11 มี.ค. 2021 เวลา 15:01 • สุขภาพ
Review การพบหมอจิตแพทย์!!!
มาช้านิดหน่อย แต่ก็มานะ อิอิ
สวัสดีค่า นะโมมาแล้ววว สำหรับในครั้งนี้ก็ขอเล่าประสบการณ์ การพบจิตแพทย์นะคะ คือปกติก็พบทุกเดือนแหละ แต่นะโมไม่ได้บ้าน้า มันมีที่มาที่ไป..
เรื่องเกิดขึ้นจาก นะโมเป็นแพนิค ตอนเป็นแพนิคก็รักษาอยู่ปีกว่าๆ อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่ดันมีเหตุการณ์บางอย่างเข้ามากระทบจิตใจอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่นะโมอยากตุย(ขอใช้คำว่า ตุย = ตาย นะคะ จะได้ไม่ซีเรียสไป) อยากตุยทุกวันเป็นเดือน ไม่อยากอยู่แล้วโลกใบนี้ รู้สีกไร้ค่า ล้มเหลว นะโมด่าตัวเองในทุกวันว่าตัวเองไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ และก็มาถึงจุดที่อยากกรีดแขน
1
แต่ตอนนั้นนะโมยังไม่กล้ามาก กลัวแฟนว่า กลัวเป็นแผลเป็น กลัวคนอื่นคิดว่าเราเรียกร้องความสนใจ เลยได้แต่เอาหนังยางดีดข้อมือ ความเจ็บมันแทนที่ความรู้สึกไม่ดี ยิ่งเจ็บ ยิ่งรู้สึกว่าไม่ต้องไปโฟกัสกับความคิดแย่ๆ ซึ่งสุดท้าย นะโมก็กลับไปหาคุณหมอที่ดูแลเคสแพนิคของนะโม ไปนั่งร้องไห้ หมดอาลัยตายอยาก บอกคุณหมอว่า 'หมอคะ หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ หนูมีแต่อยากตุยทุกวันเลย มีแต่ต่อว่าตัวเองทุกวันเลย มันเลิกทำไม่ได้' คุณหมอคงคิดว่านะโมต้องไปถึงมือจิตแพทย์แล้วล่ะ ก็เลยทำเรื่องส่งตัวไปพบกับคุณหมอจิตแพทย์
1
ลงรูปให้ดูสดใสไปงั้นแหละค่ะ 55555 รูปไม่เกี่ยวกับเนื้อหาอีกเช่นเคย
เอาล่ะ! นะโมได้บอกกล่าวพ่อกับแม่แล้วว่า..ต้องพบจิตแพทย์นะ คนรอบข้างก็กังวลว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ? ถึงขนาดที่ต้องพบจิตแพทย์แล้วหรอ? นะโมก็ได้แค่บอกว่า 'หมอเขาส่งตัวหนูไป เพราะหมอเขาคงคิดว่าดูแลเคสหนูไม่ไหวแล้ว ให้ไปพบจิตแพทย์น่าจะดีกว่า'
วันนัดพบคุณหมอจิตแพทย์ครั้งแรก ตื่นเต้นสุดๆ คุณหมอจะเป็นคนแบบไหน จะว่าเราหรือเปล่าที่มีความคิดอยากตุย คิดไปต่างๆ นาๆ ขณะที่นั่งรอหน้าห้องคุณหมอ แต่เมื่อได้เข้าไปคุยจริงจังว่า..นะโมเป็นแบบนี้ๆ นะ มีความคิดอย่างนี้ รู้สึกอย่างนี้ คุณหมอจ่ายยามาให้ทานก่อน 1 เดือน หลังจากนั้นค่อยมาเช็คอาการกัน ซึ่งคุณหมอไม่มีท่าทีจะดุนะโมแม้แต่น้อย คอยถามว่ารู้สึกยังไง เป็นแบบไหน เล่าอาการมาให้หมด
เมื่อถึงวันนัดครั้งที่ 2 คุณหมอก็เช็คอาการ ถามไถ่ความรู้สึกนู่นนี่ นะโมยอมรับเลยว่ากังวลมากกับการต้องมาเล่าเรื่องความทุกข์ให้คนที่ยังไม่ได้รู้จักกันเท่าไหร่ ในกรณีเคสของคุณหมอที่ดูแลแพนิค นะโมเปิดใจได้ เพราะคุณหมอเองก็มีทัศนคติที่ดี แล้วก็ไปรักษาอยู่เป็นปี ต่างกับคุณหมอจิตแพทย์ที่พึ่งเจอกัน 2 ครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นนะโมก็ต้องเล่า เพื่อให้คุณหมอประเมินและจ่ายยาที่คุมอาการได้ ในช่วงแรก(1-2เดือนแรก) นะโมยังไม่ค่อยดีขึ้น มีการปรับเปลี่ยนตัวยาให้เข้ากับนะโม เพราะยาบางชนิดให้ผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน และกว่าร่างกายจะปรับตัวเข้ากับสารเคมีนั้นก็ใช้เวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป
1
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ นะโมยังพบจิตแพทย์อยู่ค่ะ เพราะอาการยังไม่คงที่ อ้อ! ลืมบอกว่า นะโมเป็น "ซึมเศร้า" นะคะ จะมีช่วงดีขึ้นและช่วงแย่ลงสลับกันไป ตามแต่สถานการณ์ที่เผชิญในช่วงนั้นๆ ครั้งสุดท้ายที่นะโมรู้สึกว่าไม่ไหว จนต้องกลับมาเพิ่มยา คือปลายปี 2020 ค่ะ นะโมใช้เวลาช่วงวันหยุดยาว พักจิตใจ พักร่างกาย เคลียร์ความคิด ปรับทัศนคติและมุมมอง เมื่อเริ่มต้นปี 2021 นะโมมีเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า..ไม่เอาแล้ว ความรู้สึกแบบนั้น ความดิ่งที่กว่านะโมจะตะเกียดตะกายขึ้นมาได้ มันยากมาก ต้องใช้แรงใจอย่างมากในการดึงตัวเองกลับมา รวมถึงกำลังใจของคนรอบข้างก็สำคัญค่ะ
2
ปัจจุบัน..นะโมยังไม่ได้ปรับลดยานะคะ เพราะคุณหมออยากให้อาการคงที่อย่างนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง คุณหมอรู้ว่านะโมพยายามอย่างเต็มที่ เพื่ออยากหายจากโรคซึมเศร้า เพราะตั้งแต่ต้นปี 2021 มา นะโมไม่มีอาการดิ่งหรือจิตตกเลยจนถึงวันนี้ จะมีเพียงแค่ความโมโห เสียใจ ผิดหวัง ซึ่งนั่นก็คือความรู้สึกปกติทั่วไปของมนุษย์ นะโมไม่ได้อยากตุยแล้ว อยากสู้มากกว่า
ความรู้สึกด้านลบถึงแม้ว่าจะยังมี แต่นะโมสามารถปล่อยมันไปได้เร็วกว่าเมื่อก่อน และพยายามฮีลตัวเองทุกๆ วัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นความสุขได้ นะโมอยู่กับปัจจุบัน อดีตที่ผ่านมา คือบทเรียนให้นะโมพัฒนาตัวเอง ส่วนอนาคตก็มีความตั้งใจแน่วแน่ว่าอยากให้ตัวเองไปในทิศทางไหน
1
ดังนั้น หากใครที่กำลังรู้สึกจิตตก ดิ่ง มีอาการโทษตัวเอง หรืออยากตุยทุกวันเป็นเดือนๆ ไปหาคุณหมอเถอะค่ะ ไม่ได้น่าอายเลย ยิ่งไปเร็ว ก็ยิ่งได้รับการรักษาเร็ว นะโมเคยคิดว่า..คนจะต้องมองว่านะโมบ้าแน่เลย ถึงต้องพบจิตแพทย์ แต่ไม่ใช่ค่ะ นะโมสติดีครบถ้วน ใช้ชีวิตปกติ ไม่ว่าจะเกิดจากสารเคมีในสมองที่หลั่งผิดปกติหรือมีเหตุการณ์กระทบจิตใจรุนแรงจนเป็นซึมเศร้า ก็ไม่ได้เรียกว่าคนบ้าค่ะ การที่เราไปพบจิตแพทย์ เป็นการแสดงความรักต่อตัวเองอีกแบบหนึ่ง
ถ้าไม่ไหว ไม่โอเค ไม่ต้องรอแล้วนะคะ ไปพบคุณหมอดีกว่าเนาะ จะได้หลุดจากวงจรร้ายๆ ที่คอยทำลายเราบั่นทอนเรา และอย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อนๆ คือนะโมสร้างความท้าทายใช่ไหมคะ? สิ่งนั้นก็เป็นการช่วยเหลือตัวเองไม่ให้จมอยู่แต่กับความคิดลบๆ เพราะอันนั้นก็ต้องทำ อันนี้ก็ต้องทำ คุณหมอบอกว่า 'คุณทำดีแล้ว เหมือนเก็บเลเวลไปทีละนิด ไม่หมกมุ่นกับความคิดลบๆ ถ้าคุณสนุกกับการท้าทายตัวเอง หมอก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำ' ...
1
โฆษณา