จีนกำลังจะกลายเป็นชาติที่มีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก EP.1
ในปี 2018 ประธานาธิบดี Xi Jinping ได้เข้าร่วมพิธีสวนสนามทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนในทะเลจีนใต้ พิธีสวนสนามดังกล่าวประกอบไปด้วยกำลังพล 10,000 นาย เรือรบ 48 ลำ และเครื่องบินขับไล่อีก 76 ลำ นับเป็นการประกาศแสนยานุภาพทางเรือของจีนท่ามกลางปัญหาข้อขัดแย้งการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะต่างๆในทะเลจีนใต้
https://edition.cnn.com/2021/03/05/china/china-world-biggest-navy-intl-hnk-ml-dst/index.html
กองทัพเรือจีนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้พร้อมปฏิบัติการใน blue-water หรือทะเลเปิดทั้ง 7 มหาสมุทรรอบโลก การขยายกำลังทางเรือแบบก้าวกระโดดของจีนนั้น นับเป็นความพยายามที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางการทหารโลก เพื่อความพร้อมในการรักษาผลประโยชน์ของจีนที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน
ในปี 2020 จีนมีจำนวนเรือรบทั้งสิ้น 360 ลำ ทำให้จีนมีจำนวนกำลังทางเรือมากที่สุดในโลก ในขณะที่สหรัฐฯนั้นมีจำนวนเรือรบทั้งสิ้น 297 ลำ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2024 จีนจะมีเรือรบมากกว่า 400 ลำ
จีนได้ทุ่มเทงบประมาณเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือขึ้นภายในประเทศตั้งแต่ปี 2015 เพื่อพัฒนาทั้งตัวเรือและระบบอาวุธประจำเรือให้มีความทันสมัยทัดเทียมชาติผู้นำทางทหารโลกอย่างสหรัฐฯ
ปัจจุบันจีนมีขีดความสามารถในการผลิตเรือรบผิวน้ำสมรรถนะสูง เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ เรือโจมตียกพลขึ้นบก และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ด้วยตนเอง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการรบเทียบเท่ากับกองกำลังทางเรือสหรัฐฯ
ตัวอย่างเช่นเรือพิฆาต Type 055 ที่นักวิเคราะห์ทางการทหารให้ความเห็นว่า มีขีดความสามารถที่เหนือกว่าเรือพิฆาตชั้น US Ticonderoga ของสหรัฐฯ รวมทั้งเรือโจมตียกพลขึ้นบกของจีนที่สามารถส่งกำลังรบโจมตีชายฝั่งได้คราวละ 1,000 นาย
ps://www.defencetalk.com/chinas-type-055-destroyer-larger-more-powerful-than-expected-73590/
นอกจากจำนวนเรือรบเหล่านี้ จีนยังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่อเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันจีนครองแชมป์ต่อเรือขนส่งสินค้าได้ โดยคิดเป็นจำนวนระวางทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านตันต่อปี เรือสินค้าเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นเรือรบหรือเรือช่วยรบในทันทีหากเกิดสงครามขึ้น นั่นหมายความว่าจีนจะมีกำลังทางเรือขนาดมหึมาที่พร้อมสนับสนุนในภาวะสงคราม
สำหรับสหรัฐฯนั้น ได้กำหนดแผนเพื่อเพิ่มกำลังทางเรือเป็น 355 ลำ โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบด้านจำนวนกำลังพลแล้วปรากฏว่า ปัจจุบันสหรัฐฯมีกำลังพลทหารประจำการในกองทัพเรือจำนวน 330,000 นาย ในขณะที่จีนมีจำนวน 250,000 นาย
เปรียบเทียบกองกำลังทางเรือของทั้งสองประเทศแบบหมัดต่อหมัด โดยนับเฉพาะอาวุธสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการปฏิบัติการรบของกองเรือทั้งสองประเทศ สรุปได้ดังนี้
1. สหรัฐฯมีจำนวนจรวดมากกว่า 9,000 ลูก ในขณะที่จีนมีอยู่ราวๆ 1,000 ลูก
2. สหรัฐฯมีเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ 50 ลำ ในขณะที่จีนมี 7 ลำ
https://www.defensenews.com/naval/2019/12/02/navy-awards-largest-ever-shipbuilding-contract-to-electric-boat-for-new-attack-submarines/
สหรัฐฯปริมาณจรวดที่มากกว่าจีนถึง 9 เท่า เพื่อใช้ในการปฏิบัติบัติการโจมตีเรือผิวน้ำข้าศึก และมีจำนวนเรือดำน้ำนิวเคลียร์มากกว่าจีนถึง 7 เท่า ทำให้สหรัฐฯมีความเหนือกว่าทางด้านยุทธศาสตร์อาวุธนิวเคลียร์ เพราะเรือดำน้ำนิวเคลียร์นั้นจะใช้ปฏิบัติภารกิจในทางลับอยู่ทั่วภูมิภาคของโลก ยากต่อการค้นหาเพื่อป้องกันการโจมตี และได้รับการติดตั้งจรวดนิวเคลียร์ข้ามทวีปที่มีอำนาจทำลายล้างสูง
อย่างไรก็ตามจีนเองก็มีข้อได้เปรียบในการปฏิบัติการชายฝั่ง เนื่องจากมีจำนวนเรือรบขนาดเล็กเป็นสองเท่าของสหรัฐฯ
จีนเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 ในวงจำกัด และสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จีนมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลในการอัดฉีดเข้าไปในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธภายในประเทศ ในปี 2021 จีนได้เพิ่มงบประมาณทางการทหารอีก 6.8% โดยมีจำนวนงบประมาณทางการทหารเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนมีความพยายามในการพัฒนากองทัพเรือให้มีขีดความสามารถในการต่อกรสหรัฐฯ มาจากปัญหาไต้หวันที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการยึดครองไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีนนั่นหมายถึงการที่จะต้องมีกำลังทางเรือที่แข็งแกร่งมากพอในการรับมือกับกองเรือสหรัฐฯและพันธมิตร ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในโลก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
