14 มี.ค. 2021 เวลา 11:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
" เปิดพอร์ตหุ้น " ที่ไหนดี? จะเปิดพอร์ตต้องทำยังไง?
เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหน เป็นคำถามยอดฮิตของคนเริ่มเล่นหุ้นที่ผมเจอ ซึ่งการเล่นหุ้นของแต่ละคนก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งสาย VI หรือสายเทคนิค ชอบซื้อขายเองหรือให้มาร์เก็ตติ้งทำการซื้อขายให้ บทความนี้ผมขอแชร์วิธีการเลือกเปิดพอร์ตหุ้นจากประสบการณ์ของผมเองให้ได้อ่านกัน
1
เริ่มแรกเลยผมก็ใช้ Google นี่แหละค้นหารายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วลองหาดูว่ามีโบรคเกอร์ไหนที่เคยมีปัญหากับลูกค้า ทำผิดเงื่อนไข หรือระบบล่มบ่อยๆ ผมก็จะตัดออกเลยทันที
สิ่งต่อไปที่ผมดูก็คงหนีไม่พ้นค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นหรือค่าคอมมิสชั่นที่ทางโบรคเกอร์เรียกเก็บ ผมจะเลือกแบบถูกๆไว้ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแต่ละที่ก็จะใกล้เคียงกัน
แต่บางโบรคเกอร์ก็จะมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ผมอยากให้ระมัดระวังตรงนี้ให้ดีถ้าพอร์ตเรายังไม่ได้ใหญ่มาก ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติเราทำการซื้อขายหุ้นรวมใน 1 วัน คือ 10000 บาท โบรคเกอร์ติดค่าคอมมิสชั่นเรา 0.2% ดังนั้น ค่าคอมมิสชั่นที่เราต้องจ่ายคือ 20 บาท สมมุติโบรคเกอร์ที่เราใช้มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน แทนที่เราจะเสียตามจริง 20 บาท กลายเป็นต้องเสีย 50 บาท
ซึ่งถ้าใครเป็นมือใหม่เงินน้อยๆ ซื้อขายต่อวันไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ผมแนะนำให้เลือกโบรคเกอร์ที่เค้าไม่คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำไว้ก่อน แต่ถ้าใครซื้อขายหุ้นเกินค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่แล้วก็ไม่ต้องดูเรื่องนี้เลยก็ได้
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะดูเรื่องค่าธรรมเนียมอย่างเดียวนะ เวลาผมเลือกโบรคเกอร์ผมจะดูของแถม บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกที่จะได้จากทางโบรคเกอร์ เช่น บทวิเคราะห์ เครื่องมือ/โปรแกรมในการเทรด เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เราต้องชั่งน้ำหนักเอาเองว่าเราต้องการอะไร บางทีการเสียค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพื่อแลกกับสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้อาจจะคุ้มกว่าก็ได้
และสิ่งสุดท้ายที่ผมจะดูคือ ความสะดวกสบายในการฝากถอนเงิน ซึ่งแต่ละโบรคเกอร์ก็จะมีความยากง่าย ช้าเร็ว แตกต่างกันไป
เมื่อรู้แล้วว่าจะ " เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหน " ต้องทำยังไงต่อ?
เดี๋ยวนี้โบรคเกอร์ส่วนใหญ่สามารถให้เราเปิดพอร์ตออนไลน์ได้เลย แค่เข้าไปกรอกใบสมัครบนเวปไซต์ของโบรคเกอร์นั้นและพิมพ์เอกสารออกมาเซ็นต์ชื่อ แล้วส่งไปรษณีย์ไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ผมว่าวิธีนี้สะดวก ไม่ต้องเดินทาง เป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้ว หรือถ้าสะดวกก็เดินทางไปเปิดพอร์ตที่โบรคเกอร์ได้เลย ถ้าเรากลัวจะพลิดพลาดหรือได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
ส่วนเอกสารที่ต้องเตรียมทั่วไป คือ
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาหน้า Book bank
4. ค่าอากรณ์แสตมป์ 30 บาท
5. อาจจะมีอื่นๆอีก ลองโทรถามโบรคเกอร์ที่เราจะไปเปิดบัญชีอีกครั้งนึง
หลังจากนั้นเราก็รอโบรคเกอร์ส่ง Username และ Password มาให้เราซัก 1-2 อาทิตย์ แล้วเริ่มเทรดตามวิธีที่เราศึกษากันมาได้เลย แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะเทรดหุ้น เราควร ทำความรู้จักตลาดหุ้น กันก่อน รวมถึงวิธีการ ดูหุ้นว่าตัวไหนดีหรือไม่ เราจะได้เทรดหุ้นได้อย่างมีความสุขและได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำนั่นเอง
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกๆ คน ที่แวะเข้ามาอ่านกันนะครับ
ฝากกดติดตามและกดแชร์ เพจเม่าเล่าเรื่องหุ้น กันด้วยนะครับ
เขียนบทความโดย : เม่าเล่าเรื่องหุ้น
โฆษณา