13 มี.ค. 2021 เวลา 08:57 • ประวัติศาสตร์
เมื่อหลายวันก่อน ผมได้ลองหาดูว่าจะเขียนบทความอะไรดี และไปพบกับบทความหนึ่งเข้าและคิดว่าน่าสนใจดี เลยคิดว่าจะลองมาสรุปและเสริมเติมให้อ่านกันครับ
บทความต้นฉบับชื่อ Why Study History หรือ "ทำไมเราจึงศึกษาประวัติศาสตร์ เขียนตั้งแต่ปี 1998 โดย Peter N. Stearns ถ้าอยากอ่านตัวเต็มก็ตามลิงค์นี้ได้เลยครับ
ผู้คนมักใช้ชีวิตอยู่กับความกดดันในปัจจุบัน และคาดหวังกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต แล้วอย่างนี้เรายังต้องพึงกังวลเกี่ยวกับอดีตอีกหรือ
ทำไมนักเรียนถึงต้องถูกบังคับให้เรียนในสิ่งที่อาจไม่สามารถใช้ในปัจจุบันได้ด้วยซ้ำ ทำไมเราจึงศึกษาประวัติศาสตร์
1. เพราะประวัติศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจผู้คนและสังคม
การจะทำความเข้าใจผู้คนและสังคมเป็นเรื่องยาก หากขาดไร้ซึ่งประวัติศาสตร์จากอดีตแล้ว และใช้เพียงข้อมูลในยุคปัจจุบันเท่านั้น เราก็คงไม่สามารถเข้าใจความโหดร้ายของสงครามได้หากประเทศสงบสุข
เราจะสร้างเทคโนโลยีได้อย่างไรหากไร้ซึ่งการทดลองจากอดีต
และถึงแม้นบางอย่างจะสามารถสศึกษาจากการทดลอง แต่ข้อมูลความรู้หลายอย่างก็มิอาจใช้การทดลองเป็ผลชี้ขาดได้ และมิอาจใช้การทดลองสั้นๆเพื่อสร้างความรู้ที่ต้องบ่มเพาะผ่านการเวลานบพันปีได้
หรือบางทีประวัติศาสตร์อาจเป็นการทดลองชนิดหนึ่ง
2. ประวัติศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคม สังคมที่เราเป็นอยู่
ประวัติศาสตร์คือเรื่องราวของอดีต และเพราะอดีตคือที่มาของปัจจุบัน การศึกษาประวัติศาสตร์จึงสามารถช่วยให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมจากอดีตถึงปัจจุบันได้
ทุกครั้งที่เราพยายามที่จะรู้ว่าทำไมบางสิ่งบางอย่างจึงเกิดขึ้น เราต้องมองหาปัจจัยที่นำมาสู่สิ่งที่เกิดขึ้น
และการมองหาปัจจัยนั้นก็คือการมองกลับไปในอดีต มันเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ตอบโจทย์เราได้
3.ความสำคัญของประวัติศาสตร์ในชีวิตของเรา
นอกจากสองเหตุผลข้างต้นที่พยายามโน้มใจเราให้ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์แล้ว นักประวัติศาสตร์บางคนยังสอดแทรกมันไว้อยู่ในในงานเขียนต่างๆด้วย เช่น วรรณกรรม นิยาย หรือนิทาน อันรอบล้อมอยู่รอบตัวเรา
บางที อาจมีนิทานเด็กที่เขียนสอดแทรกใจความของสงครามโลกครั้งที่สองไว้ได้
4.ประวัติศษสตร์มีส่วนช่วยให้เราเข้าใจคุณธรรม
การศึกษาประวัติศาสตร์เรื่องราวของบุคคลในอดีต ทำให้เราสามรถเข้าใจความคิดและกรอบทางจริยธรรม เมื่อตกอยู่ในสถานการนั้นๆที่คนในอดีตพบพาน เราศึกษาเพื่อเข้าใจบริบทสังคมความทุกย์ยากในสมัยนั้น
 
แม้นบางอย่างที่ถูกยกย่องในอดีตจะถูกก้นด่าในปัจจุบัน แต่การศึกษาเรื่องราวของผู้ซึ่งเราอาจเห็นเป็นคนไม่ดี แต่ภายใต้สภาพแวดล้อมและกรอบทางความคิดของเขา เราจะสามรถเข้าใจเขาได้
5.ประวัติศาตร์ระบุตัวตนได้
อย่างที่บอกไปว่าเราสามรถศึกษาถึงที่มาของตนเองได้ การใช้ประวัติศษสตร์รุะบุตัวตนคือการที่เราใช้มันอ้างถึงอัตลักษณือันแตกต่างจากผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศบางประเทศใช้เรื่องนี้ในทางที่ผิด โดยยกประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้นๆมาอให้ประชาชนรักชาติ และเชื่อฟัง
ตัวอย่างเช่น "รักษาประเพณีอันดีงาม" หรือ "คนXไม่แพ้ชาติใดในโลก"
และนั่นคือเหตุผลที่เขาอ้างว่า "ทำไมเราควรศึกษาประวัติศาสตร์"
6. การศึกษาประวัติศาสตร์สำคัญต่อการเป็นพลเมืองที่ดี
มันเป็นคำกล่าวอ้างที่พบบ่อยในหลักสูตรการศึกษา แต่ประวัติศษสตร์สำคัญกว่าแค่ทำให้เราเป็นเด็กดีของรัฐบาล นั่นมันสำหรับประวัติศษสตร์ในหนังสือเรียน แต่ในความเป็นจริง
ประวัติศษสตร์ทำให้เราเข้าใจว่าชาติและสถาบันต่างๆมีที่มาอย่างไร มิใช่เพื่อภูมิใจในความเป็นชาติ
7.ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ได้ฝึกทักษะใหม่ๆอย่างไร
ผู้เรียนประวัติศาสตร์สามารถวิเคราะห์หลักฐาณและเรียบเรียงเหตุการในอดึตได้ ทำให้พวกเขาสามารถประเมินและมองเรื่องราวได้หลายแง่มุม
ตัวอย่างจากอดีตทำให้พวกเขาวิเคราะห์ปัจจุบันและอนาคตได้แม่นยำพอๆกับหมอดู และการเรียงลำดับเหตุการก็ทำให้พวกเขาจัดการความคิด และสืบหาความจริงในสิ่งๆต่างๆได้ และรู้ทันว่าสิ่งใดเท็จ คงสติไว้แม้นใครจะบอกว่าโลกจะมลาย ทุกสิ่งล้วนเกิดจากการพยายามทำความเข้าใจมนุษย์ผ่านอดีต
ก็คงเหมือนกับจิตวทยาล่ะมั้งครับท่านผู้อ่าน จิตวิทยาพยายามมองคนผ่านภายในและเข้าใจความคิดคนด้วยอดีตภายใน แต่ประวัติศาสตร์คือเวอชั่นทางโลกของจิตวิทยา กล่าวคือ ศึกษาและพยายามมองคนผ่านปัจจัยภายนอก และอดีตภายนอกนั่นเอง
และสุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกคนรอตอนต่อไปด้วยครับ เพราะจริงๆแล้วเหลืออีกข้อที่ได้กล่าวถึงในบทความ แต่มัน่าสนใจมากจนผมอยากทำแยกเลย
โฆษณา