17 มี.ค. 2021 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เครื่องหมายท้ายชื่อหุ้น แต่ละตัวคืออะไร?
นักลงทุนมือใหม่อาจสงสัยถึงตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่ต่อท้ายชื่อหุ้น บางวันก็มี บางวันก็ไม่มี แล้วหุ้นบางตัวก็มีตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ไม่เหมือนกันอีก ซึ่งตัวอักษรพวกนี้ คนใหญ่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า “เครื่องหมายหุ้น”
เครื่องหมายหุ้น สามารถออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการซื้อหุ้น
2. กลุ่มที่ให้ข้อมูลว่าหุ้นมีการซื้อขายที่ผิดปกติ
3. กลุ่มที่แจ้งเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย
ซึ่งเครื่องหมายหุ้นมีอยู่เยอะแยะมาก ดังนั้น เราจะขอดึงมาแต่ตัวที่เด่นๆ พบเห็นได้บ่อยครั้ง จะมีตัวอักษรอะไรบ้าง แต่ละตัวหมายถึงอะไร จะส่งผลต่อหุ้นตัวนั้นอย่างไรบ้าง ตามมาอ่านกันต่อได้เลยค่ะ
XD (Excluding Dividend) หมายถึง ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล
XR (Excluding Right) หมายถึง ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่
XW (Excluding Warrant) หมายถึง ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์
XM (Excluding Meetings) หมายถึง ผู้ซื้อไม่มีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น
C (Caution) หมายถึง บริษัทที่มีความเสี่ยงด้านฐานะการเงิน งบการเงินหรือลักษณะธุรกิจ นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการลงทุน
H (Trading Halt) หมายถึง การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว เป็นเวลาไม่เกินหนึ่งรอบการซื้อขาย เพราะอาจมีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น แต่บริษัทยังไม่ได้แจ้งข้อมูล หรืออยู่ระหว่างรอเปิดเผยข้อมูล หรือมีเหตุอื่นที่อาจกระทบต่อการซื้อขายอย่างร้ายแรง
SP (Trading Suspension) หมายถึง การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว เป็นเวลาเกินหนึ่งรอบการซื้อขายจนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง สาเหตุเหตุเนื่องจากจากบริษัทยังไม่สามารถชี้แจงหรือเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ หรืออาจฝ่าฝืน ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งไม่ส่งงบการเงินให้ภายในเวลากำหนด
NP (Notice Pending) หมายถึง บริษัทมีข้อมูลที่ต้องรายงาน และตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท
NC (Non-Compliance) หมายถึง บริษัทที่เข้าข่ายการถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ST (Stabilization) หมายถึง บริษัทดังกล่าวมีการซื้อหุ้น เพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน
T1 (Trading Alert Level 1) หมายถึง ระดับ 1 ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น โดยเครื่องหมาย T1 จะถูกขึ้นเครื่องหมายเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์หลังจากวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศ
T2 (Trading Alert Level 2) : ระดับ 2 ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น และห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย โดยหลังจากหุ้นตัวนั้นติด T1 หรือพ้นระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการ T1 ไปแล้วไม่เกิน 1 เดือน แต่ยังเข้าเกณฑ์ Trading Alert list ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะถูกเพิ่มให้เป็น T2
T3 (Trading Alert Level 3) : ระดับ 3 ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และห้าม Net Settlement (ห้ามหักกลบค่าซื้อขายในวันเดียว) โดยถ้าหุ้นติดT2 หรือพ้นระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการ T2 ไปแล้วไม่เกิน 1 เดือนแต่ยังเข้าเกณฑ์ Trading Alert list ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 จะถูกเพิ่มให้เป็น T3
ฝากติดตามเพจ Cashury - เพจความรู้พื้นฐานด้านการเงินการลงทุน
1
ติดตาม Cashury ผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ที่
#Cashury #Investment #FinancialAdvisor #Finance #ลงทุน #การเงิน #มือใหม่เริ่มต้นลงทุน #พื้นฐานการลงทุน #หุ้น #เครื่องหมายหุ้น #เครื่องหมายท้ายหุ้น #XD #XR #XM #XW #ติดCashBalance
โฆษณา