ข้าวหม้อแกงหม้อ...
พักหลังนี้.. เห็นภาพการคุกเข่าขอแต่งงานของหนุ่มๆกันจนว่าเล่น
ดาราอะตัวดีเลย.. เอะอะอยากได้เค้ามาเป็นเมียหน่อย เข่ากูก็เกิดอาการเพลียเปลี้ยง่อยขึ้นมาสะงั้น
นี่ถือเป็นบรรทัดฐานหนึ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในสังคมไปเสียฉิบ
แล้วยิ่งไม่ต้องพูดกันเลยว่า.. เมื่อคุกเข่าแล้ว.. จะมีพีธีมงคลแบบข้าวหม้อแกงหม้อเหมือนในอดีต
จะรักกันที.. มันมีอะไรมากฝ่าเรื่องหัวใจเสียแล้วสิ.. เห้ออนิจจา..
มาว่ากันเรื่องที่ว่า มึงจะคุกเข่ากันทำไมไม่ทราบ.. โรแมนติกตรงไหน.. อันนี้อยากทราบมุมมองของฝ่ายหญิงจริงๆนะ
ส่วนเรา.. ชายชาติทหารอก3ศอกกะอีก6นิ้วฝ่าๆ มองว่ามันแหว๋วไปไหมว่ะ
ซึ่งเอาจริง.. ไอ้การคุกเข่า ขอแต่งงานนี้ มันก็มีที่มาประมาณว่า ชายที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีรึจะยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตจากใคร.. สู้ยอมตายดีฝ่าอยู่
เลยมานั่งคุกเข่าขอเมีย.. เพื่อจะบ่งบอกว่า ต่อไปนี้ฉันจะยอมทุกอย่างก็เพื่อเธอ..
โรแมนติกว่ะ.... จินตนาการไปถึงการละเล่นหนึ่งในอดีต นั่นก็คือการเล่นหม้อข้าวหม้อแกง
กระนุ้งกระหนิงกันเชียว.... ก็อยากจะจีบหล่อนอะนะ.. ยอมทิ้งลูกบอลลูกแก้วสักแพ๊บ เพื่อจะมานั่งเล่นขายข้าวขายของกับเธอ
วันนี้แม่แกงอะไรมาจ๊ะ.. น่ากินเชียว โด่ว.. กูเล่นมาก่อน..... นึกแล้วขำ
เนี๊ยะถ้าคนจีบกันมาตั้งแต่เล่นหม้อข้าวหม้อแกง เชื่อว่า.. โตมาข้าวหม้อแกงหม้อ ก็อยู่กินแต่งกันได้ไม่มีปัญหาอะไร
นั่นเป็นเพราะ.. รัก มีค่ามากกว่าสถานภาพ....
รึเราจะแก่เกินแกง.. ที่จะไปเข้าใจในสมมุติภาพของคนรุ่นใหม่ๆ..
ไอ้เราก็โตมากะขนมหม้อแกง.. หาใช่ลาซานญ่าไม่ เลยยังคงหนุบหนับอยู่กับถั่วเขียวต้มบด ที่ใส่ลงไปเคี่ยวกับน้ำตาลโตนดหอมๆไม่ได้
จะว่าไป... หากย้อนไปในสมัยสมเด็จพระนารายณ์... ขนมหม้อแกงนี้จัดเป็นอาหารหวานที่เลิศรสในปฐพีหนึ่งก็ว่าได้
อย่างที่ทราบกันดีว่า ขนมไทยที่ไม่ใช่ขนมไทย ก็มาจากท่านท้าวทองกีบม้าเป็นผู้รังสรรค์มันขึ้นมา
นอกจากสารพัดขนมที่ขึ้นต้นว่าทอง... ขนมกุมภมาศก็คือที่สุด... ที่ชายชาติทหารก็อยากจะคุกเข่าขอลิ้มมันสักทีเหมือนกัน
กุมภ.. แปลว่าหม้อ.. มาศแปลว่าทอง.. ขนมหม้อทอง.. คือชื่อเรียกของขนมหม้อแกงในปัจจุบัน ก็เรียกตามภาชนะที่นำมาทำ.. คือหม้อทองเหลือง
.. สังขยาและกุมภมาศ.. ถือเป็นวิธีคิดที่สลับกลับด้านของท่านท้าวทองกีบม้า กล่าวคือขนมอื่นจะเลือกใช้แต่ไข่แดงไปทำ
แต่หม้อแกงกลับนำไข่ขาวที่ทิ้งมารียูสใช้ใหม่....
ฉะนั้นใครว่ากูแก่... ที่กินขนมกุมภมาศให้คิดใหม่ได้นะ... เพราะกุมภมาศเกิดหลังลาซานญ่าอยู่หลายร้อยปี เพียงแต่พวกมรึงๆอะเพิ่งจะเคยหัดรับประแดกกัน
พวกได้หน้าแล้วลืมหลัง... มันเลยพยายามรับวัฒนธรรมใหม่ๆ มายึดโยงแล้วก็ใช้ตีนเขี่ยของเดิมทิ้งไป
เอาจริงนะ... ข้าวหม้อแกงหม้อ.. มิได้ทำให้อัถรสในความรักลดน้อยลงไป แถมมันจะดีต่อใจเสียอีก ที่งานมงคลสมรสนี้จะมีแต่แขกเหรื่อที่มักคุ้น
ดีฝ่าจัดโต๊ะจงโต๊ะจีน... แขกแดกแล้วขอห่อกลับไม่พอ มันยังจะอุ้มขวดเหล้าติดมือไปด้วย
นั่นเป็นเพราะอะไร... ใช่เป็น.. ที่ความคิด ว่ากูมาคุ้มหรือไม่คุ้มใช่รึไม่
เจียดเงินเดือน.. ใส่ไปพัน กูจะมาแค่ยินดีตามบัตรเชิญแค่นั้นจริงๆรึ.. กูว่าไม่
ดีไม่ดี.. มันแช่งมึงกันตั้งแต่เดินมาแจกซองแล้ว.. อีห่านี่.. ขยันแต่งกันจังเงินเดือนกูยิ่งไม่ค่อยพอจะใช้อยู่
.เห็นมะ.... การจะแต่งงานเพื่อให้คนเขาร่วมยินดี... เราต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อนมันดูจะไฉไลฝ่านะ
เชื่อดิ... ดีไม่ดีข้าวที่จะเลี้ยงแขกแกงที่จะเลี้ยงญาติ... มันจะถูกผลิตออกมา จากใจคนที่อยากช่วยล้วนๆแบบไม่มีหมกเม็ด
ถึงตรงนี้.. ก็ขอยินดีกับทุกคู่.. ที่คิดจะใช้ชีวิตร่วมกัน
เพราะหากคิดแต่จะแต่งเพื่อเอาหน้า... หรือถูกแกงจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเข้า
นอกจากหม้อมันจะดำฟรี... มันจะพาลให้กุมภมาศแลดูเศร้าหมองด้วย........
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
