9 มี.ค. 2021 เวลา 17:26 • ธุรกิจ
สรุปจาก ห้องแนะแนว: “ปัญหาธุรกิจไม่มีทางตัน” ตอบโดย ตัน ภาสกรนที
2
1. เวลาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ มันต้องเริ่มยังไง
2
- ผมทำอะไรเริ่มจากเซนส์ คิดว่าอะไรเหมาะกับเรา อย่างผมชอบของง่ายๆ ไม่ถนัดเทคโนโลยี
2
- ผมเชื่อว่าผมไม่ต้องเรียนก็ได้ แต่ผมใช้วิธีดูและถาม โดยถามจากหลายๆ คน

*1. ทำยังไงถึงประสบความสำเร็จ

*2. ทำยังไงถึงขายดี 

*3. ทำไมทำแล้วถึงเจ๊ง
4
- โดยเฉพาะข้อที่ว่า ทำไมทำแล้วถึงเจ๊ง อันนี้เรียนรู้ยาก บางคนก็ไม่บอก บางคนก็บอกแต่ไม่จริง เราก็ใช้วิธีตื้อ
1
- อะไรที่ถามแล้วบอกง่ายๆ ใครๆ ก็รู้ อะไรที่ถามแล้วได้ช้าๆ บอกยากๆ อันนี้ถึงจะมีประโยชน์จริงๆ
1
- เมื่อก่อนอะไรก็เกิดยาก เดี๋ยวนี้เกิดง่าย แต่เราต้องรักษาคุณภาพให้ได้ เพราะคนก็เปลี่ยนไปหาอย่างอื่นได้เร็วเหมือนกัน
2. มีวิธีเลือกยังไง ว่าธุรกิจอันไหนน่าทำ
- ต้องไม่ยึดติดกับสินค้า เลือกถูกบ้างผิดบ้าง อะไรจะไป ก็ปล่อยมันไป แล้วก็หาอะไรที่เกิดใหม่
3
- ธุรกิจจะไป มันจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด บางอันอาจจะมีย่อๆ แล้วขึ้น แต่ถ้าลงๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งขายไม่ดี ก็ทำให้ไม่มีงบโฆษณา ไม่มีงบโฆษณาก็ยิ่งขายไม่ดี แล้วต้นทุนก็สูงขึ้นเรื่อยๆ วนกันไป
- มันขึ้นอยู่กับสินค้าครึ่งนึง เราครึ่งนึง

 ว่าจะสู้ต่อไหม
1
3. จุดตัดสินใจที่จะสู้ต่อหรือยอมแพ้คืออะไร
1
- ขึ้นอยู่กับเงินและเวลา ถ้าเราเงินน้อยก็เอาไปทำอย่างอื่นแทนดีกว่า ไม่ต้องกลัวเสียหน้า
2
- มีธุรกิจใหม่อีกเยอะ บางครั้งธุรกิจเดิมแต่ชื่อใหม่ก็อาจจะดีกว่าก็เป็นได้
1
4. เริ่มต้นมาจากการทำงานเป็นแรงงานเลย ทำยังไงถึงขึ้นมาระดับนี้ได้
- บางทีเราจน แพ้ หรือโง่ แล้วเรายอมรับมัน สิ่งแวดล้อมเราก็จะเป็นแบบนั้น
1
- ผมมีเป้าหมายชัดเจน ว่าผมต้องดีกว่านี้ เรามีความหวัง ถ้าไม่มีความหวังก็เหมือนใบไม้ที่แห้งเหี่ยว สักวันก็จะร่วงลงมาจากต้นไม้
1
- การที่ผมจนหรือมีปัญหา เวลาคนดูถูก ผมก็เอามาเป็นแรงฮึด ผมชอบ
5. จากการใช้แรงงานขึ้นมาเป็นพนักงานระดับกลางๆ ทำยังไง
- ผมอาสาสมัครทำทุกอย่าง เงินเดือนเท่าเดิม ผมแบกของอยู่ ผมก็อาสาไปส่งของด้วย ก็ได้เจอคนนั้นคนนี้ กลับมาบริการให้หัวหน้า พอมีโอกาส มีตำแหน่งว่าง เขาก็ยื่นให้ผมเลย สนใจเป็นเซลล์ไหม
- พอผมได้เป็นเซลล์ ผมก็ตื่นเช้า ไปเร็ว กลับช้า ทำตรงข้ามกับคนอื่นเสมอ ผมทำฟรี จริงๆ มันไม่มีฟรี เราไม่ได้เงินในวันนี้ แต่เราได้ประสบการณ์ที่มันจะกลายไปเป็นเงินในอนาคต ผมทำหลายแผนก ทำให้ผมเจอปัญหาหลายเรื่อง หลายแบบ ประสบการณ์ในวันนี้คือเงินในอนาคต
5
- ทำไปก่อนแล้วค่อยคิด ผมทำ auto warehouse คนแรกของประเทศ ทั้งที่ผมไม่รู้เรื่องเลย แต่ผมไปดูมาแล้ว ผมเชื่อก็เลยเอามาทำ
2
- ความสำเร็จเกิดได้จากหลายอย่าง บางคนเกิดจากความศรัทธา บางคนเกิดจากพลัง บางคนเกิดจากทีมงาน บางคนเกิดจากสายมู แล้วแต่คน
2
- สมัยก่อนผมไม่มีโชคเรื่องผู้หญิง แต่ผมมีโชคเรื่องทีมงาน ผมมีทีมงานที่ดี รักผม ผมอยู่ได้ด้วยทีมงาน หุ้นส่วนที่ดี
- "เรือเทียบท่า หัวก็ตรงเอง" มีศรัทธา มีความเชื่อ เดี๋ยวมันก็ได้ ผมอยู่ได้ด้วยความศรัทธากับทีมงาน
5
6. อยากขยายเรื่องที่บอกว่า ประสบการณ์วันนี้คือเงินในอนาคต
2
- เราอยากได้ประสบการณ์ ตอนเด็กๆ เราชอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน อาสาไปเป็นคนขัดรองเท้า เคยหั่นหมูหันให้เจ้าสัวกินหลายคน ผมก็อาสาทุกครั้งเลย ผมไปหั่นให้เสี่ยกวง เมอร์รี่คิงส์ แล้วก็ฟังๆ เขาได้ประโยชน์มาก
- ผมเป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือเลย ถ้าผมอ่านคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จกว่านี้เยอะ
1
- ผมดูหนังเรื่องนึงใช้ได้ไปสิบปีเลย ผมดูสามก๊กเอาไปใช้ได้ทุกตอน ผมดูหนังเอามาใช้กับชีวิตได้ทุกเรื่อง เช่น เรื่อง God Father
1
(ช่วงนี้มีสปอยเหตุการณ์ในภาพยนต์เรื่อง God Father)
*1. God Father ตายเพราะอะไร God Father ทำทุกอย่างแต่ไม่ค้ายาเสพติด มีคนเอายามาขาย แต่ God Father ปฏิเสธ แต่ลูกชาย Sonny ดันพูดว่าส่วนแบ่งไม่ยุติธรรม ทำให้คนขายคิดต่อแปลว่า Sonny เอา แต่พ่อไม่เอา ก็เลยต้องฆ่าพ่อ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าพูดซี้ซั้ว อย่าเปิดเผยอะไรให้คนอื่นรู้
4
*2. Michael เป็นคนเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ตรงข้ามกับ Sonny ที่พอน้องสาวโดนจับก็โวยวายออกไป แล้วก็โดนฆ่า สิ่งที่ Michael ทำก็คือเอาปืนไปซ่อนไว้ในห้องน้ำ แล้วค่อยเอาออกมายิงคนทิ้งทั้งหมด คนเงียบๆ คือคนที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวกว่าคนที่โวยวาย
2
*3. มีคนขายขนมปังคนนึง ไปขอความช่วยเหลือจาก God Father, God Father ก็ช่วยแต่ไม่ได้หวังว่าเขาจะมาตอบแทนอะไรได้ เพราะเป็นแค่คนขายขนมปัง มีวันหนึ่งฝ่ายศัตรูหลอกมือปืนของ God Father ออกไปหมด แล้วก็บุกมาถึงบ้าน God Father ตอนนั้นเหลือแค่คนขายขนมปัง God Father ก็เลยให้คนขายขนมปังไปยืนหลอกเหมือนว่าเป็นมือปืน พอศัตรูบุกมาก็ไม่กล้า เพราะนึกว่ายังมีมือปืนเหลืออยู่ เรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่า เราช่วยใครได้ ก็ช่วยไปเหอะ วันนึงคนที่คุณคาดไม่ถึงสุดท้ายเขาอาจจะกลับมาช่วยเราก็ได้ แต่เราต้องช่วยเขาโดยที่ไม่คาดหวัง
3
7. ถ้าเปรียบเทียบโควิด เหมือนเป็นหนัง คิดว่าได้บทเรียนอะไรบ้าง
- "No Normal" พฤติกรรมที่ห้ามทำนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- ผมแจกข้าวที่เชียงใหม่ เห็นผู้หญิงคนนึงมายืนต่อแถวรับข้าวทั้งวัน เขาไม่มีแผนรองรับ ไม่มีเงินออม มีแต่หนี้ นักธุรกิจทุกคนต้องมีเงินออม เหมือนญี่ปุ่นเขาจะเตรียมตัวเสมอว่าจะมีแผ่นดินไหว แต่บ้านเราไม่มีความคิดนี้ ทำงานอย่างเดียว ขายของอย่างเดียว เราต้องสมมุติว่าถ้าพรุ่งนี้บ้านเราพัง เราจะอยู่ได้อย่างไร
4
- มีนักบินอาวุโสคนนึงโทรมาหาผม ผมเป็นกัปตันมา 30 กว่าปี แล้วถูกให้ออก ผมอยากจะขอทำงานกับคุณตันโดยยอมลดเงินเดือนเหลือนิดเดียวก็ได้
ผมก็นึกไม่ออกว่าผมจะใช้งานอะไรเขา เพราะผมก็ไม่ได้ทำสายการบิน คนเราห้ามมีอาชีพเดียว ห้ามมีความรู้เดียว
5
- แม่ค้าคนนึง ขายกุ้งอบวุ้นเส้น เขาปรับตัวไปขายออนไลน์ เริ่มจากขายแอลกอฮอล์ ไม่ได้ขายดี แต่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาขายของออนไลน์เป็น สุดท้ายเขาก็ผันตัวไปขายปลาเค็มออนไลน์ ผมเห็นรูปร้านเขามีปลาเค็มตั้ง 50 ลัง วางอยู่ ตอนนี้สินค้ามีแบรนด์ของตัวเองแล้วด้วย แต่เขาก็ยังขายกุ้งอบวุ้นเส้นอยู่นะ เขามีสองอาชีพ ถ้าสมมุติในอนาคตออนไลน์ ขายปลาเค็มต่อไม่ได้แล้ว เขาก็ยังมีกุ้งอบวุ้นเส้น
- สมมุติคุณทำงานบริษัท เสาร์อาทิตย์ก็ขายตลาดนัด อย่าปฏิเสธเทคโนโลยี แม้แต่ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ยิ่ง 5G มา ถ้าคุณยังอยู่เหมือนเดิม คุณตายแน่ๆ
1
- ผมกำลังสร้างโรงแรมใหม่อยู่ ยังไม่หยุด อยากให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ โควิด นักท่องเที่ยวหาย โรงแรมก็ล้มหายไปหลายโรงแรม แต่ผมคิดว่า 
ถ้าการท่องเที่ยวกลับมา คู่แข่งก็น้อยลง เราต้องเก็บลมหายใจให้อยู่ถึงวันที่มันกลับมา
4
- ธุรกิจก็เหมือนการแข่งขัน คุณไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องแข็งแรงที่สุดก็ได้ คุณต้องหลบบ้าง สู้บ้าง ไม่สู้ตาย ไม่ใช้จ่ายเยอะ ไม่ทุ่มซี้ซั้ว เก็บรักษาชีวิต มันมาแน่ๆ อีกสองปี ต้องเก็บลมหายใจเอาไว้
1
- ต้องประหยัด ไม่ใช่อะไรก็จะซื้อ ทรัพย์สินก็ต้องมาดูว่าอะไรที่เราต้องไม่ซื้อหรือไม่เก็บ
8. แชร์บทเรียนจากปี 2540
- ตอนปี 2540 ผมทำอสังหา มีหนี้ 100 กว่าล้าน ส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบ ที่ยืมมาเพราะตอนนั้นที่ดินมันดีมาก ผมไปทำตึกเพราะรู้ว่าเซ็นทรัลจะมาเปิดข้างๆ แต่พอดีเซ็นทรัลหยุด เราเป็นหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่โอน ทุกๆ เดือนเข้าเนื้อจนทบไปเรื่อยๆ ตอนนั้นผมก็ยอมล้มละลายทั้งๆ ที่ยังไม่ถูกฟ้อง
1
- ผมเอาห้องแถวสิบห้องที่จ่ายดอกเบี้ยไม่ไหวแล้ว มันเป็นดินพอกหางหมู ไปขอให้เฮียทรวงช่วยซื้อ โดยขายทั้งหมด 15 ล้าน (จากที่ปกติขายอยู่ที่ห้องละ 4.5 ล้าน) เขาก็ยอมซื้อให้ ทุกวันนี้ผมก็ยังส่งกระเช้าขอบคุณเฮียเขาทุกเดือน
- มีวันนึงเฮียทรวงเขาโทรมาขอขายคืนตึก 15 ล้าน เป็นตึกร้างแบบบันไดก็ไม่เหลือเลยมีคนขุดเอาไปขาย แต่ผมก็ซื้อคืนมา
- สองปีต่อมา เซ็นทรัลก็มาสร้างตึกต่อ ผมโทรไปหาเฮียทรวงบอกว่าจะคืนให้เขา เขาก็ไม่เอาบอกว่าไม่เป็นไรตอนนั้นเขาเป็นคนเสนอขายคืนไปเอง ผมไม่ได้ไปขอซื้อจากเขา ผมก็เอาห้องมาขายห้องละ 6 ล้าน
2
- เวลาผ่านไป 8 ปี ของที่เป็นของเรามันก็เป็นของเรา ถ้าต้องโดนยึดก็ให้ยึดไปเลย ถึงเวลาค่อยไปซื้อคืนได้ 
แต่อย่าไปสู้กับดอกเบี้ย ถ้ารายได้น้อยกว่าดอกเบี้ยมันลำบาก
1
- อันนี้คือผมบทเรียนที่ผมเคยฟังจากโต๊ะที่นักลงทุนเขาพูดกันเลย เขาบอกว่าคนที่รอดคือคนที่ยอดตัดแขนขา ผมมีรถ มีเพชรอะไร ผมขายทิ้งหมด ทุกวันนี้ผมซื้อคืน 10 เท่าก็ได้ ถ้าเรายังยึดติดว่าเป็นของตระกูลไม่ขายอันนี้ก็จะไม่รอด เดี๋ยวค่อยซื้อมาคืนตระกูลที่หลังก็ได้
4
- 


ธุรกิจพอหนี้มันน้อยลง กำลังใจมันก็มาด้วย
9. อะไรคือทรัพย์สินหรือภาระ
- 

ซื้อนาฬิกาก็เป็นภาระ พันนึงก็ดูเวลาได้ แสนนึงก็ดูเวลาได้ เป็นภาระไหมละ ยกเว้นถ้านาฬิกาที่คุณซื้อมาใส่ แล้วทำให้คุณได้งานที่คุณสมัคร ได้สามีรวยๆ แบบนี้เรียกทรัพย์สิน ต้องเน้นที่การทำประโยชน์ ไม่ใช่การมีมูลค่าเพิ่ม

 ทุกวันนี้คุณได้ค่าเช่าไหม ต้องจ่ายค่าส่วนกลางเท่าไหร่ ถ้ากู้มายิ่งแพงถือว่าเป็นภาระ
2
-ถ้าคุณไปซื้อคอนโด มันมีค่าส่วนกลาง
> ยังไม่มีคนเช่า ก็เป็นภาระ
> ถึงไปอยู่ แต่คุณเช่าอยู่ที่อื่นอยู่ถูกกว่า ก็เป็นภาระ
> ถึงมีคนเช่า แต่เช่าต่ำกว่าดอกเบี้ย ก็เป็นภาระ
> ราคาคอนโดขึ้นก็จริง แต่คุณก็ยังขายไม่ได้ ก็ยังถือว่าเป็นภาระ
> ถ้าคุณขายแล้วได้เงินมากกว่าเงินผ่อน ถึงจะเรียกว่าเป็นทรัพย์สิน
> ถ้าคุณยังแบกไว้อยู่ จนกว่าคุณจะขายได้ มันก็ยังจะเป็นภาระอยู่
6
- ทุกวันนี้มีของขายเยอะมาก ต้องมองว่าเราซื้อห้องนั้นเป็นทรัพย์สิน เป็นเครื่องมือหาเงิน มากกว่าดอกเบี้ยไหม ถ้าวันนึงคนไม่เอาคอนโด ช่วงโควิดไม่มีคนเช่าเลย คนทั่วโลกไม่ได้เดินทาง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว
1
- สมมุติผมจะสร้างคอนโด ผมต้องสมมุติว่าถ้าผมไม่มีคนเช่าหรือซื้อเลย ผมต้องอยู่ได้
 
ต้องคิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ว่าเราอยู่ได้ไหม ถ้ายังไม่ได้ก็อย่าพึงไปทำมันเลย
5
10. มีคำแนะนำอะไร สำหรับการซื้อที่ดินบ้าง
- ห้าปีก่อนมีคนชวนผมไปซื้อที่ที่เชียงใหม่ ผมไปสำรวจแล้วผมไม่ชอบ ทุกวันนี้ที่สวยมากราคาขึ้นมา 2-3 เท่า เขาถามผมว่าเสียดายไหม ผมบอกว่าต้องแบ่งให้ได้ว่าทรัพย์สินกับภาระมันต่างกันยังไง
 โรงแรมมันล้อมที่ที่เขาขายไว้ตรงกลาง ถ้าผมซื้อมาก็ทำอะไรไม่ได้ ให้โรงแรมสร้างห้องก็ไม่คุ้ม ถ้าที่ดินทำอะไรไม่ได้ ถือว่าเป็นภาระ
2
- ต้องซื้ออะไรที่มีรายได้มากกว่ารายจ่าย อย่างที่ตรงทองหล่อ ผมไปหุ้นทำ DEMO ก็กำไร ขายก็ได้กำไร ไม่เคยเป็นภาระ
- ผมจะไม่ซื้อที่ดินทิ้งไว้เพื่อรอราคาขึ้น มันเป็นภาระ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีภาษีที่ดินอีก ต้องไปลำบากปลูกมะนาว ปลูกกล้วยอีก เป็นภาระ
2
Q&A: ถ้าอายุ 30 ปี อะไรเป็นข้อแนะนำที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ
1
[คุณโจ้]
ถ้าบริษัทค่อนข้างโอเค ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการหาคนเก่ง ในธุรกิจเดียวกันที่ทำอยู่มีการเปลี่ยนแปลง มีมือดีๆ เยอะ
3
[คุณตัน]
ต้องออกไปมองโลก ดูว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมว่าผมท่องเที่ยวน้อยไป ผมต้องการประสบการณ์ที่เห็นว่าเราไปทางไหน กว่าผมจะได้ทำธุรกิจระดับใหญ่ๆ จริงๆ ก็อายุ 40 ปีแล้ว น่าจะเอาเงินไปท่องโลก ดูตัวอย่างธุรกิจหรืออนาคตของเรา
6
[คุณเอ๋]
ผมอยากสะสมเพื่อน พี่ น้อง ไว้ให้เยอะที่สุด เพราะพอ 40 เราถึงจุดที่เราโอเค เพราะคนอื่นๆ เราอยากน่ารักกับเขาเหล่านี้ พวกเขาช่วยสนับสนุนเรา คิดว่าสิ่งนี้สำคัญ
[พี่ตุ้ม]
เป็นช่วงที่ถามตัวเองว่าจริงๆ อยากทำอะไร เพราะช่วงนี้มีทุน มีประสบการณ์พอสมควร แล้วน่าจะต้องลองคิดดู
1
Date: 9 MAR 2021 (20:00 - 21:00)
Speaker:
@tanichitan ตัน ภาสกรนที
@roundfinger Roundfinger
@boycitiychan หนุ่มเมืองจันท์ Sorakon Adunyanon
@jothewimp เขียนไว้ให้เธอ Thana Jo Thienachariya
#Clubhouse #ClubhouseTH #ClubhouseThailand #ห้องแนะแนว #ปัญหาธุรกิจไม่มีทางตัน #ตันภาสกรนที #todayinotetotext #todayinoteto #วันนี้สรุปมา
โฆษณา