์ ผู้เป็นพี่ต่างแม่ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดปีละ 12 ชั่งทุกปี
ส่วนไอ้แสงผัวหม่อมเจ้าอร เดิมเป็นทาสของหม่อมเจ้าไพบูลย์ ต่อมาไอ้แสงเกิดรักใคร่กับหม่อมเจ้าอร
ไอ้แสงเลยพาหม่อมเจ้าอรหนีไปอยู่กับพี่สะใภ้จนมีบุตรด้วยกัน 1 คนคืออีแพ
ไอ้แสงนั้นมีพี่สะใภ้ชื่อ “เอม” เมื่อนางเอมตายแล้ว หม่อมเจ้าอรก็เอาชื่อนางเอมคนนั้นมาเป็นชื่อของตัว ปลอมไปเข้าชื่อกับไอ้แสงอีแพเที่ยวขายตัวให้แก่กับนายเงินหลายคน
จนมาถึงเถ้าแก่ปริก (เถ้าแก่ในที่นี้หมายถึงผู้หญิงที่รับราชการในราชสำนักฝ่ายใน) อีเอมไม่สบาย ก็หนีไปอยู่กับหม่อมเจ้าเจริญเนตร เรื่องเลยยุ่ง
ปรึกษาถึงตรงนี้ก็มีการอ่านพระราชกระแสที่ ร.5 ทรงเขียนลงมาว่าเจ้าปลอมชื่อเป็นไพร่ไปขายตัวหลอกเอาเงินเขา นายเงินไม่กล้าฟ้อง จนลูกอายุ 24-25 ปีควรจะมีโทษฉันใด
กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์เห็นว่าหม่อมเจ้าอรเป็นทาสมาช้านาน เถ้าแก่ปริกได้ทราบว่าเป็นเจ้าจึงนำความจริงมาร้องกราบบังคมทูลและรู้สึกตัวกลัวความผิดจึงยกเงินค่าตัวที่ได้ ให้เถ้าแก่ปริกมีความดี ควรพระราชทานเงินค่าตัวส่วน
หม่อมเจ้าอรให้เถ้าแก่ปริก
หม่อมเจ้าอรไม่รักษาเกียรติยศของเจ้า ไปมีผัวไพร่และไปเที่ยวขายตัวเป็นทาสจนเกิดอีแพเป็นลูก หม่อมเจ้าอรมีความผิด ควรถอดลงเป็นไพร่แล้วส่งตัวเป็นโขลน (หญิงรักษาประตูในวัง)
เสนาบดีออกความเห็นกันไปมายืดยาวจนต้องยกไปว่ากันต่อในวันรุ่งขึ้น 3 กย 2435
พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ทรงเห็นว่าหม่อมเจ้าอรมีความผิด 2 กระทงคือ
1.ไม่รักษาอิสรภาพของตนและพระเกียรติยศของสกุล ยอมปลอมตัวลงเป็นไพร่ขายตัวเป็นทาส
2. ตนเป็นหญิงมีสกุลสูง คบชายต่ำที่ไม่ควรให้เป็นสามีจนมีบุตร กระทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศแก่ราชสกุล
เป็นความชั่วช้าที่เกิดเป็นมนุษย์และไม่รู้จักรักษาตัวเป็นไทย
สมเด็จกรมพระ(ภาษุรังษีสว่างวงศ์) กล่าวว่าหม่อมเจ้าอรทำความชั่วผิดแบบธรรมเนียมในราชตระกูล ไม่เกรงกลัวพระราชอาญาและไม่ได้รักษาราชตระกูลซึ่งเกิดเนื่องมาแต่โลหิตของเจ้า
ควรให้ถอดบรรดาศักดิ์เจ้าออกเป็นไพร่แล้วรับราชการอยู่ในพระบรมมหาราชวังห้ามไม่ให้กระทำชั่วอีกต่อไป
ตัวไอ้แสง ควรลงพระราชอาญาเฆี่ยน 1 ยก( 30 ที) เพื่อจะได้กันไม่ให้ไพร่คิดจะทำการย่ำยีต่อเจ้าต่อไป
ส่วนเถ้าแก่ปริก ซึ่งตั้งใจนำความกราบบังคมทูลขอลุแก่โทษ สมควรออกพระราชทรัพย์พระราชทานใช้ค่าตัวหม่อมเจ้าอรให้เป็นบำเหน็จ จะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้มีใจจงรักภักดีต่อ บรมราชจักรีวงศ์ต่อไป
กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์ เห็นว่าหม่อมเจ้าอรไม่มีเยื่อใยถือตัวเป็นเจ้าเลย ทำแต่ความชั่วอย่างไพร่เสียทุกอย่าง
ควรถอดเป็นไพร่ตามชื่อที่พอใจคือ “อีเอม”
และเอาตัวเป็นโขลนใช้ในการพระบรมมหาราชวังเพื่อไม่ให้เที่ยวอีกต่อไป (นี่คือข้อช่วยคลายสงสัยว่าว่าทำไมต้องโทษแล้วยังได้อยู่ในพระบรมมหาวังอีก)
ฯล
การประชุมในครั้งต่อๆไปดูเหมือนจะไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก เข้าใจว่าจะลงโทษไปตามแนวที่เสนาบดีแสดงความเห็นกันนั้น
หากอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ให้อ่านหนังสือชื่อ รายงานการประชุมเสนาบดีสภา ร.ศ.111 เล่ม 2ปกแข็งสีแดง มุมดำ
ในหลวงรัชกาลที่9ทรงโปรดเกล้าฯให้พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ วัดเทพศิรินทราวาส พฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ.2550 หน้า 657 เป็นต้นไป
เจ้าไม่รักดี
เอนก นาวิกมูล เขียนเมื่อเช้า 10.20 น. ศุกร์ 5มีนา2564
คำบรรยายภาพ
1.บ้านเรือนไทยสมัย ร.4 ถ่ายโดยจอห์น ทอมสัน ซีดี00345-036-
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย