ตะวันออกกลางเดือด ปัญหาท้าทายผู้นำสหรัฐฯคนใหม่
ภายหลังจากที่ทางการสหรัฐฯสมัยรัฐบาล Trumph ได้ส่ง Predator Drone เข้าไปสังหารนายพล Qassem Soleimani ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและทางการทหารที่สำคัญของอิหร่าน ส่งผลให้เกิดการโจมตีฐานปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯในตะวันออกกลางเรื่อยมา
https://nationalinterest.org/blog/reboot/55000-missiles-iran-could-make-any-invasion-hell-173043
การถูกโจมตีครั้งล่าสุดส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ในระหว่างที่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ปล่อยจรวดจำนวน 10 ลูก เข้าโจมตีฐานทัพอากาศ Al-Asad ของสหรัฐฯ ในประเทศอิรัก ที่มีกองกำลังทหารสหรัฐฯประจำการอยู่ 2,500 นาย
จรวดทั้ง 10 ลูก ถูกยิงข้ามมาจากทางฝั่งซีเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งหลักของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง
ฐานทัพอากาศ Al-Asad เป็นที่ตั้งสำคัญของฐานส่งกำลังบำรุงหลักของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ภารกิจหลักเพื่อสนับสนุนเชื้อเพลิงตลอดจนยุทธปัจจัยให้กับกองกำลังชาติพันธมิตรในตะวันออกกลาง
ฐานทัพอากาศแห่งนี้สามารถรองรับกำลังพลได้สูงสุดถึง 5,000 นาย ภายในเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักผ่อนของกำลังพลขณะพักจากการปฏิบัติหน้าที่
สหรัฐฯได้ติดตั้งระบบ Land-Based Phalanx C-RAM ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศในระยะประชิด และระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบ Patriot PAC-2, a surface-to-air missile เพื่อป้องกันฐานทัพอากาศแห่งนี้จากการถูกโจมตีด้วยจรวดจากอิหร่าน
ด้วย ballistic missile เมื่อเดือนมกราคม 2020
https://en.topwar.ru/154864-zenitnaja-artillerijskaja-ustanovka-centurion-c-ram-somnitelnaja-jeffektivnost-na-fone-zajavlenij-ob-uspehah.html
อย่างไรก็ตามฐานทัพอากาศ Al-Asad มีหลุมหลบภัยไม่เพียงพอต่อกำลังพลทุกนาย และสามารถป้องกันจรวดที่มีหัวรบได้เพียงขนาด 60 ปอนด์ เท่านั้น
การโจมตีครั้งนี้เป้าหมายเพื่อเอาชีวิตกำลังพลทหารและทำลายยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ด้วยจรวด Ballistic แบบ Qiam-1 พิสัยใกล้ บรรจุหัวรบขนาด 1,000 ปอนด์ ที่มีอำนาจการทำลายล้างสูง พัฒนาและผลิตขึ้นใช้ในกองทัพอิหร่าน มีอำนาจการทำลายล้างสูง โดยมีการคาดการณ์ว่าอิหร่านมีจรวด Ballistic เหล่านี้มากกว่า 55,000 ลูก
หลังจากการโจมตีดังกล่าวสหรัฐฯและอิรักได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตี มีรายงานว่าจรวดทั้งหมดเป็นจรวดที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้ในประเทศอิหร่าน ทำให้เกิดการกล่าวหาว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
ผลจากการโจมตีครั้งล่าสุด ทำให้ผู้นำสหรัฐฯได้ตัดสินใจใช้การโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกองกำลังดังกล่าว เพื่อเป็นการตอบโต้การคุกคามต่อกองกำลังสหรัฐฯ ภายใต้ความร่วมมือทางด้านข่าวกรองจากทางการอิรัก
https://english.aawsat.com/home/article/2083491/us-troops-describe-miraculous-escape-ain-al-asad-base-attacked-iran
ถือเป็นการตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางการทหารครั้งแรกของประธานาธิบดี Joe Biden ในการโจมตีเป้าหมายในตะวันออกกลาง หลังจากพึ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน เพื่อโจมตีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ที่ปฏิบัติการในประเทศซีเรียและบริเวณชายแดนอิรัก
การโจมตีกลับจากทางสหรัฐฯด้วยการเครื่องบิน F-15 จำนวน 2 ลำ ทิ้งระเบิด Joint Direct Attack Munitions (JDAM) มีระยะปฏิบัติการ 28 กิโลเมตร เป็นระเบิด Smart bomb นำวิถีด้วย GPS โดยเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศเป็นที่ตั้งของกองกำลังติดอาวุธและคลังอาวุธของกลุ่ม Hezbollah ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน
นับเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญของผู้นำสหรัฐฯ ในความพร้อมที่จะใช้กำลังตอบโต้ทุกเมื่อ หากอิหร่านยังไม่ยอมเข้าสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งในเรื่องปัญหานิวเคลียร์
https://taskandpurpose.com/news/air-force-f-15ex-presoliciation-notices/
การตัดสินใจโจมตีดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณจากผู้นำสหรัฐฯถึงรัฐบาลเตหะราน ว่าสหรัฐฯพร้อมที่จะตอบโต้ด้วยอาวุธหนักหลังจากนี้ หากอิหร่านยังให้การสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธต่างๆเข้าโจมตีผลประโยชน์สหรัฐฯในตะวันออกกลางอีก
แม้การตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางอากาศดังกล่าว จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสภาคองเกรส ในเรื่องที่ไม่มีการรายงานเพื่อขออนุญาติต่อสภาก่อน
อย่างไรก็ตามต่อมา Pentagon ได้ออกมาแถลงการณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวของ Biden เป็นปฏิบัติการเพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีกำลังพลและทรัพย์สินของทางการสหรัฐฯ
การโจมตีด้วยจรวดจากกองลังติดอาวุธในซีเรียเกิดขึ้นถึงสามครั้งในเดือน ก.พ. 2021
1. วันที่ 15 ก.พ. 2021 - โจมตีสนามบินนานาชาติ Ebril ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 9 ราย
2. วันที่ 16 ก.พ. 2021 - โจมตีฐานทัพอากาศ Balad ทางเหนือของกรุงแบกแดด
3. วันที่ 22 ก.พ. 2021 - โจมกรุงแบกแดด ในเขต International Zone ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานฑูตนานาชาติ ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สถานการณ์ต่อจากนี้ถือเป็นความท้าทายอำนาจผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ ต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งในขั้นต้นนี้แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่พร้อมจะตอบโต้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธและกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ
หลังจากนี้เราคงจะต้องติดตามนโยบายที่ชัดเจนของประธานาธิบดี Biden ต่อตะวันออกกลางว่าจะร้อนระอุขึ้นกว่าเดิมอีกหรือไม่ ภายใต้การนำของรัฐบาลพรรค Democratic
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
