8 มี.ค. 2021 เวลา 10:00 • ความคิดเห็น
ถ้าคุณเคยเสียเงิน จาก Flash Sale ทาง app shop online
นั่นแสดงว่าคุณเคยตกเป็นเหยื่อ ของ FOMO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2
ุ้ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ สิงอยู่ใน app ใด app หนึ่งได้ทั้งวัน ก็แสดงว่าคุณได้ตกเป็นเหยื่อของ FOMO เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ถ้าคุณติดการดู Live!! หรือ ละคร แบบไม่ย้อนดู rerun นั่นก็แสดงว่า คุณได้ตกเป็นเหยื่อของ FOMO เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
แล้ว FOMO คืออะไร?? ทำไมเราถึงตกเป็นเหยื่อ โดยที่ไม่รู้ตัว??
FOMO หรือชื่อเต็มว่า Fear of missing out คือ การที่ กลัวจะพลาดเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สินค้า ข่าว หรือ การเล่นเกมส์ เป็นอาการประเภทกลัว ตกกระแส ตกข่าว ที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ
1
แต่ในเชิงการตลาด FOMO นั้นถูกนำมา Apply ออกแบบเป็น User Journey ให้กับเราซึ่งเป็นลูกค้า โดยที่ไม่รู้ตัว
อย่างใน app clubhouse เป็น ตัวอย่างที่ดีของการนำ FOMO มาใช้เป็นแกนหลัก ของ app
เพราะคนที่เข้าไปฟังการพูดใน Clubhouse นั้น ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ใน ภาวะ FOMO เป็นที่เรียบร้อย เพราะกลัวที่จะพลาดเรื่องดี ๆ (ที่ตัวเองสนใจ) ที่เปิดพูดคุยขึ้นใน Clubhouse จึงต้องเข้าไปฟังตามวันและเวลาให้ได้ เพราะ Clubhouse นั้นไม่ได้มี การ Record ไว้แต่อย่างใด ไม่สามารถกลับไปฟังย้อนหลังได้
ในยุคก่อน สถานีโทรทัศน์ ก็นำเรื่อง FOMO ไปใช้ในการดึงดูดคนให้เข้าไปดูในช่องของตัวเอง โดยการออกแบบรายการที่น่าสนใจ ละครที่พลาดไม่ได้ และที่สำคัญ คือนำจับมาชนในวันและเวลาเดียวกัน ทำให้คนดูต้องเลือก เอาสักช่อง เพราะไม่สามารถไปดูพร้อมกันได้ (สมัยก่อนไม่มีดูย้อนหลัง) และที่สำคัญ ที่เกิดอาการ FOMO จริง ๆ คือคนดู เพราะนอกจากกลัวพลาดที่จะดูแล้ว ยังกลัวพลาดที่จะคุยกับคนในที่ทำงานวันพรุ่งนี้ ไม่รู้เรื่องอีกด้วย
ในการขายของ อันนี้ง่ายมาก ช่วงเวลา Flash sale ทั้งหลาย อีกทั้งช่วงเวลา 3 เดือน 3, 9 เดือน 9 พวกนี้ก็เป็นการนำ FOMO มาใช้เช่นกัน เพราะออกแบบให้วันดังกล่าวหรือช่วงเวลาดังกล่าว มีสินค้าที่ดี และลดราคาจนถูกกว่าปกติ ทำให้คนซื้อรู้สึกว่า พลาดที่จะซื้อในช่วงเวลานั้น ๆ ไม่ได้
ในรูปแบบของเกมส์ ก็ได้มีการนำ FOMO มาใช้เช่นกัน โดยเรามักจะเห็นได้ว่า ส่วนมากเกมส์ที่เล่นในปัจจุบัน มักจะมีของรางวัล มอบให้ฟรี ๆ เสมอ แต่ของรางวัล ก็มักจะมาเป็นช่วงเวลา เช่นต้อง Login ติด ๆ กัน หรือต้องทำเควสประจำวัน ให้ผ่าน หรือ ต้องเข้าในช่วงเวลานี้ ถึงจะมี กิจกรรมให้ทำ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่นำ FOMO มาใช้ทั้งนั้น และทำให้คนที่เล่น ติดงอมแงม แบบในทุกวันนี้
1
ที่น่ากังวลมากที่สุดน่าจะเป็น การที่ FOMO ลามมาถึงการใช้ชีวิตประจำวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหมือนกับว่า เราเสพติด การที่สื่อต่าง ๆ นั้น ทำให้เรารู้สึกไม่อยากพลาดอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนในที่สุด เป็นคนเอง ที่ ติดอยู่ในอาการ FOMO นั่นก็คือ ไม่อยากจะพลาดทุกโอกาส ที่ตัวเองจะพลาดได้
อาการของคนที่เป็น FOMO ในปัจจุบันสังเกต ได้ง่ายๆ เช่น
-กลัวคนอื่นจะได้รับประสบการณ์หรือได้พบอะไรที่ดีกว่าตัวเอง
-กระวนกระวายเมื่อไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ทำอะไรอยู่หรือพูดถึงอะไร
-รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องยกเลิกนัด หรือเลื่อนนัด
-เปรียบเทียบความสุขตัวเองกับความสุขคนอื่นตลอดเวลา
จริง ๆ แล้วอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่หากปล่อยไปโดยไม่ระมัดระวังตัว สุดท้ายแล้วจะทำให้เกิดอาการเครียดสะสมตามมา และกลายเป็นคนมีปัญหาด้านสุขภาพจิตในที่สุด
วิธีการแก้อาการ FOMO แบบง่ายๆ สามารถทำได้ดังนี้
-ใช้ชีวิต Slow life
ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ เพราะยิ่งรีบ นั่นคือเรากำลังกลัวว่าเรากำลังจะพลาดอะไร
-ออกห่างจาก Social
ง่าย ๆ เลย เล่นมือถือหรือคอมพิวเตอร์ให้น้อยลง เมื่อเล่นน้อยลง เราก็จะไม่พบเจอหรือพบเห็นของคนอื่นจนทำให้เกิด FOMO ได้นั่นเอง
-คิดบวก
คนที่เป็น FOMO ส่วนมากคือคนที่มักจะชอบคิดลบ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบเรากับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละที่จะทำให้เกิดสภาวะเครียดสะสม และกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด
FOMO นั้นเรียกได้ว่าถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ เพราะเป็นจิตวิทยา ตัวหนึ่ง ที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุก ๆ คน อีกทั้งยังหลีกหนีความรู้สึกนั้นได้ยากด้วย
แต่หากเรารู้เท่าทัน อารมณ์ของเราเองสักนิด ก็คงจะหลีกหนีจากอาการ FOMO ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
และการที่จะรู้เท่าทันอารมณ์นั้น ก็หนีไม่พ้น การที่จะมี "สติ" อยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ให้หมั่นฝึกสติของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นทาสของอารมณ์ หลังจากนั้นจะดีเองครับ
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่คนที่ได้เข้ามาอ่าน และได้ "ฉุดคิด" ไม่มากก็น้อย นะครับ
โฆษณา