10 มี.ค. 2021 เวลา 14:24 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
‘Love Writer นับสิบจะจูบ’ คือซีรีส์เรื่องล่าสุดจากดี ฮัพ เฮ้าส์ ที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดังอย่าง ‘นับสิบจะจูบ’ ที่เล่าถึงเรื่องราวของ ‘จีน’ นักเขียนฟรีแลนซ์ที่ต้องพลิกปลายปากกาจากนักเขียนนิยายสยองขวัญมาเขียนนิยายวายเพื่อเรียกเรตติ้งจากผู้ชม ที่ดันไปตกหลุมรัก’นับสิบ’ นายแบบสุดหล่อที่เข้ามาแคสติ้งบทละครที่นับสิบเขียน
และถึงแม้ซีรีส์จะฉายไปเพียงไม่กี่ตอน องค์ประกอบที่แปลกใหม่ในซีรีส์ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการวายไทยไม่น้อย ด้วยการพูดถึงองค์ประกอบในวงการวายอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่ เรื่องนายทุนผู้สร้างซีรีส์ที่ลงทุนในซีรีส์วายตามกระแสเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค การคัดเลือกนักแสดง รวมไปถึงเบื้องหลังอย่างเจ้าของผลงานเขียนที่ต้องเขียนงานตามความต้องการของนายทุน
วันนี้ Debataberm ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘อัพ ภูมิพัฒน์’ ถึงเบื้องหลังการรับบท ‘จีน’ ถึงความรู้สึก ความยากในการทำงาน ไปจนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการับเล่นซีรีส์วาย ใน #นับสิบจะจูบ
สำหรับอัพแล้วการรับบท ‘จีน’ ท้าทายแค่ไหน ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้
ตอนรับเล่นซีรี่ส์เรื่องนี้ เรารู้รายละเอียดอะไรบ้าง ?
ตอนแรกเราไปแคสตามบทที่แจ้ง เขาก็เล่าเกี่ยวกับตัวละครให้ฟัง ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ แต่อย่างหนึ่งที่เราชอบมากเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ เหมือนที่หลายๆ คนมองว่าซีรีส์นี้มันจิกกัดหรือเปล่า ส่วนตัวเราคิดว่ามันก็แล้วแต่มุมมองนะว่าคิดยังไง สำหรับเราคิดว่ามันเป็นการ reflect มากกว่าว่าวงการซีรีส์วายเจออะไรมาบ้าง มันไม่ได้ง่าย ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ใครหลายๆคนคิดไว้ มันผ่านอะไรมาหลายอย่าง
แล้วการที่เรามาทำงาน ณ จุดนี้ มันก็มีสิ่งที่เราต้องแลกหลายอย่าง แต่เชื่อว่าทุกคนที่ทำงานตรงนี้ตั้งใจว่าเราอยากจะทำ เราคิดว่าการที่เข้ามารับงานซีรีส์วาย มันเป็นอะไรที่ฉีกมาก เพราะว่าเราไม่เคยรับมาก่อนเลย แต่ถึงจุดนึง อย่างการที่ตอนนี้เรากำลังเรียนปริญญาเอกมันคือการก้าวออกจาก comfort zone มันทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ ภาพที่ใหม่ขึ้น กว้างขึ้น ตอนที่ไปเรียน ป.โทที่อังกฤษ มันก็คือการก้าวออกจาก comfortzone อย่างนึงของเรา ก็ได้เห็นอะไรที่กว้างขึ้น มันก็เหมือนกับการเล่นซีรีส์วายเลย มันก็คือการก้าวออกจาก comfortzone ออกจากกรอบของตัวเอง รับสิ่งนี้เต็มๆ
แล้วอะไรทำให้เรากล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone?
เพราะเราต้องการทำให้สุด ส่วนตัวเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะไปให้สุด อยากรู้อะไรก็จะรู้ให้สุด ทำให้เต็มที่ เรื่องเรียนเราก็เรียนให้สุด อยากรู้ให้สุด แอคติ้ง หรือว่าซีรีส์วายก็อยากเก่งกว่านี้ อยากพัฒนาให้มากกว่านี้ อย่างนับสิบจะจูบมันคือการ portray ให้คนเห็นมากกว่า ให้ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะนักแสดงเราเคารพบท เคารพผู้กำกับ แล้วก็เต็มที่กับสิ่งที่เราจะต้องทำ เต็มที่กับหน้าที่ของตัวเอง ถ้าวันนี้เราไม่ทำเต็มที่ก็คงมานั่งเสียใจว่า เออ ทำไมเราไม่ทำให้ดีกว่านี้ แต่วันนี้คิดว่าโอเคแล้ว เราลงแรงลงใจไปกับมันมาก เราทำเต็มที่แล้ว
แนวคิดเกี่ยวกับ LGBTQ+ ของเราเปลี่ยนไปไหม หลังจากมารับเล่นซีรีส์วาย?
ความหลากหลายทางเพศสำหรับเรานะ สิ่งนี้ไม่ต้องมีบทเราก็เข้าใจ ตอนที่เราเรียนต่อที่อังกฤษ เราเรียน international relations เราพบเจอคนจากทั่วทุกมุมโลกจริง ๆ คนที่มาจากต่างที่เยอะมากๆ ต่างความคิด แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้ คนเราคิดไม่เหมือนกันไม่เป็นไร แต่เข้าใจกันก็พอแล้ว ความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่เราเจอทุกวัน เรามีเพื่อนที่เป็นเพศหลากหลายเยอะ แต่ละคนก็ล้วนมีความสามารถแตกต่างกันไป คิดว่าเรื่องบทมันก็ส่วนหนึ่ง
ความหลากหลายทางเพศถ้าถามในมุมมองของเรา ถ้าอยากให้ทุกคนเข้าใจเราคิดว่ามันต้องเริ่มจากตัวเราเอง เริ่มจากการเข้าใจด้วยตัวของคุณเอง บทหรือว่าละคร นิยายอะไรต่างๆ มันช่วยแค่ให้เห็นภาพ แต่ความเข้าใจในเรื่องนี้ มันต้องเริ่มจากตัวของคุณเอง ว่าเราจะเปิดรับได้มากแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นในทุกวันนี้คือการเปิดรับที่กว้างขึ้น ซึ่งเรารู้สึกว่ามันสวยงามมาก
ในแง่ของการแสดง การรับบทจีนมีความท้าทายมากไหม?
ท้าทายนะ ยากและท้าทายมาก ๆ ตอนแรกเรากดดันมาก คือด้วยนิยายเองก็มีแฟนนิยายอยู่แล้ว แฟนนิยายก็คาดหวังแหละ เราก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับคาแรคเตอนี้ จะทำยังไงให้มันออกมาดี จะทำยังไงให้มันออกมาโอเคที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากทีมงานทุกคน จากแอคติ้งโค้ช จากผู้กำกับ จากใครต่างๆนาๆ แม้กระทั่งเพื่อนเราเองด้วยซ้ำ
ข้อสรุปอย่างเดียวเลยคือการกระโจนเข้าไปเหมือนที่ครูแอคติ้งทุกคนบอก คือการปล่อยใจแล้วกระโจนเข้าไป อยู่กับสิ่งนี้ เข้าใจกับสิ่งนี้ให้มากขึ้น มันท้าทายมากนะ เพราะว่าหนึ่งคือเราเป็นคนดิบๆในระดับนึง เป็นคนแบบผู้ช๊ายผู้ชาย ซึ่งพี่โชคดีมากที่คนที่พี่เล่นด้วยคือเก้า ก็เป็นคนคล้ายๆกัน มันเลยสามารถเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น จบ 1 ซีน เราจะออกมาคุยกันได้รู้เรื่องแล้วเราก็ไปต่อ เราเข้าใจกัน เรามองภาพตรงกันแล้วมันทำงานกันง่ายมาก
ในเรื่องเห็นว่าได้รับบทเป็นนักเขียน มีการทำการบ้านการคาแรคเตอร์นี้ยังไงบ้าง?
จริงๆ เราเริ่มจากการอ่านบท พออ่านบทจบก็ไปอ่านนิยาย ทำความเข้าใจกับตัวละครว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นยังไง เพราะในความเป็นจริงนักเขียนก็มีความแตกต่างกันไป เราก็ทำความเข้าใจแล้วเราถึงไปหานักเขียนจริงๆ เพื่อไปดูว่าเขาทำอะไร เขาคิดยังไง ก็มีนักเขียนมาพูดคุยกัน เป็นส่วนหลักๆ เลยว่าทำไมนักเขียนต้องเรียนรู้จากคนทำอาชีพนั้นจริงๆ เราว่าสำคัญมาก เพราะเราได้อินไซด์มาเพื่อนำมาปรับใช้กับตัวละคร เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และเรามองว่ามันช่วยมากๆ ในการเข้าถึงตัวละคร ให้มันกลมขึ้น ให้มันมีเลเยอร์มากขึ้น ให้เราเข้าถึงตัวละครจีนได้มากขึ้น
แล้วการรับบทนักเขียน ทำให้เรามีมุมมองที่เปลี่ยนไปกับอาชีพนี้ไหม?
อย่างแรกการเป็นนักเขียนทุกวันนี้ เพราะโลกเราเปลี่ยนไปเร็วมาก ทุกอย่างมาอยู่ในอินเทอร์เน็ตหมดแล้ว นักเขียนจริงๆ กว่าจะเริ่มเขียนหนังสือหนึ่งเล่มมันยากมาก แต่ตอนนี้คุณค่ามันถูกมองข้าม คือเราเป็นคนอ่านหนังสืออยู่แล้ว พอเราอ่านหนังสือเราจับมัน เราจะรู้สึกว่ามันมีคุณค่า แต่ถ้าพูดถึงในมุมอาชีพนี้ เรารู้สึกว่าผลตอบแทนมันยังไม่คงที่ ไม่สามารถที่จะหาเลี้ยงชีพได้เลย บางทีมันอาจจะทำได้เป็นงานเสริม แต่เรามองว่าถ้าเป็นงานเขียนที่ต่างออกไป อย่างเขียนข่าว journalist เขียนบทความพวกนี้ก็จะต่างกันออกไป แต่มีสิ่งนี้ที่เราว่าทุกคนมีเหมือนกันหมดคือเขาทำด้วยใจรัก เขาขับเคลื่อนการทำงานด้วยแพสชั่น ซึ่งเราว่าน่านับถือมากเลย มันทำให้หนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านรู้สึกมหัศจรรย์มากๆ
ในฐานะนักแสดง ความยากของสองศาสตร์นี้มันเหมือนกันยังไงบ้าง?
เราคิดว่ามันคล้ายๆกัน การเป็นนักแสดงกับการเป็นนักเขียน แต่ว่ามันเป็นการแสดงออกที่แตกต่างกันมากกว่า ถ้าพูดถึงความคล้ายความใกล้เคียงคือถ้าเราไม่ติดตลาดเราก็ไม่สามารถถ่ายทอดงานของเราไปให้คนนอกเห็นได้เยอะๆ มันคล้ายกันมากๆนะ การเป็นนักเขียนกับนักแสดง ที่แตกต่างกันก็น่าจะเป็นเนื้อหาที่เราขายมากกว่า ถ้าอย่างการเป็นนักแสดง เราก็ขายแอคติ้ง ขายความสามารถของเราด้านนี้ แต่ถ้าเป็นนักเขียนก็ขายความสามารถในการเขียนนิยายของเรา หรือว่าการเขียนด้านอื่นๆของเรา ซึ่งทุกวันนี้ เราก็ใกล้ชิดกับงานทั้งสองอย่าง ต้องเขียนปริญญานิพนธ์ ปริญญาเอกที่กำลังเรียนอยู่ เราก็รู้เลยว่าการเขียนไม่ว่าจะนิยาย หรือว่าอะไรก็ตามมันใช้ทั้งเวลา ใช้กำลังใจ ใช้ความสามารถหรืออะไรก็ตาม เยอะมากๆเลย ซึ่งนักแสดงก็มีสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน ใช้เวลาใช้แพชชั่นที่อยากจะแสดงเหมือนกัน ต่างกันแค่สิ่งที่เราจะขายแหละ
สามารถติดตามซีรีส์ #นับสิบจะจูบ ได้ ทุกวันพุธ 22.53 น. ทางช่อง 33HD และดูย้อนหลังได้ทาง WeTv
.
#นับสิบจะจูบ #LovelyWriter #ช่อง3 #WeTV
โฆษณา