Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Journey Syndrome
•
ติดตาม
13 มี.ค. 2021 เวลา 14:41 • ท่องเที่ยว
Sikkim ดินแดนแห่งสุขุม
เป็นครั้งแรกที่ทำบันทึกเรื่องราวก่อนออกเดินทาง เหมือนเป็นการบังคับตัวเองไปในตัวว่า การไปครั้งนี้ต้องได้มากกว่างานที่สมบูรณ์
ต้องเดินออกไปหาเรื่อง(ฟังดูนักเลงดี)
ต้องตามไปซ่อมงาน เก็บรายละเอียดในส่วนที่ขาดหายไปจากเมื่อสองปีที่แล้ว
ก่อนออกเดินทางเพียงสองวันได้โพสต์ภาพเก่า ไปขออนุญาตเพื่อนๆ ขอไปสัมผัสกว่าหมื่นโค้งอีกสักครั้ง ขอไปจิบชาบนยอดดอยอีกสักหน มีใครจะฝากอะไรกับความหลังครั้งเก่าไหม?
ขอท้าวความหลังก่อนหน้านี้ราวสองปี เพื่อนเรียนออกปากว่าอยากเที่ยวอินเดียว่ะ เลยพิจารณาโลเคชั่นและภูมิภาคที่ตรงจริตก๊วนนี้ ก็น่าจะ สิกขิมนี่ละที่สุดแล้ว
กัลกัตตา คือเมืองหลักที่เราเริ่มต้นการเดินทางสู่รัฐชายแดน ด้วยอุณหภูมิ 36 องศาฯ ที่ทักทายพวกเรา ก็ไม่แตกต่างจากกรุงเทพฯที่เพิ่งจากมาได้ 3 ชั่วโมงเลยทำให้ทุกคนรีบเร่งขนของขึ้นรถ ต้องการที่จะไปให้พ้นสภาพอากาศที่คุ้นเคยเสียเร็วๆ
ยิ้มใสๆ ก็ทำเอาอุณหภูมิในใจลดลงได้เหมือนกัน...
......สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย ผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดินีปกครองแผ่นดินอินเดีย แต่ไม่เคยเสด็จเยือน ณ ที่แห่งนี้เลย
เห็นอนุเสาวรีย์นี้แล้วก็นึกถึง Victoria and Abdul ทุกที เป็นหนังประวัติศาสตร์ที่มีความคอมมานดี้ ไม่น่าเบื่อเลย ลองไปหาดูกันนะค่ะ
.....อาคารรูปทรงสวยงาม มรดกตกทอดจากการเป็นอาณานิคมอังกฤษ ย่านถนนช้อปปิ้ง Esplanade.....
เรามุ่งหน้าสู่ดาร์จิลิ่งก่อน เป็นเมืองแรกเพื่อคลายร้อน คลายเส้นที่มันยึดมาทั้งวัน เราเจอฝนมาตลอดเส้นทางแถมคืนนี้ก็ตกพรำๆ ตลอดคืน เป็นสัญญาณเตือนว่าพรุ่งนี้ที่จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น Tiger Hill อาจจะทำให้ทุกคนกินแห้ว
นอกจากพระอาทิตย์ไม่มาตามเวลานัดหมาย
ก็ยังทำให้เราพลาดเห็นยอดคันเชนจุงก้าอีกด้วย แต่นี่คือเหตุการณ์ปกติของช่วงเวลานี้ที่นี่ ที่ใครๆก็ไม่สามารถเห็นเทือกเขาพร้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นอันว่าเช้านี้ผิดหวังกันตามๆ ไป
แต่เรายังต้องมีความหวังกับเหตุการณ์ที่จะเกิดอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าที่นั่งลุ้นอยู่ในใจตลอดเส้นทาง
เช้าที่ชุลมุนไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Tiger Hill แม้วันนี้พระอาทิตย์ไม่มาปรากฎให้เห็นแต่เธอคนนี้มาทุกเช้า เธอทำหน้าที่ขายชาอุ่นๆ พร้อมข้อมูลเดินทางแถมให้ลูกค้าในสนนราคาเพียงแก้วละ 10 รูปีเท่านั้น
ถึงไม่พบยอดคันเชนจุงก้า ไม่เห็นตะวันในเช้านี้ แต่เราก็ได้เห็นดอกไม้น่ารักๆ ทักทายกันตลอดเส้นทาง
ขบวนรถไฟที่วิ่งบนพื้นที่สูงแห่งเดียวในอินเดีย Darjeeling Himalayan Railway หรือที่เราเรียกกันว่าToy Train ลองนั่งสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าการเดินทางแบบช้าๆ นี่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อย.
...ระหว่างทาง...
.....หมี หิมาลัย....
เราเดินทางกลับเข้าสู่เมืองกังต๊อก หมายถึงที่ราบบนเนินเขา ตามภาษาภูเทีย เมืองหลวงของรัฐสิกขิม(ดินแดนที่สวยงาม)
ต้อนรับเราด้วยสายฝนบางๆ กับถนนอันวุ่นวายและหมู่ตึกรามสีสันฉูดฉาด
เช้านี้เรามุ่งหน้าสู่ North of Sikkim เมืองลาชุงคือปลายทางเราในวันนี้ แต่ก็ไม่แคล้วที่ต้องพบกับอุปสรรคอีก
เมื่อเดินทางออกจากเมืองได้ราวชั่วโมงเศษ ต้องพบกับข่าวจากรถคันหน้า...ข้างหน้าไปไม่ได้ ถนนปิดแล้ว กลับรถเถอะ...ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเราเจอแลนด์สไลด์เข้าแล้ว
ก็ไม่น่าแปลกเพราะเมื่อวานฝนตกตลอดวัน เราจำเป็นต้องย้อนกลับมาเส้นทางเดิมแล้วไปเจอทางแยกวิ่งผ่านค่ายทหารไปอีกเส้นทางซึ่งถึงแม้จะอ้อมไกลกว่าเส้นเดิมแถมเราไม่สามารถแวะชมอีกหลายสถานที่ระหว่างทางได้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะมันจะนำไปสู่ปลายทางที่ลาชุงวันนี้ค่ะ
.....เส้นทางสู่ หมู่บ้านลาชุง มีความหลากหลาย.....
ผ่านป่า เขา ธารน้ำตกน้อย-ใหญ่มากมาย จนไม่สามารถจดจำชื่อได้
ลาชุง (Lachung) หมายถึงภูเขาขนาดเล็ก อดีตแหล่งการค้าระหว่างสิกขิม-ทิเบต ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ เรียบง่าย จุดพักก่อนขึ้นไปยังหุบเขายุมทัง ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในครั้งนี้เช่นกัน
แต่เหนืออื่นใดในใจก็ขอลุ้นถึงสภาพอากาศในวันรุ่งเช้า
เฮ้ๆๆๆๆ ตีห้าที่นี่ก็มีแสงสว่างจ้า ท้องฟ้าเปิด
มองจากหน้าต่างไปเห็นภูเขา
แสงทองบางๆ บนขอบฟ้า เป็นคำตอบว่าวันนี้ผ่านฉลุย
ก่อนเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขายุมทังเราต้องแวะเช็คเอกสารกันก่อน
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็วิ่งผ่านเข้าเขตทหาร จากจุดนี้ไปอีก 2 กิโลเศษห้ามยกกล้องมาถ่ายภาพนะค่ะเป็นคำขอร้องจากไกด์ท้องถิ่น
ต่อไปจากนั้น จะกด จะแชะตามสบายค่ะ วิ่งไต่ไล่ระดับไปราวหนึ่งชั่วโมงก็เห็นบรรยากาศแห่งอุทยานดอกกุหลาบพันปี
เขตทหารห้ามถ่ายภาพ นี่คือบังเกอร์ มีให้เห็นเป็นระยะๆ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึง เขตอนุรักษ์กุหลาบพันปี (Rhododendron Sanctuary)
จะซ้ายหรือขวาก็บานสะพรั่งเต็มไปหมด หลากสายพันธุ์ หลายสีแถมยังมีดอกเล็ก กลีบน้อยที่ปะปนทำให้พื้นที่แห่งนี้มีเสน่ห์มากขึ้น
นอกจากกุหลาบพันปีหลากสายพันธุ์แล้วยังมีดอกหน้าตาแปลกๆ หลบมุมอยู่ตามซอกหินอย่างเจ้า Cobra Lilly
แถมด้วยความน่ารักของดอกหญ้า ต่ำเตี้ยเลี่ยดินแต่อยู่กันเป็นชุมชนสะดุดตาอย่างเจ้า พริมมัวล่า
หลังผ่านป่าดอกไม้ เราก็เข้ามาถึงจุดหมายของพวกเรา Yumthang Valley ที่ระดับความสูง 3,600 เมตรจากน้ำทะเล
หุบเขาแห่งทุ่งดอกไม้และสายน้ำ
ครั้งนี้นอกจากเราได้เดินทางมาถึงหุบเขาแห่งกุหลาบพันปีแล้ว แม้นจะเป็นจุดหมายที่คาดหวังแต่ยังไม่ใช่ปลายทางของเราในวันนี้ เราตกลงกันจะไปให้ถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้ คือ Yamesamdong หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า Zero Point จากนี้อีก 20 กิโลเมตรเท่านั้นก็คือชายแดนอินเดีย-จีน(ทิเบต)
Zero Point ณ ระดับความสูง 5,300 เมตรจากทะเล
นี่แหละจุดที่อ่อนไหวที่สุดของดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือในอินเดีย
เพราะรัฐนี้เมื่ออดีตเคยปกครองตนเอง เป็นรัฐอิสระมาก่อน เพิ่งจะตกลงปลงใจกับอินเดียแค่ 30 กว่าปีที่ผ่านมาเท่านั้น พอตกร่องปล่องชิ้นกับอินเดีย
จีนก็ยังอยากได้เพราะยังคาใจทำไมไม่เลือกมาอยู่กับตนทั้งผู้คน ศาสนา วัฒนธรรมแล้วเส้นทางใกล้ชิดกันมากกว่าอินเดียอีก
ฝ่ายพี่แขกก็เกรงว่าน้องสิกขิมจะเปลี่ยนใจอย่างไรต้องส่งกองกำลังมาขวางกางกั้นไว้ก่อน เพราะช่างห่างหู ห่างตาเหลือเกิน
ทำให้สร้างความรู้สึกของนักเดินทางว่าช่างมาแสนยากเย็น ต้องใช้คำว่ากระเสือกกระสนถึงจะถูกต้องกว่า การมายากเย็น อุปสรรคนานา น่าค้นหาจริงๆ แต่ทั้งหมดก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง อากาศ ภูเขา ดอกไม้ ผู้คน วัฒนธรรม ตอบได้ว่าคุ้มค่า
ในการเดินทางครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไป South of Sikkim โดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเหตุผลที่คุ้นชิน Land Slide ถนนปิดอีกแล้ว
เป็นอันว่าเราต้องปรับจากทะเลสาบชางกู่ที่ต้องไปทางตะวันออกของสิกขิมกลับทิศมาเที่ยวทางใต้กันดูบ้างค่ะ
เราออกเดินทางจากกังต๊อกมาทางใต้เส้นทางเดียวกับด่านรังโป แต่เราแยกขวา
ผ่านเมือง Singtam พบตัวเมืองเล็กๆ สีสันสดใส ริมแม่น้ำ เหมือนเอามาแปะอยู่รวมๆ กันเป็นกลุ่ม แล้วจากนั้นก็เห็นบ้านห่างๆ อีกเป็นระยะๆ ก่อนที่เราจะไต่ระดับตามภูเขาลูกแล้วลูกเล่า
ระหว่างอเม มาหยุดอยู่ที่หมู่บ้าน Temi เป็นแหล่งปลูกชาขึ้นชื่อของสิกขิม.....ที่นี่แรงงานเก็บใบชาส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะ
พวกเรายังแอบขอซื้อยอดชาสดๆ มาทำเมนูยำใบชา มื้อกลางวันอีกด้วย
และนี่เป็นอีกไอเดีย เก๋ๆ ของพี่ชายคนนี้
เราเดินทางกันต่อไปจุดหมายวันนี้ที่วัดฮินดู ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์ อยู่บนยอดเขา Samdruptse
(Guru Padamasambhava) ซึ่งเป็นผู้นำพระพุทธศาสนาสายมหายานจากอินเดียเข้ามาเผยแผ่ในหุบเขาหิมาลัย
.....ริ้วธงแห่งมนตรา สะบัดไหวตลอดเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขา
วัชระ,สายฟ้า หรือดอร์เจ ตามภาษาถิ่นในพระหัตถ์ของท่าน คุรุปัทมสัมภาวะ ยานที่สามารถนำพาไปสู่นิพพานได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า....วัชรยาน
ในขณะที่พวกเราต้องเดินทางกลับเข้าเมืองกังต๊อก แวะรองท้องกันที่เมืองใหญ่แห่งสิกขิมใต้ Namchi เป็นเมืองเกิดของท่านรัฐมนตรีผู้นำสูงสุดของรัฐฯ
Dr. Pawan Chamling เรามีโอกาสได้พบกับบรรยากาศต้อนรับที่คึกคักและอบอุ่นตลอดเส้นทาง
S D F...Sikkim Democracy Front...พรรคการเมืองท้องถิ่นที่มีผู้นิยมและชื่นชมกับผู้นำของพวกเค้า
ระหว่างทางกลับสู่บัคโดกรา(เมืองระหว่างทางกลับเข้ากัลกัตตา) ในอีกเส้นทาง
ขณะนั่งบนรถคิดย้อนไปถึงวันเวลาที่ผ่านมาและเลือกภาพเหล่านี้มาอธิบายความรู้สึกทั้งหมดมาฝากกันเผื่อคิดได้ ว่าเราพลาดอะไรไปอีกบ้าง
วงล้อมนตรา อุปกรณ์ประกอบการภาวนาของชาวพุืทธมหายาน มีตั้งแต่อันเล็กขนาดพกพาถึงขนาดใหญ่อย่างที่เห็น
เส้นทาง...
สวรรค์บนดิน
สตรีแห่งภูผา ต้องแกร่ง ทน แบกภาระอันหนักอึ้ง.....งานหนักไม่เคยฆ่าคน (ภาพที่เห็นจนชินตาตลอดเส้นทาง)
....... ตลอดระยะการ ก้าว เดิน มีช่องว่างของประสบการณ์ให้เติมเต็มเสมอ .......
บันทึก
6
3
1
6
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย