Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หิ้วสตั้ดล่าฝัน
•
ติดตาม
14 มี.ค. 2021 เวลา 08:00 • หนังสือ
#หิ้วสตั๊ดล่าฝัน
จากนักฟุตบอลที่เคย หิ้วสตั๊ดคู่ใจนั้งรถไฟ จากปัตตานี กำเงินเพียง 1,500 บาทมาต่อสู้คนเดียวในเส้นทางนักฟุตบอลในเมืองใหญ่ สู่วันที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่คว้าแชมป์ในไทยลีกอย่างมากมาย อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด
.
มา ณ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก กองหน้าร่างโย่ง วัย 23 ปี ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่โลดแล่นอยู่ในเวทีไทยลีกมาอย่างโชคโชนที่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ร่วมกับทีมมาอย่างมากมาย รวมไปถึงติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว
.
แต่กว่าจะมามีวันนี้ได้ ชีวิตของ อาร์ม ในตอนเด็กนั้นมันไม่ง่ายเลยและหนทางในเส้นทางนักฟุตบอลนั้นมีน้อยมากถ้าเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
.
โดยต้องย้อนกลับไปในสมัย อาร์ม เป็นเด็กจากจังหวัด ปัตตานี ในวัย 8 ขวบ ที่เริ่มเล่นฟุตบอลจากการเฝ้ามองพี่ๆและเพื่อนๆ ที่เล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนาน จนได้ถูกชักชวนจาก โค้ชเสรี เบญอาเหม็ด ที่เร่งเห็นพรสวรรค์ในตัวของ อาร์ม ที่ต่อมากลายเป็นโค้ชคนแรกของ อาร์มในตอนนั้น
.
คอยปลุกปั้นสอนศาสตร์ลูกหนังให้ อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด ใด้เล่นฟุตบอลอย่างถูกต้องและถูกวิธี โดยเริ่มจากความชอบในกีฬาฟุตบอลจนกลายเป็นความหลงไหลและฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจังเพื่อ หวังว่าสักวันหนึ่ง อาร์ม จะประสบผลสำเร็จในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ จากนั้น อาร์ม จึงเริ่มพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องฝึกซ้อมอย่างหนักเมื่อ อาร์ม อายุได้ 10 ปี
.
โอกาสครั้งสำคัญก็มาถึง เมื่อมีโครงการคัดตัวนักฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี เพื่อไปเตะทัวร์นาเมนต์ที่ โกเตนเบิร์ก ประเทศสวีเดน โค้ช เสรี เบญอาหมัด จึงพา อาร์ม ไปคัดหาประสบการณ์ในครั้งนี้อีกด้วย แต่เมื่อไปถึง ความหนักใจก็เริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อเด็กๆที่มาคัดตัวต่างมีอายุมากกว่า อาร์ม ถึง 3 ปี อาร์ม จึงต้องลงคัดกับรุ่นพี่ที่ต้องแบกอายุเกือบทุกคน จึงเป็นการยากที่จะติด แต่ความคิดเหล่านั้นก็จบลง เมื่อ โค้ช เสรี ยังคงเชื่อและมั่นใจว่า อาร์ม จะต้องคัดติดอย่างแน่นอน
.
จึงบอกกับ อาร์ม ไปว่าขอให้ลงไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ในสิ่งที่รักลงไปเล่นสนุก ติดไม่ติดช่างมันเก็บเป็นประสบการณ์ไป อาร์ม จึงได้เปลี่ยนแนวคิดและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นลงไปคัดตัวสู้อย่างเต็มร้อยทุกครั้งที่ลงสนามจนจบวัน โดยผลปรากฏว่า อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด มีรายชื่อติด 1 ใน 10 คน ที่ถูกเลือกไปเตะฟุตบอลต่างประเทศอีกด้วย จึงเป็นก้าวแรกที่ประสบผลสำเร็จในกีฬาฟุตบอลของเด็กวัยเพียง 10 ปี โดยผลงานในทีมชุดของ อาร์ม ที่ไปเตะฟุตบอลที่ ประเทศ สวีเดน
.
นั้นก็คือ สามารถคว้าอันดับ 9 มาครอง จึงเป็นประสบการณ์ที่ภูมิใจ ของทางตัว อาร์ม และ ครอบครัว ที่จะไม่มีวันลืม โดยหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจแล้วทาง อาร์ม ก็ได้เดินทางกลับที่ประเทศไทย มาทำหน้าที่ขอบตนต่อ แต่แล้ว โอกาสครั้งใหญ่ก็มาถึงเมื่อ
.
โรงเรียนที่เป็นตำนาน มหาอำนาจลูกหนังขาสั้น ของเมืองไทยอย่าง โรงเรียนปทุมคงคา ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะนักฟุตบอลทีมชาติมาอย่างมากมาย ได้เปิดคัดตัวนักกีฬาฟุตบอลเข้าสู่ทีม อาร์ม ได้ทราบข่าวดั่งนั้น
.
กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและรีบนำข่าวไปบอกกับคุณพ่อและคุณแม่ทันที เตรียมหยิบสตั๊ดคู่ใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯในเร็ววัน แต่แล้วฝันก็สลายเมื่อ ทางคุณพ่อ และ คุณแม่ ของอาร์ม มีความเห็นตรงกันว่า ไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองในวัยเพียง 12 ปี ต้องไปใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองใหญ่อย่างเด็ดขาด มันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงได้แต่เพียงบอกลูกไปว่า รอให้โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ก่อน จึงจะค่อยไป หลังจากสิ้นเสียงของครอบครัวของตนที่ ปฏิเสธความฝัน
.
เสียงร้องให้แห่งความผิดหวังของลูกผู้ชายในตัวอาร์ม ก็ออกมาทันทีพร้อมแสดงท่าทางกระวนกระวายว่าทำไมถึงไปไม่ได้ แต่ครอบครัวของ อาร์ม ก็ใจแข็งสุดๆยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ให้ไป หลังจากนั้นไม่นาน อาร์ม ก็ไม่ยอมแพ้ยังคงเดินตามความฝันของตัวเองต่อโดยการ ไปขอร้องครูที่โรงเรียน
.
ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พ่อแม่นับถือ หรือแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย จนไปถึงผู้ใหญ่บ้าน ให้มาช่วยคุยกับพ่อและแม่ครอบครัวของตัวเองให้อนุญาติให้อาร์มเดินทางไปคัดตัวที่ โรงเรียนปทุมคงคา
.
สุดท้ายพ่อและแม่ยอมใจอ่อน ในความแน่วแน่ของลูกชายจึงยอม ปล่อยลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเก็บเสื้อผ้า 5 ชุดพร้อมสตั๊ดคู่ใจ เดินทางออกจากปลายด้ามขวานทอง นั่งรถไฟฟรีมายังกรุงเทพในวัยเพียง 12 ปี เพียงคนเดียว ด้วยงบ 1,500 บาทพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องๆเก่าๆไว้โทรรายงานที่บ้าน
.
จึงเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่เด็ก วัย 12 ปีจะต้องเผชิญ ทันทีที่มาถึง กรุงเทพมหานคร อาร์ม เจอผู้คนมากมายเดินกันวุ่นวายทั่วเมืองแถมรถก็แสนติดทั่วถนนเต็มไปหมด อาร์ม ในตอนนั้นเริ่มสับสนไปหมดว่าจะไปไหนต่อดี พร้อมกับ
.
เอามือคลำกระเป๋ากางเกงเพื่อกำเงินที่มีจำนวนที่เยอะมากที่ครอบครัวให้ อาร์ม เอาไว้เดินทางกินใช้ ในตอนนั้นตลอดเวลา กอดเป้แน่น หวั่นว่าจะกลัวใครมาฉวยขโมยไป
ด้วยความที่บ้านฐานะไม่ดีนัก เงินจำนวนนี้จึงมีค่ากับ อาร์ม อย่างมาก สำหรับการมาใช้ชีวิตในกรุงเทพ
.
โดยพอตั้งสติได้ ก็รีบหารถเดินทางมาคัดตัวที่ โรงเรียน ปทุมคงคา ในทันทีโดยในหัวของ อาร์ม ในตอนนั้นคิดแต่เพียงว่า จะเป็นตายยังไงเราต้องใส่เกินร้อยมีชื่อติดโรงเรียนแห่งนี้ให้ได้ โดยเขามุ่งมั่นเต็มที่ในการคัดตัว ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก โค้ช เสรี บวกกับประสบการณ์จากแดนด้ามขวาน และความสามารถส่วนตัวถูกงัดนำมาใช้จนหมดสิ้น ด้วยความหวังที่เปล่งประกายว่า ยังไงก็ต้องมีชื่อติดทีมโรงเรียนให้ได้ จนจบวันคัดผลปรากฏว่า อาร์ม ไม่มีชื่อติด 1 ใน 9 คนที่ถูกเลือก
.
อาร์ม ได้เห็นดั้งนั้น เข่าทรุดลงกับพื้นทันทีพร้อมน้ำตาแห่งความผิดหวังที่กัดกินหัวใจของนักสู้ได้ไหลออกมาเพราะไม่ได้คิดถึงทางหนีทีไล่เลยว่าจะโทรบอกกับที่บ้านยังไงมาตั้งไกลแต่ผลสุดท้ายกลับไส่มีชื่อติด จึงได้แต่เพียงเดินคอตกกลับที่พักเพื่อเก็บเสื้อผ้าเดินทางกลับบ้านเกิดทันทีในรุ่งเช้า
.
แต่แล้วระหว่างครุ่นคิดกับชีวิตตัวเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปลายสาย จาก อาจารย์ วลลภ สนามทอง ได้บอกกับ อาร์ม ว่า ที่จริงเองมีชื่อติดโควต้านักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนปทุมคงคา เป็นคนที่ 10 สุดท้าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ลืมใส่ชื่อ หลังจากนี้ให้เดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อมกินนอนเรียนฟรีอยู่ที่โรงเรียนเพื่อไปแข่งในรายการต่างๆ
.
หลังจากสิ้นเสียงโทรศัพท์ลง ลมหายใจของ อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด ได้หยุดชะงักไปชั่วขณะ พร้อมรอยยิ้ม และ ท่ากระโดดโลดเต้นไปรอบห้องอย่างไม่รู้ตัว คราบน้ำตายังเลอะอยู่บนหน้า แต่หัวใจเตลิดไปหาพ่อกับแม่เพื่อที่จะได้บอกข่าวดีให้ได้รับรู้กัน หลังจากที่ตั้งสติได้ อาร์ม จึงได้หยิบโทรศัพท์เครื่องๆเก่าที่ครอบครัวให้พกติดตัวมาโทรกลับไปบอกข่าวดีที่บ้านว่า ตัวเขาเองมีรายชื่อติดทีมโรงเรียนแล้วนะครับผมทำสำเร็จแล้ว พร้อมกะบความยินดีและปลื้มปิติของครอบครัวที่ภูมิใจในตัวอาร์ม
.
หลังจากที่ อาร์ม ได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลของ โรงเรียนปทุมคงคา แล้ว โดยได้ถูกคัดเกลา จากสุดยอดโค้ชอย่าง อาจารย์ วัลลภ สนามทอง ที่ได้แนะนำแนวทางในการเล่นฟุตบอลการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่และปลุกปั้นจน อาร์ม โชคโชนในเส้นทางนักฟุตบอลมากขึ้น จนได้มีโอกาสใตเต้าไปสู่นักฟุตบอลอาชีพ นี้เป็นเพียงประวัติคร่าวๆของ อาร์ม นะครับโดยในปัจจุบัน อาร์ม ศุภชัย เป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่าเต็มตัว
.
เขาโลดแล่นอยู่ในเวทีไทยลีกอย่างเต็มภาคภูมิ ค้าแข้งอยู่กับสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่มีเงินเดือนที่สามารถเลี้ยงตัวเองและส่งกลับให้ครอบครัวที่บ้านใช้ด้วย อีกทั้งยังซื้อบ้านเป็นของตัวเองจากน้ำพักน้ำแรงที่มาจากฟุตบอลล้วนๆ
โดยข้อคิดที่ได้จากประวัติของ อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด นั้นก็คือ
ยามท้อแท้คือนึกถึงหน้าพ่อแม่เข้าไว้ตั้งใจเหลือเกินจะไม่ทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังเลย
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย