14 มี.ค. 2021 เวลา 05:07 • การตลาด
เสียดายเสน่ห์ ที่หายไป
10 อันดับ โรลออนระงับกลิ่นกาย ยี่ห้อไหนดี ฉบับล่าสุดปี 2020 ขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบจาก https://my-best.in.th
วันนี้ผมได้เห็นโฆษณาตัวหนึ่งของแบรนด์เครื่องสำอางเก่าแก่ ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ใช่ครับผมกำลังหมายถึงแบรนด์ “มีสทีน” และระบุให้ชัดๆหน่อย ก็สินค้า Top Country
แต่ก็นั่นละครับทำไมถึงบอกว่าเสียดาย เพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ ต้องบอกว่าผมรู้จัก Top Country จากโฆษณาเก่าสมัยเป็นเด็กเลยทีเดียว ถ้าใครพอจะจำได้จะนึกถึง นางยักษ์ผีเสื้อสมุทร กับพระอภัยมณี ที่หนังโฆษณาขายความหอมของกลิ่นที่ขนาดนางยักษ์ที่ดุร้ายยังสามารถชนะใจพระอภัยได้แล้ว สาวๆ คนอื่นๆ ละ จะชนะใจหนุ่มๆ ไม่ได้เชียวรึ ทำให้เห็นว่า แบรนด์เลือกกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะย้อนกลับไปสมัยก่อน มีสทีน เป็นเครื่องสำอางผู้หญิง จึงใช้จุดขายเรื่องเสน่ห์ของกลิ่นเพื่อใช้เป็นจุดขายสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
และต้องบอกว่า โฆษณาของมีสทีนสมัยก่อนมีเสน่ห์มากน่าติดตาม มีเรื่องราว และเป็นโฆษณาที่น่าพูดถึง และน่าจนจำจนถึงทุกวันนี้ อย่างเช่นฟ้ากับรุจ หรือคุณหลอกดาว เป็นต้น
ขอบคุณภาพจากโฆษณาเครื่องสำอางมีสทีน
ก่อนจะเข้าประเด็นเรื่องโฆษณา ไปมากกว่านี้ ขออ้างอิงข้อมูล เกี่ยวกับมูลค่าตลาดกันสักนิด จะได้พอเห็นภาพ
ข้อมูลจากงานวิจัยกสิกรไทย มองว่าตลาดความงามโดยรวมกําลังเติบโตในตลาดประเทศไทย จากพฤติกรรมคนไทยที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพร่างกาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ต่อสังคมภายนอก ซึ่งตลาดดังกล่าวเคยถูกครอบครองโดย ผู้หญิง. แต่ปัจจุบันด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับกระแสความนิยมในดารานักร้องต่างชาติ โดยเฉพาะเกาหลีและญี่ปุ่นที่เติบโตในไทย ส่งผลให้กลุ่มผู้ชายเองก็เริ่มให้ความสําคัญเกี่ยวกับการดูแลภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพร่างกายที่ปรากฏต่อสังคมให้ดูดีเช่นเดียวกัน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดความงามในส่วน ของกลุ่มผู้ชาย เริ่มมีการเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 35,000 ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ "ความงาม" ยอดนิยมสำหรับผู้ชาย
ปี 2557-2561 ที่ผ่านมา สินค้าส่วนบุคคล เฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลร่างกายของผู้ชาย (Men’ s Grooming) มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 6.4 ต่อปี. โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเริ่มได้รับความนิยม และมีอัตราเติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ชายยุคใหม่มีการออกกําลังกาย หรือมีกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น ทั้งนี้ตลาดสินค้าส่วนบุคคลของผู้ชาย สามารถแยกออกได้ ดังนี้
1.) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ และหลังการอาบน้ำ มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 75.2 ของผลิตภัณฑ์เพื่อความงามผู้ชาย โดยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีสัดส่วนมากที่สุดประมาณร้อยละ 46.4 ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมร้อยละ 31.6 ผลิตภัณฑ์ชําระร่างกายร้อยละ 15.9 และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ร้อยละ 6.1 โดยตลาดนี้มีการเติบโต เฉลี่ยร้อยละ 7.0 ต่อปี (ในช่วงปี 2557-2561)
2.) ผลิตภัณฑ์โกนหนวด มีสัดส่วนร้อยละ 14.5 ของผลิตภัณฑ์เพื่อความงามผู้ชาย เติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 3.7 ต่อปี (ช่วงปี 2557-2561)
3.) ผลิตภัณฑ์น้ำหอม มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.3 ของผลิตภัณฑ์เพื่อความงามผู้ชาย เติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 4.9 ต่อปี (ในช่วงปี 2557-2561)
ขอบคุณข้อมูลงานวิจัยจากกสิกร และกรุงเทพธุรกิจ
ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก กสิกร https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/article/KSMEAnalysis/Documents/TrendMan.pdf
จะเห็นว่ามูลค่าตลาดช่างเย้ายวนชวนให้กระโดดเข้ามาแข่งขันเสียจริง และแน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์ที่มีแต่สินค้าสำหรับผู้หญิงมาอย่างยาวนาน เหมือนเป็นกลุ่มหลักกลุ่มเดียวย่อมเห็นเป็นโอกาส ทำให้ มีสทีน หันมาเข้าสู่ตลาดนี้ โดยนำสินค้าเก่าแก่อย่าง Top Country กลับมาปัดฝุ่น สร้างแบรนด์ใหม่อีกครั้ง หลังจากห่างหายโฆษณาไปหลายปี
แต่การกลับมาครั้งนี้กลับน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ทำไมหรือครับ แบรนด์กลับสูญเสียโอกาสที่จะได้สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือผู้บริโภค กลุ่มใหม่ๆ ไปเสียได้ เพราะแทนที่จะถือโอกาสนี้ Re-branding ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ให้ดูวัยรุ่นขึ้นกลับทิ้งโอกาสนั้นไป โดยไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลยกับตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้ยังคงรูปแบบเดิมจนเกินไป
ปัจจุบันการทำการตลาด หรือการขายสินค้าไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่ออกสินค้าอะไรมาแล้วก็จะขายได้ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกเยอะ และมีทางเลือกเยอะ ถ้าทำให้เชื่อไม่ได้ หรือปรับเปลี่ยนจนกลุ่มเป้าหมายหันมาสนใจคงเป็นเรื่องยาก ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ คงจะเป็นเสื้อตราห่าน เสื้อยืดยอดนิยมสมัยก่อน แต่พอข้ามผ่านยุคมาปัจจุบัน ก็ต้องมีการปรับรูปแบบให้ดูทันสมัยมากขึ้น หรือแม้กระทั่ง ในวงการเครื่องสำอางก็จะมี ศรีจันทร์ หรือ เต่าเหยียบโลก เป็นต้น
กลับเข้ามาที่โฆษณา Top Country ที่ใช้หัวม้าเป็นตัวเดินเรื่อง โดยเริ่มจากมีผู้ชาย 2 คน ถอดเสื้อแล้วใส่หัวม้า เดินออกมา พร้อมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคว่าหอมใช้แล้วหอม
ขอบคุณภาพจากโฆษณา Mistine Top Country
เป็นอีกครั้ง ที่ผมเห็นแบรนด์ ไม่ focus target group ยังคงมีความลังเลสองจิตสองใจ ที่จะประกาศว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของใคร ผู้หญิง ผู้ชาย ผู้ใหญ่ หรือวัยรุ่น
ทำไมผมจะพูดเช่นนั้น ???
เพราะจากโฆษณาจะเห็นได้ว่า เหมือนแบรนด์ จะบอกว่าเป็นสินค้าผู้ชาย เพราะเลือกนายแบบผู้ชาย 2 คน มาเป็นตัวเดินเรื่อง แต่เนื้อหาก็สื่อให้ผู้หญิงดูมากกว่าเพราะเป็นผู้ชายที่โชว์ท่อนบน ถ้าผู้ชายที่เป็นกลุ่มเป้าหมายดู คงรู้สึกเฉยๆ
แต่ก็ทำให้นึกถึงไปว่า หรือแบรนด์ ต้องการจะสื่อสารถึงเพศทางเลือก หรือสายวาย ก็เป็นได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ไม่ focus target group
ขอบคุณภาพจากโฆษณา Mistine Top County
แบรนด์บอกผู้บริโภคไม่ครบ เหมือนกับเราดูหนังที่ยังไม่จบ แต่ปัญหาคือ ไม่มีภาคต่อ และกลายเป็นจบแบบ งงๆ และนี่ละครับ คือเสน่ห์ที่ขาดหายไปของแบรนด์มีสทีน ที่อดีตโฆษณาแต่ละเรื่องดูน่าติดตาม และถูกพูดถึงทุกเรื่อง แต่ปัจจุบันหายไป
ทำไมผมจึงพูดเช่นนั้น ???
เพราะหลักการทำการตลาด หรือการสื่อสารแบรนด์ และยิ่งสำคัญถ้ามันคือโฆษณา เพราะเราลงทุนกับเงินก้อนโต จึงคาดหวังว่าการสื่อสารจะต้องมีพลัง และสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจ
และสุดท้ายมุ่งหวังว่า
ถ้าเป็นลูกค้าที่ไม่เคยใช้เลยก็จะซื้อสินค้าไปทดลองใช้
ถ้าเป็นลูกค้าที่เคยใช่แบรนด์อื่นจะ switching หรือหันมาใช้ top country
ถ้าเป็นลูกค้าเก่าที่ปัจจุบันใช้อยู่แล้วจะรู้สึกภาคภูมิใจ หรือเห็นด้วยกับโฆษณาว่าจริง และแนะนำให้คนอื่นๆ ใช้ตาม
แบรนด์ ไม่ได้อ้างอิงว่า หอม เพราะอะไร บอกเพียงว่า เห็นหัวม้า รู้เลยว่าหอม ทำให้คนที่ไม่เคยใช้ หรือคนที่ไม่รู้จัก จะเชื่อหรือไม่??
แบรนด์ขาด RTB (Reason To Believe) คือ อะไร แปลเป็นไทยคือ เหตุผลที่ต้องเชื่อตามโฆษณา ซึ่งโดยทั่วไป จะใช้อยู่ 4 สิ่ง
1.ใช้ผลการวิจัยสนับสนุน เช่น 95% ถูกใจ หรือชอบ
2.ใช้คนมีชื่อเสียงสนับสนุน เช่นดารา นักแสดง
3.ใช้นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญรับรอง
4.นำผู้ใช้จริงมารับรอง
ขอบคุณภาพจากโฆษณา Mistine Top Country
แต่สุดท้าย และท้ายสุด อย่างไรก็ตามยักษ์หลับตัวนี้ก็กลับมาอีกครั้ง และกลับมาด้วยพลังม้าหนุ่ม
หลังจากหายไปนาน คงต้องพิสูจน์ด้วยยอดขาย และกระแสการตอบรับของกลุ่มเป้าหมาย และคนรุ่นใหม่ที่คาดหวังว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ คงจะสมกับคำสุภาษิตที่ว่า
“ระยะทางพิสูจน์ม้า” แล้วเราจะได้รู้กันว่าม้าตัวนี้ ที่มีความหอมเป็นอาวุธ จะทะลุทลวงวิ่งฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ มียอดขายตามที่คาดหวังไว้ได้หรือไม่
และแน่นอนที่สุด คู่แข่งคงร้อนๆ หนาวๆ กันอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย ซึ่งคงต้องดูว่าหลังจากนี้ไปตลาด ระงับกลิ่นกายผู้ชาย จะดุเดือดขนาดไหน
ขอขอบคุณข้อมูล จากเวป my-best.in.th
ขอบคุณข้อมูลวิจัยจากกสิกร กรุงเทพธุริจ และภาพโฆษณาจากบริษัทเครื่องสำอางมีสทีน
และขอขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่าน ที่ติดตาม ฝากกด like กด share และให้กำลังใจติชมกันได้นะครับ แล้วพบกันใหม่
โฆษณา