Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The story of this planet
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2021 เวลา 16:20 • ประวัติศาสตร์
ซูสเทพแห่งสายฟ้า เกิดขึ้นได้ยังไง??
หลังจากที่โครนอสโค่นอำนาจพ่อขอตัวเองหรืออูรานอสได้สำเร็จ โครนอสก็ได้ปลดปล่อยพี่น้องของตัวเองออกมาจากคุกทาร์ทะรัส (ทาร์ทะรัสมีความลึกกว่านรกที่เฮดีสอยู่ซะอีก) และได้เลือกน้องสาวตัวเอง หรือรีอาเป็นชายา จากเหตุการณ์ที่โครนอสกล้าล้มอำนาจอูรานอส เหล่าพี่น้องไทแทนจึงยกให้โครนอสเป็นเทพบิดาปกครองโอริมปัสแทนอูรานอส
Cronus ผลงานของ Giovanni Battista Tiepolo
การมีอำนาจในครั้งนี้ทำให้โครนอสได้จัดระบบสวรรค์ใหม่ โดยเริ่มจากการแบ่งอำนาจหน้าที่ให้เหล่าพี่น้องของตนเอง โดยตั้งตัวเองเป็นเทพครองกาลเวลา จากภาพวาด/ตำรา มักจะมีลักษณะเป็นเทพร่างยักษ์ มือข้างหนึ่งถือเคียวคอยคร่าวิญญาณของคนที่ถึงอายุขัย และมืออีกข้างถือนาฬิกาทราย
โอเชียนัส และ ธีทิส ปกครองมหาสมุทร
ไฮเพอเรียน และ ฟีบี ปกครองดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
เนโมซินี เป็นเทวี ปกครองความจำ
ธีมิส เป็นเทพีปกครองความยุติธรรม
เทพไทแทนทุกองค์ที่มีหน้าที่ต่างปกป้องโอลิมปัสและทำหน้าที่ตาเองอย่างดี
จนกระทั่งรีอา ผู้ที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว และชายาของโครนอสนั้นตั้งครรภ์ สิ่งที่โครนอสกลัวว่าจะเกิดขึ้นก็กำลังกลับมาถึง นั้นคือกลัวว่าคำสาปของพ่อ หรืออูรานอสจะเป็นความจริง จึงเฝ้ารอให้ถึงวันที่ลูกคลอด เมื่อลูกคนแรกคลอด โคนอสไม่รอช้ารีบจีบลูกของตนกลืนลงท้องทันที (บางตำราใช้กลืน บางตำราใช้กิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือกลืนหรือกินที่เด็กนั้นไม่ตาย/ไม่โดนเคี้ยว) โครนอสทำเช่นนี้กับลูกองค์ต่อๆมาของตนเองจนกระทั่งคนสุดท้อง รีอาทนไม่ได้ที่จะต้องยกลูกให้กับสามีตัวเองกิน จึงทำการวางแผนรักษาชีวิตลูกคนเล็กไว้ เมื่อถึงวันที่คลอดลูกคนสุดท้อง รีอารีบนำลูกสลับกับหิน แล้วนำหินนั้นห่อผ้าไว้ก่อนจะนำไปให้สามีกิน ฝั่งโครนอสเมื่อเห็นรีอานำหินห่อผ้ามาให้ก็เข้าใจผิดว่าเป็นลูกตนเอง จึงรีบกลืนหินลงท้องไป
นางรีอานำหินห่อผ้า แล้วนำไปให้โครนอสกินแทนซูส
นางรีอาเมื่อเห็นว่าแผนการกำลังดำเนินได้ด้วยดีจึงรีบนำทารกที่ตนสลับกับหินไปฝากไว้ให้อัปสรนีเรียดดูแล พร้อมกับตั้งชื่อทารกน้อยองค์นี้ว่า ซูส หรือ ซีอุส (มีชื่อในภาษาโรมันคือ Jupiter)
นางอัปสรเมื่อได้รับตัวซูสมาดูแลแล้วจึงพาซูสออกจากสวรรค์ลงจากเขาโอลิมปัสไป เนื่องจากกลัวว่าถ้าอยู่บนสวรรค์โครนอสจะล่วงรู้ความจริงได้ จึงพาซูสไปไว้ที่ถ้ำบนยอดเขาไอคา และส่งต่อให้นางแอมัลเธีย (Amalthea) บุตรสาวของมิลิสซัส เจ้าของเกาะครีต เป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูซูสแทน ซึ่งนางแอมัลเธียก็ได้ดูแลถนุถนอมซูสด้วยนมแพะจนซูสเติบใหญ่กลายเป็นเทพหนุ่มที่แข็งแรง ฉลาดปราดเปรื่อง
Zeus with eagle and lightning, Athenian red-figure amphora C5th B.C., Musee du Louvre
เมื่อซูสโตเต็มที่จึงได้หวนกลับไปบนโอลิมปัสอีกครั้ง โดยมีจุดประสงค์หลักคือยึดอำนาจโครนอสผู้เป็นพ่อ โดยซูสนั้นได้เตรียมแผนการในการยึดอำนาจโครนอสไว้กับนางรีอาผู้เป็นแม่ว่า จะนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณสำรอกของในท้องออกมา จากเทพีมีทิส (Metis) เทพผู้ให้คำปรึกษาที่ดี โดยคนที่จะนำสมุนไพรนี้มาปรุงผสมกับเครื่องให้โครนอสกินนั้นก็คือ นางรีอา เมื่อนางนำเครื่องดื่มผสมสมุนไพรให้เทพบิดาโครนอสดื่ม และในที่สุดโครนอสได้สำรอกบุตรทั้ง5องค์ออกมา คือ โพไซดอน (Poseidon), ฮาเดส หรือ เฮดีส (Hahes), เฮสเทีย (Hestia), ดีมิเทอร์ (Demeter), และ เฮรา (Hera) ตามลำดับ ด้วยความที่ทั้ง 5 เป็นเทพ ทำให้ถูกกลืนเข้าไปแล้วไม่ตาย และยังสามารถเติบโตขึ้นได้ตามวัย ไม่เพียงแต่เทพทั้ง 5 องค์ที่ถูกสำรอกออกมาเท่านั้น ยังมีอีกสิ่งที่ถูกสำรอกตามออกมาด้วยนั้นคือหินที่รีอาผู้เป็นแม่ของเหล่าเทพนั้นสลับกับซูสตอนแรกเกิด ภายหลังหินก้อนนี้ได้เอาไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เคารพบูชาแทนเทพซูส ณ วิหารเดลฟี (Delphi)
วิหารเดลฟี (Delphi)
ภายหลังจากการยึดอำนาจโคนอสได้สำเร็จ ซูสได้เลือกเฮราพี่สาวตนเองเป็นคู่ครอง แบ่งอำนาจให้เหล่าเทพทั้ง 5 ในการปกครองโอลิมปัส และซูสได้ตอบแทนบุญคุณนางแอมัลเธียผู้ที่เลี้ยงดูซุสจนเติบใหญ่โดยการบันดาลให้นางเป็นดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่งในสวรรค์ นั้นคื กลุ่มดาวมังกรหรือแพะทะเลในจักรราศี และประทานเขาข้างหนึ่ง ซึ่งเขานี้เป็นเขาสารพัดนึก มอบให้แด่นางอัปสรนีเรียดผู้ที่พาซูสหนีมาจากสวรรค์
นางแอมัลเธียผู้ที่เลี้ยงดูซูส เมื่อนางตายซูสจึงบันดาลนางเป็นกลุ่มดาวราศีมังกร หรือ แพะทะเล
แม้ว่าคำสาปของเทพอูรานอสจะจบลง แต่ความแค้นของเทพในสายเลือดเดียวกันได้เริ่มต้นขึ้น ไม่เพียงแต่โคนอสผู้เป็นพ่อถูกยึดอำนาจเท่านั้นเหล่าคณะเทพไทแทน(ลุงป้าน้าอาของเหล่าเทพซูส) ก็ได้ถูกยึดอำนาจด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้เทพไทแทนไม่พอใจในตัวซูสอย่างมาก เห่าคณะไทแทนเลือกที่จะไม่ยอมรับซูส จึงเกิดสงครามเหล่าเทพขึ้น โดยมีผู้เริ่มสงครามครั้งนี้คือเหล่าเทพไทแทนซึ่งนำโดย แอตลาส (Atlas) สงครามเหล่าเทพในครั้งนี้ต่อสู้กันนานถึง 10 ปี เหล่าไทแทนนั้นมีจำนวนมากกว่า และมีพละกำลังน่าเกรงขามกว่า ซูสจึงกลัวว่าจะแพ้สงครามนี้ จึงได้ทำการปลดปล่อยไซคลอปส์ (ยักษ์ตาเดียวที่เป็นลูกของอูรานอสและโคนอสที่ถูกกักขังไว้ในทาร์ทะรัส มักจะถือค้อนใหญ่ มีพลังแห่งสายฟ้า มีฝีมือในด้านช่างเหล็ก) เมื่อไซคลอปส์ถูกซูสปลดปล่อย เหล่ายักษ์ไซคลอปส์ได้สร้างอาวุธให้กับซูส นั้นคือ สายฟ้า สร้างตรีศูลให้โพไซดอน และสร้างหมวก(เมื่อใส่แล้วหายตัวได้)ให้กับเฮดีส
The battle between the Gods and Titans ผลงานของ Joachim Wtewael
เมื่อมีเหล่าเทพมีอาวุธทรงอำนาจแล้ว ทำให้ซูสทำสงครามชนะเหล่าไทแทน ในที่สุดเหล่าไทแทนก็ยอมรับให้ซูสเป็นใหญ่และถูกขังไว้ในคุกทาร์ทะรัส ด้านแอตลาสผู้นำทัพเทพไทแทน ซูสได้ลงโทษให้แอตลาสแบกโลกแบกสวรรค์ไว้ตลอดเวลา ส่วนโคนอสผู้เป็นพ่อได้หนีไปต่างแดนแคว้นเฮสเพอเรีย (ประเทศอิตาลีในปัจจุบัน)
Atlas holding up the celestial globe ผลงานของ Guercino (1591-1666)
ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าบริเวณที่เหล่าเทพทำสงครามในครั้งนี้คือ แคว้นเทสซาลี (พื้นที่ภาคเหนือของกรีก) เป็นบริเวณที่มีภูมิประเทศขรุขระ ลุ่มๆดอนๆมาก
เมื่อเหล่าเทพซูสชนะสงคราม ส่งผลให้คณะเทพไทแทนสิ้นอำนาจ นางไกอา หรือ จีอา ผู้เป็นย่าซูสไม่พอใจที่ทำให้ลูกๆของตนต้องอยู่ในทาร์ทะรัสอีกครั้ง จึงสร้างอสูรขึ้นมาตนหนึ่งหมายจะฆ่าซูส อสูรตนนั้นเรียกว่า ไทฟอน (Typhon) เป็นยักษ์ดุร้าย ส่วนหัวเป็นมังกรที่มีหัวร้อยหัว มีเปลวไฟพุ่งออกจากดวงตา จมูกและปาก ส่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั้งพิภพ สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าเทพซูสและพี่น้องเป็นอย่างมาก จึงพากันหลบหนีจากโอลิมปัสไปที่อียิปต์ โดยเหล่าเทพต่างแปลงกายเป็นสัตว์นานาชนิด ซูสแปลงเป็นแกะ เฮราแปลงเป็นวัว เพื่อซ่อนสายตาจากอสูรไทฟอน
Tornado Zeus Battling Typhon is a relief ผลงานของ William Blake
การหนีอสูรในครั้งนี้ทำให้เหล่าเทพละอายเป็นอย่างมาก จึงได้กลับมาสู่โอลิมปัสเพื่อต่อสู้กับไทฟอน การต่อสู้กับอสูรไทฟอนเป็นไปอย่างยาวนาน จนในที่สุดซูสก็สามารถฆ่าไทฟอนลงได้ เทพมารดาแห่งสรรพสิ่ง จีอา เกิดความไม่พอใจอีกครั้งที่ซูสปราบไทฟอนได้ จึงสร้างยักษ์อีกตนขึ้นมา นั้นคือ เอนเซลาดัส (Enceladus) เข้าสู้รบกับซูสเพื่อแก้แค้นแทนไทฟอน แต่ซูสก็ยังสามารถเอาชนะอสูรของจีอาได้อยู่ดี ซูสได้จับเอนเซลาดัสล่ามโซ่ไว้ใต้ภูเขาเอตนา (Mount Etna ปัจจุบันตั้งอยู่ในอิตาลี บนเกาะชิลี ) เอนเซลาดัสส่งเสียงคำรามกึกก้อง บางครั้งก็พ่นไฟขึ้นเพื่อหวังจะฆ่าซูส เป็นเวลานานกว่าเอนเซลาดัสจะหยุดสำแดงฤทธิ์ แต่อสูรตัวนี้ยังขยับตัว ส่งผลให้พื้นโลกเกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราว
Enceladus buried under Mount Etna ผลงานของ Cornelis Bloemaert
ตำนานของไทฟอน และ เอนเซลาดัส ถูกชาวกรีกโบราณเล่าอธิบายจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อใช้อธิบายการเกิดแผ่นดินไหว และ ภูเขาไฟระเบิด นั้นเอง
ส่วนซูสและเหล่าเทพก็ได้กลับมาปกครองโอลิมปัสดังเดิม
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า
ที่มา ตำนานศักดิ์เทพเจ้า. 2554. กรุงเทพฯ : ไพลิน
10 บันทึก
7
4
10
7
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย