8 มี.ค. 2021 เวลา 10:39 • บันเทิง
จิ๋นซีฮ่องเต้...ตอนที่ ๑๐
แม่ทัพฟั่นถูกสถานการณ์บีบจนไม่มีทางเลือก เสนอให้ก่อการกบฏขึ้นจริงๆ...เฉิงเฉียวก็ต้องเอาด้วยอยู่แล้ว...
หลังจากเคลียร์ในกองทัพ ใครเป็นฝ่ายหลี่ปู้เว่ยจับฆ่าให้หมด แล้วก็ยึดเมืองๆนึงเป็นที่มั่น...แล้วก็เริ่มแผนพรอพากันด้า...
...เขียนจดหมายแจกแจกจ่ายให้ทั่วแคว้นฉิน...ชาวเมืองฉินทั้งหลาย ไอ้อุปราชหลี่ปู้เว่ยวางแผนจะยึดครองแคว้นฉินเป็นของตัวเอง...พวกเราจะยินยอมให้คนแซ่หลี่เป็นเจ้าเหนือหัวเหรอ...
แล้วฉินอ๋องเจิ้งที่มีอยู่ ก็ไม่มีปากมีเสียงซักแอะ เพราะอะไรรู้มั้ยพี่น้อง...เพราะฉินอ๋องเจิ้งที่แท้คือลูกชายของหลี่ปู้เว่ยกับเจ้าจีฮองไทเฮาไงล่ะ...
โหย...เจอข่าวแบบนี้ หลี่ปู้เว่ยก็ลุกขึ้นเต้นโดยไม่ต้องเปิดเพลงเลยฮะ...สั่งกองทัพทั้งปวง พวกมึงหยุดตีเมืองอื่นทั้งหมด มารวมหัวกันตีทัพเฉิงเฉียว จับไอ้กบฏทั้งสองฆ่าให้จงได้...
...แต่ข่าวที่ว่าอ๋องเจิ้งเป็นลูกหลี่ปู้เว่ย...ก็ไม่ได้กึกก้องสะท้อนรูหูมหาอุปราชแต่เพียงคนเดียว มันก็อึงอลไปถึงฉินอ๋องเจิ้งด้วย...ก็รีบไปหาแม่...
...หม่าม้า เค้าว่าหนูเป็นลูกหลี่ปู้เว่ยจริงเปล่า...
เจ้าจีฮองไทเฮาก็อ้ำๆอึ้งๆ...ฉินอ๋องเจิ้งก็รู้เลยว่า มันคือเรื่องจริง...
แล้วก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ที่อ๋องเจิ้งเกิดความสับสน...หลี่ปู้เว่ยคือพ่อเรา เราจะทำยังไงดี...แต่ก็กลุ้มอยู่ไม่นาน ดีเอ็นเออำมหิตที่ได้รับโดยตรงจากหลี่ปู้เว่ย ก็ทำให้ฉินอ๋องเจิ้งเลือกกำหนดชีวิตตัวเองอย่างไม่ลังเล...
1
...
1
แรงกระทบจากพรอพากันด้าของฝ่ายกบฎ รุนแรงไม่น้อย...ทัพที่กำลังฟาดกับแคว้นจ้าวอยู่ พอได้รับคำสั่งก็ต้องรีบตาลีตาเหลือกถอนทัพออกมา ทำให้พวกจ้าวได้เปรียบยกตามตีทัพฉิน ฉิบหายถึงขั้นแม่ทัพม่งอ้าว...ตายคาสนามรบ...
แม่ทัพม่งอ้าวนี้ มีหลานชายสองคนเป็นคนสนิทฉินอ๋องเจิ้ง ซ้อมกระบี่กันมาตั้งแต่เล็กๆ...ชื่อม่งเถียนกับม่งที
1
ทัพที่เหลือของแคว้นฉินก็ตามตีทัพกบฎจนแตกพ่าย...แม่ทัพฟั่น ฟั่นอีฉี...หนีไปได้...ส่วนองค์ชายเฉิงเฉียวผู้อ่อนแอ หนีไม่รอด...
1
ถึงแม้หลายคนจะพยายามช่วยว่า เฉิงเฉียวถูกฟั่นอีฉีหลอกใช้...อย่าถึงกับประหารเลย...
2
แต่คำสั่งเด็ดขาดก็ออกมาจากฉินอ๋องเจิ้ง...กบฎทุกคน ประหารโดยไม่ละเว้น...
องค์ชายเฉิงเฉียวถึงกับสลบคาราชโองการไปเลย...อันนี้เรียกว่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่จริง...กูอยู่ของกูเฉยๆ มึงก็เอาตำแหน่งรัชทายาทมาโยนใส่กู กลายเป็นกูผิด...ถูกลงโทษให้ไปทำสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ
พอกูจนตรอก ก็มีคนมาชวนเป็นกบฎเพื่อหนีตาย...สุดท้ายแม่งก็ทิ้งกูไปอีก...เคร ตายก็ได้วะ...
...
ปราบกบฎเสร็จ ฉินอ๋องเจิ้งก็กลับเข้าห้องสมุด ไปหมกมุ่นศึกษาตำราหลี่ซือชุนชิวของหลี่ปู่เว่ยต่อ...แต่ไม่ได้มีแค่อ๋องเจิ้งที่อยากรู้ตัวตนของมหาอุปราชหลี่ ผ่านงานเขียนของเขา...
หลี่ซือ...หลังจากที่ได้เคยพบปะกับหลี่ปู้เว่ยครั้งนึง ได้รู้ถึงความร้ายอย่างลึกล้ำของมหาอุปราช ก็ตัดสินใจใช้วิธีเดียวกับฉินอ๋อง...ศึกษาตำราหลี่ซือชุนชิวเหมือนกัน...
2
สองคนก็เลยได้มาเจอกันในห้องสมุด...
แต่เจอกันมื้อแรก หลี่ซือเกือบหัวขาดซะแล้ว...เพราะดันไปพูดตรงว่า อ๋องเจิ้งเป็นราชันที่ไม่มีอำนาจ ไม่ต่างจากสามัญชนธรรมดา...โชคดีว่าวันนั้นอ๋องเจิ้งอารมณ์ไม่บูดเท่าไหร่ ก็แค่ไล่หลี่ซือออกไป...
...แต่ฉินอ๋องเจิ้งก็อดเอาไปคิดไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดว่า ตนไม่มีอำนาจที่แท้จริง...
1
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็โดนหลี่ปู้เว่ยตอกย้ำอีกว่า...ฉินอ๋องเจิ้งเป็นแค่หุ่นเชิด...
...อายุยี่สิบแล้ว สมัยนี้เรียกว่าบรรลุนิติภาวะ...สมัยนั้นก็เหมือนกัน ฉินอ๋องเจิ้งมีอายุพอที่จะบริหารบ้านเมืองด้วยตัวเอง...ก็จะมี่พิธีประดับมงกุฎ เพื่อประกาศความเป็นอ๋องเต็มตัว...
ข้อกำหนดนี้ มีอยู่ในกฎมณเฑียรบาล...แต่หลี่ปู้เว่ยแม่งห้าวถึงขนาดประกาศ...ไม่ต้องทำตามกฎมณเฑียรบาลหรอก...พิธีประดับมงกุฎจะต้องไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด...
...ฉินอ๋องเจิ้งก็จุกสิฮะ...โดนตอกย้ำว่ากูไม่มีอำนาจที่แท้ทรู...ตั้งแต่นั้นอ๋องเจิ้งก็เริ่มสร้างดรีมทีมของตนขึ้นมา...ฝ่ายบู๊ก็มีม่งเถียนหลานแม่ทัพม่งอ้าวที่ตายไป...
และที่ขาดไม่ได้...หลี่ซือ ที่ช่วยพูดตอกย้ำความไม่มีอำนาจที่แท้จริงของตน...ก็ถูกรวมเข้ามาในฝ่ายบุ๋นด้วย...
1
...แต่แล้วลางแพ้ของหลี่ปู้เว่ย ก็เกิดจากเรื่องภายในของมหาอุปราชเอง...
โฆษณา