14 มี.ค. 2021 เวลา 03:01 • สุขภาพ
14/3/63 ระยะเวลาหนึ่งมีข่าวที่อาหารเป็นพิษผ่านสายตาคนหลายๆคน แต่ก็มีบางคนที่ยอมรับออกสื่อว่าไม่มีความรู้เลยกับ หมึกบลูริง รวมถึงอาหารต่าง เช่น ปลาแซลมอนที่นำเข้าจากต่างประเทศ หรือแม้การกินกุ้งหอยปู ปลาดิบๆสุกๆตามธรรมชาติที่มีตามท้องนาท้องไร่
อันตรายจากพิษของหมึกบลูริง ที่ผ่านมากับข่าวตามสื่อที่ออกมายืนยันโดยนักวิชาการ หรือบทความตามสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งก็สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง (ข้อดีหนึ่งของการติดตามข่าวคราวเป็นประจำหรือบ้างในบางครั้ง อาจมีผลดี มากกว่าการก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน ไม่สนใจข่าวสารใด)
จากคำบอกเล่า เจ้าของร้านขายปลาหมึกที่เป็นข่าวเมื่อวันที่11/3/64ว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้ และคนซื้อที่มีความรู้ไปบอกเขา ตอนแรกก็อาจถูกมองในด้านลบว่าจะสร้างกระแสที่ทำให้ร้านเขาเสียหาย
คนซื้อที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวให้กลุ่มเพื่อนและคนรู้จักรวมถึงการระบุพิกัด ก็นับว่าเป็นเรื่องดีอีกด้านหนึ่งของโลกโซเชียลที่ใช้ประโยชน์ได้ในเวลาที่ต้องการความรวดเร็ว
เมื่อนักข่าวตามลงไปหาข้อเท็จจริง ก็ได้ทราบว่าคนขายยอมรับว่าเขาเพิ่งมาเปิดร้านไม่ถึงเดือน และย้ำว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องปลาหมึก เซ็งร้านมาไม่ถึงเดือน และรับมรดกทุกอย่าง แหล่งซื้อวัตถุดิบ อุปกรณ์การขาย สูตรต่างๆและตลาดที่ขาย ก็คือจุดแจ้งพิกัดในตลาดซอยศาลธนบุรี19 เขาฝากขอโทษนะที่ไม่รู้ และเจ้าไม้ที่เป็นปัญหาละ
นักข่าวที่ได้ไปติดตามข่าวได้รับทราบเรื่องราวเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งได้ทราบว่า ปลาหมึกต้นเหตุที่ได้รับแจ้งว่าน่าจะเป็นบลูริงก็ได้
ถูกขายออกไปหมดแล้ว มีการไปสอบถามคนที่เคยกินปลาหมึกปิ้งจากร้านนี้ ยืนยันกินไม่ตายอร่อยดี 😋🙄 เขาสรุปได้ว่า เพราะคนขายไม่รู้จบมั้ย และฝากไปถึงคนที่โชคดี(โชคร้าย)ที่ได้ซื้อหมึกไม้ที่เป็นปัญหานั้นเป็นอย่างไรบ้างขณะนี้ ถ้ายังอยู่ก็ติดต่อกลับมาด้วย
รายละเอียดพิษปลาหมึกบลูริง(https://www.blockdit.com/posts/604b02a22843640c0f85c524)
นอกจากปลาหมึกบลูริง ปลาปักเป้าที่ผู้แล่ไม่มีความรู้ และไปแล่ถูกต่อมพิษทำให้เชื้อกระจายถูกเนื้อที่ขาวใสปะปนออกมาในท้องตลาด ตาดีได้ตาร้ายเสียชีวิต ปลาแซลมอนดิบที่มีพยาธิหรือไข่พยาธิปะปนมาขายในท้องตลาดราคาถูกกว่าการกินในร้านหรู ซึ่งเป็นปลาแซลมอนที่ผ่านกระบวนการทำให้พยาธิหรือไข่พยาธิตายแล้ว การกินดิบในรูปของ
ซาซิมิ หรือซูชิ คือเกรดที่จะปลอดภัยรวมถึงการซื้อจากแหล่งผลิตที่ยืนยันว่าผ่านการทำลายเชื้อ
การกินอาหารดั่งเดิมแต่ละภูมิภาคในประเทศของเรา ก็มีความเสี่ยงไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของพยาธิ พิษที่ตกค้าง สารเคมี เพราะหลังการปรุงแล้วก็ยังสามารถพบพิษในอาหาร เช่นเห็ดมีพิษ หรือการกินสัตว์มีพิษ งูเห่าที่ถูกต้มทั้งตัว คางคกที่ไม่เอาต่อมพิษออก ปลาร้า ปลาจ่อมที่พบพยาธิใบไม้ในตับ หรือกุ้ง หอย ปู ปลาดิบๆสุกๆ ที่นำมาปรุงเป็นลาบ ก้อย หรือใส่ในส้มตำ ปูเค็มดิบที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์พยาธิต่างๆ ผักผลไม้สดต่างๆ รวมถึงเครื่องปรุงต่างๆที่มีเชื้อราที่อาจพบสารพิษที่ก่อมะเร็งฯลฯ
ถ้าคนนำมาปรุง (อาจเป็นตัวเราเอง) ไม่มีความรู้และปรุงอาหารพิษเหล่านี้ขึ้น คนในครอบครัวและตัวเราเองก็มีความเสี่ยง ในความจริงอันตรายที่ค่อยๆเกิดขึ้นอาจไม่ร้ายแรงพอที่จะหยุดกินในทันที หรือร้ายแรงขนาดเสียชีวิต ก็คงขึ้นกับความรุนแรงของพิษ หรือปริมาณที่กินเข้าไปมากน้อยเพียงใด รวมถึงความแข็งแรงของผู้บริโภคก็มีความสำคัญ คนที่ร่างกายอ่อนแอ การกินพิษเพียงเล็กน้อยก็อาจมีการติดเชื้อรุนแรง ถึงตายได้
ในฐานะผู้ซื้อและผู้ขายที่ต้องหาเช้ากินค่ำ การก้มหน้าก้มตาทำมาหากินโดยไม่สนใจข่าวสาร หรือติดตามเรื่องที่ตัวเองเป็นคนขายหรือคนซื้อ ควรศึกษาและหาความรู้อย่างกระจ่างกับสิ่งที่จะนำมากินหรือนำมาขาย
สำหรับผู้ขาย ย่อมเป็นการพัฒนาต่อยอดและสร้างมาตรฐานให้กับสินค้าของเรา การเลือกวัตถุดิบให้ได้มาตรฐาน แม้ว่าจุดขายของเราจะเป็นแค่ตลาดนัด การเน้นปริมาณและราคาถูกเพียงอย่างเดียวอาจไม่ปลอดภัยเพียงพอ
สำหรับ คนซื้อก็ควรเลือกหาอาหาร หรือวัตถุดิบที่ถูกนำมาขายอย่างพิถีพิถัน มีความรู้ในขั้นตอนการปรุง ที่ต้องกำจัดพิษออกให้หมด ตั้งแต่การเลือกซื้อหรือการเตรียมวัตถุดิบ เช่นการล้างผักให้ปราศจากสิ่งตกค้างที่เป็นอันตรายทั้งพยาธิหรือสารเคมี (มีบทความในBDที่บอกไว้หลายบทความมาก) หรือการเตรียมอาหารจากสัตว์ปีก ที่มีความสกปรกมากที่สุด ควรล้างอย่างระมัดระวังไม่ให้กระเด็นกระดอนและควรเตรียมไว้หลังสุด เมื่อล้างเสร็จก็ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์การล้างให้สะอาดก่อนใช้ ชำระล้างต่อได้(มีข่าวการกินไก่ดิบ😣ถ้าไม่มั่นใจคือควร...ดีกว่า)
ผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับการใช้ชีวิตที่ต้องเสี่ยง " สุขภาพของคุณขึ้นกับสิ่งที่คุณกิน " ดังนั้นการดูแลเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสมและเพียงพอ ปราศจากสิ่งที่เป็นพิษหรืออันตราย เราก็ต้องเลือกอย่างดี การกินอาหารที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ในบางครั้ง ก็ต้องป้องกันด้วยการดูแลตัวเอง เช่นการเลือกร้าน หรือ อาหารที่ผ่านขบวนการปรุงมาอย่างดี มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้เราก็อาจต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ ถ่ายพยาธิบ้าง อย่างน้อย 3-6เดือนครั้ง ก็น่าจะช่วยขับไล่เจ้าพยาธิที่อาจมากับผักผลไม้ หรือส้มตำปลาร้าจานเเด็ด ร้านโปรด หรือร้านข้างทางบ้างก็ดี
สำหรับหน่วยงานรัฐ(เพราะอัตราการเกิดมะเร็งตับของเราติดอันดับโลก) สาธารณสุขได้รณรงค์ให้ประชาชน มีความรู้มากขึ้นในเรื่องที่เป็นสาเหตุของโรค เราจึงได้เห็นพฤติการบริโภคที่ดีขึ้นในหลายๆพื้นที่ คนเหนือลดการกินลาบหมูดิบ คนอีสานก็กินของดิบต่างๆน้อยลง ปลาร้าก็เอามาต้มให้มีรสชาติดีจนในปัจจุบันกลายเป็นสินค้าส่งออก👍
ก็ขอให้ทุกท่านรอดพ้นจากการกินที่ผิดสุขลักษณะ คนขายที่มีความรับผิดชอบกับสินค้าของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนกิน🙏🙏💖
ติดตามบทความพิษของบลูริงได้ที่นี่
ขอบคุณภาพจาก
Amarin TV
โฆษณา