Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
8 มี.ค. 2021 เวลา 08:04 • กีฬา
เพราะฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยแพ้บ๊วยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คาบ้าน, ได้แค่บุกเสมอทีมอันดับ 19 อย่าง เวสต์บรอมวิช, ยิงประตูไม่ได้มา 3 นัดซ้อน และยังไม่ชนะทีมระดับบิ๊กซิกซ์ในลีกซีซั่นนี้ มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไร้โอกาสบุกไปโค่นจ่าฝูงผู้ไร้เทียมทานอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
2
ต่อให้ แมนฯ ซิตี้ จะชนะมา 21 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ นำจ่าฝูงโดยทิ้งห่างทีมอื่นๆ เกิน 10 แต้ม มันก็ไม่ได้การันตีเลยว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะไปตลอด
แน่นอนว่าฝีมือและบารมีของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ย่อมเป็นรอง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แบบแทบจะคนละชั้น แต่สถิติล่าสุดบอกว่า ในบรรดากุนซือทุกคนที่เคยต่อสู้กับทีมของเป๊ปไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง โซลชาร์ คือคนเดียวเท่านั้นที่มี เฮด ทู เฮด ที่ดีกว่า จากผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 3
1
หลังจบเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ ทำให้ โซลชาร์ ยังคงรักษาสถิติพา แมนฯ ยูไนเต็ด บุกชนะที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้แบบ 100% นั่นทำให้ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์คือกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ปีศาจแดง ที่บุกไปชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ตลอดทั้ง 3 ครั้งแรกนับรวมทุกรายการ
1
ต่อให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะทำแต้มหล่นเรี่ยราดในช่วงหลัง แต่ความจริงก็คือพวกเขาคือทีมที่ใกล้เคียงกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บนตารางคะแนนมากที่สุด และแน่นอนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รู้เรื่องนั้น
เป๊ปให้สัมภาษณ์ถึงคู่แข่งสำคัญก่อนเกมนี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ว่า “เกมนี้มันสำคัญ เหมือนกับเกมก่อนหน้านั้นและก่อนหน้านั้น รวมถึงเกมที่จะเจอกันอีกถัดจากนี้ด้วย”
“ผมรู้ว่าเล่นกับยูไนเต็ดมันยากแค่ไหน ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีขึ้นทุกฤดูกาล พวกเขายังไม่แพ้ใครนอกบ้านมานานกว่า 1 ปี”
“พวกเขามีผลการแข่งขันที่ดีเสมอที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่เรารู้ว่าเรามีโอกาสที่จะขยายความได้เปรียบของเราเพิ่มได้”
“พรีเมียร์ลีกคือการแข่งกัน 38 นัด เกมนี้คือหนึ่งในนั้น ชัดเจนว่าตอนนี้พวกเขาคือคู่แข่งที่แท้จริง เมื่อเป็นอันดับ 2 ของตาราง”
1
“ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของมัน เราจะพยายามและเอาชนะเกมนี้ให้ได้”
ถ้าหาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งที่ 185 พวกเขาจะทำคะแนนฉีกหนี เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ขึ้นรองจ่าฝูงชั่วคราวเป็น 15 แต้ม และทิ้งห่างคู่ปรับร่วมเมืองห่างเป็น 17 คะแนน
ซึ่งถ้าเกิดเรือใบสีฟ้าเก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จจริงๆ พวกเขาอาจทำลายสถิติของ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่การันตีแชมป์ก่อนจบซีซั่นถึง 7 นัด กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้
การชนะเกมลีกมา 15 นัดติดต่อกัน ยังทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลุ้นพาทีมทำลายสถิติเดิมของตัวเอง ที่เคยชนะในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันนานที่สุดถึง 18 นัด ซึ่งทำได้ในซีซั่น 2017-18 ที่เก็บ 100 แต้มอีกด้วย
แน่นอนว่าการเปิดบ้านเจอทีมอันดับ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แพ้ในลีกฤดูกาลนี้แค่ 4 นัด ย่อมเป็นเรื่องยากกว่าการเปิดบ้านถล่มทีมกลางตารางอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-1 ที่แพ้ไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 นัด
1
เป๊ป จึงเรียกนักเตะตัวหลักที่พักไว้ในเกมพบทีมหมาป่าอย่าง จอห์น สโตนส์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และ อิลคาย กุนโดกัน กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ถือว่าจัด 11 ตัวจริงชุดที่ดีที่สุดลงสนามเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ เกมนี้ถือเป็นครั้งแรกของปี 2021 ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ใช้ 3 ประสานแนวรุกชุดเดิม 2 นัดติดต่อกัน นั่นคือ ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ถ้าให้ผมวิเคราะห์ว่าทำไมเป๊ปถึงเลือกใช้ 3 คนนี้ โดยไม่ได้เล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์ เหมือนเกมบิ๊กแมตช์นัดอื่นๆ น่าจะเป็นเพราะ เชซุส กำลังมั่นใจจากการยิงใส่ วูล์ฟส์ ได้ 2 ประตู เช่นเดียวกับ มาห์เรซ ที่ซัดได้ 1 ลูก ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คือปีกตัวเลือกแรกของทีมอยู่แล้ว
อีกปัจจัยสำคัญนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงมองว่าทีมปีศาจแดงมีจุดอ่อนที่การป้องกันลูกครอสเข้าเขตโทษ การเลือกใช้ศูนย์หน้าธรรมชาติ และปีกที่โยนบอลเข้าหาประตูได้อันตรายอย่าง มาห์เรซ เอาไว้ น่าจะสร้างอันตรายได้มากกว่าการเน้นการต่อบอล
ทางฝั่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยังคงมั่นใจในระบบ 4-2-3-1 ของตัวเอง โดยเลิกใช้ระบบแบ็กทรี หรือส่งนักเตะที่ธรรมชาติเป็นกองหลังลงสนามพร้อมกันถึง 5 คนในการเจอทีมใหญ่ไปแล้ว
1
การเจอทีมระดับ “บิ๊กซิกซ์” ทุกนัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 หากไม่นับเกมที่แพ้ อาร์เซน่อล คาบ้าน 0-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ถือว่า โซลชาร์ ใช้แผน 4-2-3-1 ตลอด และสามารถเก็บคลีนชีตได้ทุกครั้งเวลาไปเยือนทีมใหญ่ช่วงที่ผ่านๆ มา ทั้ง ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และ เชลซี
1
ถ้าคุณมองว่าก่อนหน้านี้ ทีมปีศาจแดงยังไม่สามารถเอาชนะทีมระดับบิ๊กซิกซ์ในเกมลีกซีซั่นนี้ได้เลยสักครั้ง มันคงเป็นมาตรฐานที่น่าผิดหวัง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกต ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเก็บคลีนชีตได้แบบ 100% ในการเยือนคู่แข่งระดับนี้ในพรีเมียร์ลีกปี 2021
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวรับทีม เร้ด อาร์มี่ ไม่ค่อยเสียประตูในเกมบิ๊กแมตช์ คือ “สมาธิ” ของนักเตะที่เน้นมากกว่าการเจอทีมรองบ่อน รวมไปถึงความเข้าใจกันของผู้เล่นเกมรับทั้ง 6 คนที่ทำงานร่วมกันมานาน
หากไม่นับเกมแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คาบ้าน 1-6 ตอนที่ทีมของ โซลชาร์ ยังตั้งหลักไม่ได้ในซีซั่นนี้ หลังจากนั้นมาเขาใช้นักเตะแผนกเกมรับ 6 คนหลักๆ ในการเจอทีมระดับบิ๊กซิกซ์ในพรีเมียร์ลีกทุกนัด
นั่นคือแบ็กโฟร์อย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ และคู่มิดฟิลด์ตัวทำลายเกมอย่าง เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
การเก็บคลีนชีตให้เห็นมาแล้วในเกมที่ แอนฟิลด์, เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยแนวรับชุดนี้ คือหลักฐานว่าวินัยในการป้องกันเป็นทีมของผู้เล่นเหล่านี้คือของจริง
แต่โจทย์ข้อใหญ่ก็คือ แล้วจะทำยังไง ถึงจะยิงประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (17 ประตูจาก 27 นัดแรก) ได้ล่ะ?
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดใช้งาน เอดินสัน คาวานี่ ที่บาดเจ็บซ้ำไปอีกระหว่างการซ้อม ทำให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ได้โอกาสกลับมาเป็นตัวจริง
ขณะที่เกมริมเส้น 2 ข้างเขาต้องการเน้นความเร็ว ทำให้ แดเนียล เจมส์ ได้ออกสตาร์ททางฝั่งขวาแทน เมสัน กรีนวู้ด ส่วนทางซ้ายยังคงเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด
แท็กติกของ โซลชาร์ ที่เคยใช้ในการปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนหน้านี้ คือการเร่งเกมเร็วเพื่อรีบทำประตูขึ้นนำให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่ช่วงเวลาที่เหลือ จะได้เน้นเกมรับเต็มที่เพื่อรอจังหวะเคาน์เตอร์แอทแท็ค
1
เกมนัดล่าสุดมันก็เป็นแบบนั้น เพราะโมเมนตัมมาเข้าทางผีแดงตั้งแต่ต้นเกม เมื่อโอกาสบุกครั้งแรกลงเอยด้วยการได้จุดโทษทันที จากจังหวะที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล เก็บบอลที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด เลี้ยงไปติด โรดรี้ มาเข้าทาง ก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะเสียเหลี่ยมไปทำฟาวล์ใส่ มาร์กซิยาล ที่พาบอลเลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษ
บรูโน่ แฟร์นันด์ส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด นี่คือประตูที่ 16 ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ของจอมทัพทีมชาติโปรตุเกสร่วมกับ แฮร์รี่ เคน โดยตามหลังผู้นำดาวซัลโวอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แค่ลูกเดียวเท่านั้น
ช่วง 15 นาทีแรก จะเห็นได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เกมเพรสซิ่งเร็ว และช่วยกันเคลื่อนที่เพื่อเข้าทำกันเร็วเพื่อหวังตุนประตูเอาไว้ให้ได้เปรียบที่สุด แล้วค่อยผ่อนเกมหันไปเก็บแรงเพื่อเน้นโต้กลับทีหลัง
โดยทีมเยือนเกือบได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 4 ด้วย ในจังหวะที่ บรูโน่ ไปแซะบอลจาก ชูเอา คันเซโล่ ให้ ลุค ชอว์ ตวัดยิงด้วยขวาไปตรงตัว เอแดร์ซอน
การได้ประตูนำแต่เนิ่นๆ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอยลงไปรับลึก ปิดพื้นที่ไม่ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หาทางเจาะได้ถนัด
ถึงแม้โอกาสยิงของทีมเรือใบสีฟ้าจะมีมากถึง 23 ครั้งในเกมนี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักโดนแนวรับของทีมเยือนบีบให้เหลือมุมยิงยากที่สุด โดยต้องอาศัยจังหวะซัดจากนอกเขตโทษแทนอยู่หลายหน
ส่วนจังหวะเปิดที่ได้ลุ้น ก็ทำได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เพราะกองหลังทีมเยือนไล่บีบพื้นที่ไม่ให้นักเตะเจ้าถิ่นหาโอกาสเข้าชาร์จได้ง่ายๆ
โอกาสยิงที่สร้างปัญหาให้ ดีน เฮนเดอร์สัน ได้มากที่สุดในเกมนี้ของ แมนฯ ซิตี้ คือจังหวะตะบันเต็มข้อจากนอกกรอบในนาทีที่ 24 ของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แต่ว่า เฮนเดอร์สัน ก็โชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
1
สถิติที่การันตีความเหนียวแน่นของเกมรับผีแดงนัดนี้ ก็คือการทำให้ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสยิงตรงกรอบในครึ่งหลังแค่ 2 ครั้ง หลังจากที่ ดีน เฮนเดอร์สัน เซฟไปแล้ว 4 ครั้งในครึ่งแรก
สำหรับผมแล้ว ดีน เฮนเดอร์สัน คือหนึ่งในแคนดิเดต แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ จากการที่ยืนตำแหน่งไม่มีข้อผิดพลาด เซฟจังหวะสำคัญให้เห็น ตัดลูกกลางอากาศได้แบบชัวร์สุดๆ และทีเด็ดคือการเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ประตูที่ 2
จุดแข็งที่นายทวารทีมชาติอังกฤษรายนี้ทำได้ดีกว่า ดาบิด เด เคอา คือการเปิดเกมได้เร็วกว่ามาก
และผมคิดว่าถ้าเป็น เด เคอา ลงเฝ้าเสา เราคงไม่ได้เห็นช็อตเขวี้ยงบอลจากปากประตูตัวเองไปไกลขนาดนั้นให้ ลุค ชอว์ พาบอลตะลุยขึ้นไปทำชิ่งกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด แล้วจบด้วยจังหวะยิงของ ชอว์ ในนาทีที่ 50
การที่ เด เคอา ยังต้องอยู่ดูแลภรรยาที่เพิ่งคลอดลูก ในช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมหนักอีกมากในเดือนนี้นอกจากเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ไม่ว่าจะเป็นการพบ เอซี มิลาน 2 นัดใน ยูโรปา ลีก, การเปิดบ้านเจอทีมลุ้นพื้นที่ยุโรปอย่าง เวสต์แฮม และเกม เอฟเอ คัพ กับ เลสเตอร์ คือโอกาสทองที่ เฮนเดอร์สัน จะได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเขาสามารถเบียด เด เคอา กลายเป็นมือหนึ่งของทีมได้จริงๆ หรือยัง
ขณะที่ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมนี้ตัวจริงเสียงจริง ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเป็น ลุค ชอว์
เพราะนอกจากจะยิงประตูแรกในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่หลุดไปยิงใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2018-19 แล้ว เขายังวิ่งพล่านเติมแบบขึ้นสุดลงสุด ทำให้เกมโต้กลับมีความต่อเนื่อง
ส่วนเวลาต้องเล่นเกมรับ เขาก็เคลื่อนที่สร้างความลำบากในการเดินเกมของคีย์แมนหลักเจ้าบ้านทั้ง ชูเอา คันเซโล่, เควิน เดอ บรอยน์ และ ริยาด มาห์เรซ จน แมนฯ ซิตี้ ไม่มีทางได้ประตู
อันที่จริงต้องชมกองหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งแผงเลยทีเดียว โดย อารอน วาน-บิสซาก้า แม้ว่าจะเล่นเกมรุกได้ไม่ดีเท่ากับ ชอว์ แต่เรื่องของการสกัดบอลเขาโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ เมื่อเข้าปะทะสำเร็จถึง 3 ครั้ง และตัดบอลได้มากที่สุดในสนามถึง 5 หน
คู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็เหนียวแน่น ช่วยกันซ้อนได้แบบรู้ใจ ทำให้พื้นที่หน้าประตูของปีศาจแดง กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับ ดีน เฮนเดอร์สัน
แม้แต่คู่มิดฟิลด์ทั้ง เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ก็ต่างช่วยกันทำงานหนัก ไม่เว้นแม้กระทั่งปีกอย่าง แดเนียล เจมส์ กับ แรชฟอร์ด ที่แม้ไม่มีส่วนกับประตู ก็ยังเค้นพละกำลังออกมาสุดแรงเกิดในการวิ่งขึ้นลงในเกมนี้
การที่ต้องใช้เรี่ยวแรงวิ่งขึ้นลงแบบหักโหม หลังจากกรำศึกหนักต่อเนื่องมานาน คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ แรชฟอร์ด มีอาการเจ็บข้อเท้า จนต้องโดนถอดออกจากสนามในนาทีที่ 72 ให้ เมสัน กรีนวู้ด ลงไปแทน ซึ่งโชคดีที่สกอร์ของทีมตอนนั้นบุกนำห่าง 2-0 ได้แล้ว จึงไม่ต้องกดดันอะไรมาก
แอนน์มารี เดรย์ แฟนบอลสาวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ไว้อย่างน่าสนใจ เธอชี้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยุติธรรม ถ้าแฟนบอลของผีแดงไม่ให้เครดิตการเล่นเกมรับที่ยอดเยี่ยมของคู่เซนเตอร์แบ็กในเกมนี้
“วันนี้มีสักกี่คน ที่จะให้การชื่นชม ลินเดอเลิฟ และ แม็กไกวร์ ได้อย่างที่พวกเขาคู่ควร? ทุกวันนี้พวกเขาถูกพูดถึงแค่ตอนโดนวิพากษ์วิจารณ์ด้วยประโยคเดิมๆ เท่านั้น ทั้งที่ทั้งคู่ต่างแข็งแกร่ง”
โดย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมในฐานะกัปตันทีม โดยยกเครดิตให้กับการทำงานหนักของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และทีมงานเบื้องหลังทุกคน ที่ช่วยกันทำให้ทีมปีศาจแดงได้ชัยชนะเหนือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศในเกมล่าสุด
“เรามีโค้ชและผู้จัดการทีมที่สุดยอด เช่นเดียวกับมีทีมงานวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม”
“เครดิตต้องให้พวกเขา เพราะพวกเขาคือคนที่ให้ข้อมูลกับเรา และวิธีปรับตัวเมื่อพวกเขา (แมนฯ ซิตี้) ได้บอล เรารู้ว่าพวกเขาจะเก็บบอลได้ และหาตำแหน่งของพวกเขาได้ ซึ่งพวกเขามีการครองบอลจำนวนมหาศาล”
“เราได้เห็นสิ่งนั้นในช่วงเกมหลังๆ ดังนั้นเราจึงต้องอดทนเอาไว้ แต่เราต้องทำให้แน่ใจว่าเรายังคงวิ่งเข้าหาบอล รักษาการสื่อสารเอาไว้ และเข้าปะทะต่อไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าเราทำเรื่องนั้นได้ดีจริงๆ นะ”
สิ่งที่ แม็กไกวร์ พูดออกมา คือการบอกว่าเบื้องหลังผลงานที่ยอดเยี่ยม มันคือการเล่นเป็นทีม ที่ผ่านการทำงานหนักร่วมกันของสโมสร ไม่ใช่แค่ให้นักเตะไม่กี่คนลงไปแบก หรือว่าเครดิตทั้งหมดต้องให้แค่กุนซือเพียงคนเดียว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ อาจไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุด และยังคงขาดความคงเส้นคงวา ที่จะรักษามาตรฐานระดับสูงให้ได้สม่ำเสมอจนดีพอที่จะลุ้นแชมป์ได้ แต่ผมคิดว่าพวกเขาคือหนึ่งในทีมที่มีบรรยากาศกลมเกลียวกันมากที่สุด ณ เวลานี้
บรรยากาศแบบนี้ คือสิ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาทำได้ดีกว่ากุนซือคนก่อนๆ อย่าง เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ อย่างชัดเจน
และเขาดูจะเป็นกุนซือหลังยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เพียงคนเดียว ที่มีแต่ค่อยๆ แก้จุดอ่อน และทำให้ทีมพัฒนาผลงานขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าชัยชนะที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่น่าจะช่วยอะไรให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มากขึ้น เพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงนำห่างถึง 11 คะแนน แต่สิ่งสำคัญก็คือช่องว่างที่นำห่างทีมอันดับ 5 เป็น 8 แต้ม ก่อนที่ เชลซี จะเจอกันเองกับ เอฟเวอร์ตัน ในคืนวันจันทร์
ถ้าคุณโฟกัสแต่ว่า ฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องกลับมาเป็นแชมป์สถานเดียวเท่านั้น คุณคงไม่มีทางพอใจกับการอยู่อันดับ 2 ในตอนนี้ และมัวแต่หาเรื่องโจมตีทีมที่ทำคะแนนหลุดมือมากเกินไปในช่วงที่ผ่านๆ มา โดยลืมไปว่าทีมที่ชนะได้ทุกนัด หรือนำห่างเป็น 10 แต้ม มันมีแต่ทีมที่สมบูรณ์แบบแล้วเท่านั้น
แต่ถ้าคุณดูทิศทางพัฒนาการ ที่ซีซั่นนี้ทีมปีศาจแดงทำให้โอกาสติดท็อปโฟร์มันมั่นคงกว่าเดิม และลดช่องว่างจากทีมอันดับ 1 ได้ใกล้เคียงขึ้นเยอะ มันจะทำให้คุณรู้สึกว่า ทีมทีมนี้มันยังสามารถยกระดับให้ดีขึ้นได้อีก และกำลังมาถูกทางแล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมเดียวที่ไม่เสียประตูให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และมีอันดับเหนือกว่าทีมอื่นอีกถึง 18 ทีม นั่นคือความจริงในตอนที่ซีซั่นนี้เข้าสู่ช่วง 10 นัดสุดท้าย
บทพิสูจน์ต่อจากนี้ของ โซลชาร์ ก็คือเขาจะทำยังไง ให้ชัยชนะที่น่าประทับใจแบบนี้ไม่เหมือนพลุ ที่ยิงขึ้นฟ้าแล้วก็ดับลงมาอย่างรวดเร็ว
แต่มันจะต้องเป็นสัญญาณว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะกลับมาสู่บรรยากาศที่แฟนบอลศรัทธาได้เต็มๆ อีกครั้งได้ต่างหาก...
#เสียบสามเหลี่ยม #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #ผีแดง #แมนยู #โซลชาร์ #แมนซิตี้ #แมนฯซิตี้ #แมนเชสเตอร์ซิตี้ #แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ #ชอว์ #ดีนเฮนเดอร์สัน #บรูโน่แฟร์นันด์ส #เป๊ปกวาร์ดิโอล่า #พรีเมียร์ลีก
บันทึก
14
1
14
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย