6 มี.ค. 2021 เวลา 12:54 • ประวัติศาสตร์
• สงครามฝิ่น
ตอนที่ 3 (ตอนจบ) | สงครามฝิ่นครั้งที่สอง
ถึงแม้ว่าสงครามฝิ่นครั้งแรกจะจบลงในปี 1842 พร้อม ๆ กับการทำสนธิสัญญาหนานจิง แต่จีนกับอังกฤษก็ยังคงมีปัญหากระทบกระทั่งอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งสาเหตุหลักก็เกิดจากการที่อังกฤษต้องการที่จะให้จีนเปิดเมืองท่าทุกแห่ง และทำให้การค้าฝิ่นในจีนเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
แต่แน่นอนว่าจีนย่อมไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้อง (ที่ดูเอาแต่ผลประโยชน์) ของอังกฤษได้ จีนพยายามอดทนอดกลั้นที่จะไม่ต้องทำสงครามกับอังกฤษอีกครั้ง
1
ทหารจีนในช่วงสงครามฝิ่น
แต่แล้วในวันที่ 8 ตุลาคม 1856 ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้สงครามฝิ่นรอบใหม่ระหว่างจีนกับอังกฤษอุบัติขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองกวางตุ้ง เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของจีน
โดยเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่จีนได้ทำการบุกยึดเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษลำหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "แอร์โรว์" (Arrow)
เดิมทีเรือแอร์โรว์ลำนี้ เคยเป็นเรือของพวกโจรสลัดมาก่อน ก่อนที่จีนทำการยึดและนำมาขายต่อให้กับอังกฤษ ซึ่งเรือแอร์โรว์ก็ได้จดทะเบียนเป็นเรือสัญชาติอังกฤษ
เจ้าหน้าที่จีนบุกยึดเรือแอร์โรว์ และกำลังชักธงชาติของอังกฤษลงจากเสา
โดยจีนได้ให้เหตุผลในการยึดเรือแอร์โรว์ว่า เป็นเพราะว่าลูกเรือของเรือแอร์โรว์ (ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวจีน) กระทำตัวเป็นโจรสลัด และลักลอบนำสินค้าผิดกฎหมายเข้ามาในจีน
1
เหตุการณ์ยึดเรือแอร์โรว์ได้สร้างความโกรธแค้น และความไม่พอใจให้กับอังกฤษเป็นอย่างมาก อังกฤษได้ประกาศว่าการกระทำของจีนคือการฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามสนธิสัญญาหนานจิง และยังถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติต่อรัฐบาลอังกฤษ
ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังได้เกิดเหตุการณ์ที่บาทหลวงชาวฝรั่งเศส และทหารเรือชาวอเมริกันถูกสังหารโดยชาวจีนอีก
ดังนั้นอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา จึงร่วมมือกันเป็นพันธมิตร และประกาศสงครามต่อจีน สงครามฝิ่นครั้งที่สองจึงเริ่มต้นขึ้น
ในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ทั้งสองฝ่ายได้ทำการสู้รบเป็นเวลาราว 5 ปี ตั้งแต่ปี 1856 จนกระทั่งสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม 1860
บทสรุปของสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้ เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างไปจากสงครามในครั้งแรก
เพราะกองทัพพันธมิตรตะวันตกสามารถเอาชนะกองทัพจีนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก (เพราะเทคโนโลยีและศักยภาพการรบของตะวันตกอยู่เหนือกว่าจีนเป็นอย่างมาก)
1
ทหารม้าอังกฤษบุกโจมตีกรุงปักกิ่ง
ในช่วงท้ายของสงคราม กองทัพพันธมิตรตะวันตกสามารถบุกเข้ายึดครองกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนได้ อันเป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ในสงครามอีกครั้งของจีน
1
หลังจากสงครามฝิ่นครั้งที่สองสิ้นสุด พันธมิตรตะวันตกก็ได้บังคับให้จีนลงนามในสนธิสัญญาทั้งสิ้น 2 ฉบับ คือสนธิสัญญาเทียนจิน (Treaty of Tienjin) และอนุสัญญาปักกิ่ง (Convention of Peking)
การลงนามในสนธิสัญญาเทียนจิน
โดนสนธิสัญญาเทียนจินมีเนื้อหาคือ
- จีนจะต้องอนุญาตให้ชาติตะวันตกสร้างสถานทูตภายในกรุงปักกิ่ง
- อนุญาตให้ชาวตะวันตกสามารถเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในจีนได้อย่างเสรี
1
- การค้าฝิ่นในจีนจะต้องถูกกฎหมาย
2
- จีนจะต้องเปิดเมืองท่าทุกแห่งเพื่อค้าขายกับตะวันตก
ส่วนอนุสัญญาปักกิ่งมีเนื้อหาคือ
- จีนจะต้องส่งมอบหมู่เกาะในบริเวณคาบสมุทรเกาลูน (Kowloon Peninsula) ให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมฮ่องกงของอังกฤษ (ซึ่งฮ่องกงจะเป็นอาณานิคมของอังกฤษจนถึงปี 1997)
- จีนจะต้องส่งมอบดินแดนแมนจูเรียนอก (Outer Manchuria) ให้กับจักรวรรดิรัสเซีย
- จีนต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับอังกฤษและฝรั่งเศส
หลังจากความพ่ายแพ้ของจีนในสงครามฝิ่นทั้งสองครั้ง ได้ส่งผลให้ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่ชาวจีนและราชวงศ์ชิงเคยภาคภูมิใจต้องถึงกาลล่มสลาย
หลังจากนั้นจีนก็ยังคงเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมให้ตนเองมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกบฎไท่ผิง (Taiping Rebellion) ในช่วงปี 1850 จนถึง 1864
รวมไปถึงกบฎนักมวย (Boxer Rebellion) ในช่วงปี 1899 จนถึง 1901 อันเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของจีน ที่จะขับไล่ชาติตะวันตกและทำให้จีนกลับมามีอำนาจในเอเชียอีกครั้ง
1
การปฏิวัติซินไฮ่ (Xinhai Revolution) ในปี 1911-12 นำไปสู่จุดจบของราชวงศ์ชิง
ผลสุดท้ายความเสื่อมที่สะสมยาวนานกว่าร้อยปี ก็ได้ส่งผลให้ในท้ายที่สุด ราชวงศ์ชิงและระบอบจักรพรรดิของจีน ต้องถึงกาลล่มสลายลงในปี 1912 นั่นเอง
2
** ถ้าหากมีเวลา แอดมินก็อยากจะเขียนเรื่องราวของกบฎไท่ผิง รวมไปถึงกบฎนักมวยครับ เอาเป็นว่าอย่าลืมฝากติดตามด้วยนะครับ
2
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา