Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักบุญหนุ่มเฝ้าสนาม
•
ติดตาม
16 มี.ค. 2021 เวลา 14:11 • กีฬา
การบ้านกองใหญ่ของราล์ฟ
ไปๆ มาๆ ผมชักอยากให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บนเครื่องหมายดอกจันว่า ทีมต้องไม่ตกชั้นนะครับ เพราะฤดูกาลนี้ ปัญหาที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเซาธ์แฮมป์ตันมันเกิดขึ้นเยอะจริงๆ
ความพ่ายแพ้ต่อเนื่องอีกครั้งให้กับไบรท์ตัน 1-2 ในเกมคู่แรกของพรีเมียร์ลีก ประจำวันอาทิตย์ มันสะท้อนให้เห็นว่า เซาธ์แฮมป์ตันของเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่ยิ่งโดยแท้จริง
สารภาพอย่างหนึ่งว่า SFC Playbook ที่ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล คิดค้นในช่วงกักตัวจากไวรัสโควิด-19 ช่วงเมษายนปีก่อน และได้ถูกนำไปปรับใช้กับทีมชุดบี และชุดเยาวชนของเซาธ์แฮมป์ตัน เป็นหนึ่งในไบเบิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอล
เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ทีมเล็กระดับเซาธ์แฮมป์ตันจะเล่นฟุตบอลเป็นทรงขนาดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมีด้านบวกก็ต้องมีด้านลบ มีขาวก็ต้องมีดำ มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ซึ่ง SFC Playbook ก็หนีสัจธรรมนี้ไม่พ้นเช่นกันครับ
ฟุตบอลของราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล เป็นฟุตบอลที่เน้นความเข้มข้นสูง วิ่งไล่กดดันคู่แข่งอย่างหนักหน่วง เพียงแต่มันเกิดคำถามขึ้นเหมือนกันอย่างน้อยๆ ก็ผมคนหนึ่งว่า หรือที่จริงแล้ว SFC Playbook ของราล์ฟ มันจะเหมาะสมแค่ในบุนเดสลีกา หรือมันเป็นเพราะตอนนี้เรากำลังเผชิญกับโควิด-19 รอให้มันคลี่คลาย สถานการณ์ของไบเบิลเล่มนี้ ก็อาจดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะบุนเดสลีกาเป็นลีกฟุตบอลที่มีการ “พักครึ่งฤดูกาล” ที่ยาวนาน ส่งผลให้พละกำลังของนักฟุตบอลภายในทีมกลับมาเต็มถัง หรืออย่างน้อยๆ ก็สัก 70-80 เปอร์เซ็นต์
ตรงกันข้ามพรีเมียร์ลีก เป็นลีกฟุตบอลที่หฤโหดเหลือเกิน แม้เวลานี้จะมีพักครึ่งให้หยุดพักหายใจหายคอบ้าง แต่มันก็ไม่นาน ประมาณแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้พละกำลังของนักฟุตบอลกลับมาอยู่ในสภาพพร้อมรบ
นั่นจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยว่า SFC Playbook อาจไม่ได้ผลยั่งยืนโดยที่ผลงานของทีมยังคงแข็งแกร่งไปจนจบฤดูกาล โดยที่ยังไม่มีแผนสองแบบให้เห็นแบบจับต้องได้
ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมว่า ในช่วงที่พวกเราอยู่อันดับจ่าฝูง หรืออยู่อันดับเลขตัวเดียวบนตารางการแข่งขันอันยากลำบากของพรีเมียร์ลีก เป็นเพราะทีมของเราอยู่ในสภาวะที่นักเตะกำลังฟิต ร่างกายกำลังสดใหม่ แข็งแรง ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ
เพียงแต่เมื่ออาการบาดเจ็บเข้ามา โควิด-19 เริ่มถามหา สภาพร่างกายเริ่มถดถอย กลายเป็นว่าปัญหาของเซาธ์แฮมป์ตันเริ่มถูกเปิดแผลทีละนิด และกลายเป็นเรื่องใหญ่ นั่นคือเรื่องของ Squad Depth ที่ตื้นเหลือเกิน
แม้ว่า ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล จะเคยให้สัมภาษณ์กับเดลี เอคโค สื่อท้องถิ่นในเมืองแดนใต้ว่าในฤดูกาลหน้าทีมจะเพิ่มความหนาของ Squad Depth แต่คำถามคือ ทีมเรามีเงินเหลือแค่ไหนในการซื้อตัวนักเตะเสริมทัพสำหรับฤดูกาลหน้า
แน่นอนว่ากรณีนี้ ไม่ได้นับรวมถึงอาการบาดเจ็บของนักเตะที่เป็นเรื่องปกติของวงการฟุตบอลอยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ของโลกต้องไม่ลืมว่ามันมีเรื่องของภาวะโควิด-19 เข้ามาแทรกซ้อนอีกด้วย นั่นจึงยิ่งทำให้ SFC Playbook ของเซาธ์แฮมป์ตันยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
พร้อมกันนี้ สิ่งที่เซาธ์แฮม์ตันจะต้องทำทันที ในกรณีที่ทีมยังรักษาสถานภาพการเป็นทีมระดับพรีเมียร์ลีกเอาไว้ นั่นคือ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทีม
ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริหารของเดอะ เซนต์ จะเอายังไงกับสถานการณ์ของแดนนี อิงส์ กองหน้าคนสำคัญ จะปล่อยหรือยื้อให้อยู่กับทีม ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้อิงส์เหลือสัญญากับสโมสรน้อยกว่า 2 ปีแล้ว
ประกอบกับผลงานของแดนนี อิงส์ ฤดูกาลนี้ แม้จะโอเค แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บกลับมาเวียนแวะเคาะประตูหน้าบ้านแดนนี อิงส์ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กลายเป็นเครื่องหมายคำถามทันทีว่า เราจะยังควรเก็บกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมไว้หรือไม่?
เท่านั้นยังไม่พอ ตำแหน่งฟูลแบ็กที่เป็นสุดยอดของปัญหาของทีม ชัดเจนว่า เซาธ์แฮมป์ตันต้องการแบ็กขวาสำรองที่ทำหน้าที่ซัพพอร์ทไคล์ วอล์กเกอร์-ปีเตอร์ อย่างน้อยหนึ่งคน ตามด้วยแบ็กซ้ายอีกหนึ่งคนที่จะทำหน้าที่เป็นตัวจริงแทนไรอัน เบอร์ทรานด์ หรือทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนให้กับอดีตฟูลแบ็กเชลซีผู้นี้
นอกเหนือจากนี้ ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ทีมจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอย่างน้อยสักคนหนึ่ง
คำถามคือเพราะอะไร?
เท่าที่ผมสังเกตดู จะเห็นได้ว่า ลูกทีมของราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล มักจะมีปัญหาเรื่องจิตใจทันทีที่ทีมตามหลัง ไปจนถึงเวลาที่ทีมตามหลังเยอะๆ แล้วจะเกิดอาการถอดใจ ไม่สู้
ยกตัวอย่างง่ายๆ ในเกมที่แพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 เกมที่แพ้ทอตแนมฮ็อต สเปอร์ 5-2 จะเห็นได้ว่า นักเตะของทีมค่อยๆ ถอดใจ พอถอดใจก็นำมาสู่การเสียประตูที่มากมายต่อเนื่อง
มิหนำซ้ำ เมื่อเราลองไล่เลียงนักเตะที่ถือว่าพอมี Influence ต่อทีม นักเตะที่มี Mentality สูงๆ กลับพบว่า เซาธ์แฮมป์ตันไม่มีนักเตะประเภทนี้เลย
ในอดีต เซาธ์แฮมป์ตันมีนักเตะอย่างโชเซ ฟอนเต, ริคกี แลมเบิร์ต, มอร์กาน ชไนเดอร์ลิน หรือแม้แต่อดัม ลัลลานา แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าเรามีนักเตะระดับผู้นำทั้งในและนอกสนามน้อยเหลือเกิน ผมคิดว่าจริงๆ ตอนนี้เรามีแค่ยานนิก เวสเตอร์การ์ดคนเดียวด้วยซ้ำ
ขณะที่เจมส์ วอร์ด-เพราวส์ กัปตันทีม ไม่ได้เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลกับทีมมากขนาดนั้น เพียงแต่วอร์ด-เพราวส์ เป็นนักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี เป็นสัญลักษณ์ของทีม แต่ไม่ได้เป็นบุคคลระดับที่สามารถนำทีมได้ในทุกสภาวะ ทุกเหตุการณ์ ได้เหมือนกับอดีตนักเตะที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น
สุดท้ายถ้าจะถามว่าราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล คือคนที่ใช่ของเซาธ์แฮมป์ตันหรือไม่ ก็คงต้องบอกว่า “ใช่” เพราะหากเราไม่นับยุคของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน หรือโรนัลด์ คูมัน ต้องยอมรับว่าฟุตบอลของราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ดูเป็นทรงชัดเจนและมีคุณภาพที่จับต้องได้มากที่สุดแล้ว เพียงแต่ระยะเวลาในการ RISE ของเซาธ์แฮมป์ตัน คงต้องดีเลย์ออกไปอีกหลายฤดูกาล
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย