17 มี.ค. 2021 เวลา 04:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
18 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนดู Zack Snyder's Justice League
นับถอยหลังอีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นครับ สำหรับ Zack Snyder's Justice League ที่มีกำหนดฉายทางสตรีมมิ่งอย่าง HBO Max ในวันพรุ่งนี้เวลาบ่ายสองโมงตรง และเพื่อเป็นการโหมโรงก่อน เราก็จะมาพูดถึง 18 เรื่องที่คุณควรรู้ก่อนดูตัวหนัง Justice League ตามวิสัยทัศน์ของ แซ็ค สไนเดอร์ ครับ
- ตัวหนังจะมีฉากเปิดพิเศษอย่าง Mother Box Origins ที่ผสมผสานเรื่องราวของฮีโร่แต่ละตัวให้กลายเป็นสมมติเทพ ซึ่งในฉากเปิดนี้จะมี easter eggs ให้แฟนได้เฝ้าสังเกตเป็นล้านอย่าง
 
- สำหรับ แซ็ค แรงสนับสนุนจากแฟน ๆ คือส่วนสำคัญที่เร่งเร้าให้ Warner Bros. ได้อนุมัติให้เขาสร้างตัวหนังตามวิสัยทัศน์ของเขาออกมาได้
 
- ตัวหนังจะมาพร้อมบทเล่ารวมทั้งสิ้น 6 บท ได้แก่ Part 1: Don't Count On It, Batman, Part 2: The Age of Heroes, Part 3: Beloved Mother, Beloved Son, Part 4: Change Machine, Part 5: All the King's Horses และ Part 6: Something Darker
 
- ถึงแม้ตัวหนังฉบับนี้จะมีความยาวสุทธิ 242 นาทีหรือ 4.02 ชั่วโมง แต่ แซ็ค สไนเดอร์ ก็เคยพูดมาแล้วว่า มีตัวหนังฉบับที่ยาวกว่านี้หลายเท่าแต่เขาและมือตัดต่ออย่าง เดวิด เบรนเนอร์ ได้ทำการตัดทอนเนื้อหาให้กระชับขึ้นเพื่อให้อยู่ภายใต้เวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งฉบับที่จะได้ฉายนี้เป็นฉบับที่สมบูรณ์สำหรับเขาแล้ว
 
- เนื้อหาใน Zack Snyder's Justice League จะช่วยเติมช่องว่างในเรื่องราวบางส่วนที่ แซ็ค ไม่เคยคิดจะสามารถทำได้
- หนึ่งในเรื่องราวที่ แซ็ค ตื่นเต้นมากที่จะนำเสนอคือ เรื่องราวภูมิหลังของ Cyborg โดยกล่าวว่า
"ภูมิหลังของ Cyborg ถือเป็นส่วนสำคัญของหนังเลย อีกทั้งเรื่องราวของเขาก็สำคัญ มีฉากเท่ ๆ มากมายที่เราได้ถ่ายทำและสร้างมันออกมา ซึ่งผมตื่นเต้นรอคอยให้แฟน ๆ ได้เห็นมาก ๆ "
"ทุกสิ่งทุกอย่างหักหลังเขา ทุกสิ่งทุกอย่างไปเพิ่มความเสี่ยงที่เขาเห็น รวมถึงเหตุการณ์ที่ตกตามตรงหน้าเขาในเนื้อหาของหนัง เขาเป็นตัวละครที่น่าอัศจรรย์และมันก็ยอดเยี่ยมที่เราได้เห็นตัวละครในแบบที่ต้องการ ซึ่งคุณจะตระหนักเลยว่า Cyborg คือยอดของภูเขาน้ำแข็งของเรื่อง ฉะนั้นใครจะรู้ล่ะ?"
 
- แซ็ค เผยว่า หนังฉบับใหม่นี้จะเล่าถึงตัวละครในทีม Justice League ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางไปเป็นตัวหนังฉบับปี 2017
"ตัวหนังฉบับนี้เสร็จสิ้นก่อนที่ฉบับนั้นจะได้ถ่ายเสียอีก ฉะนั้นผมเลยยึดมั่นตามแนวทางที่ผมเห็น คุณสามารถมอง Snyderverse เป็นเรื่องราวอีกฉบับนึงของฮีโร่ DC เลยก็ได้ ผมรักในสิ่งที่แพตตี้ เจนกินส์ และ เจมส์ วาน กับหนังของพวกเราและมันสนุกมาก แต่ในส่วนของผม ผมคิดว่า นี่คือสิ่งที่เป็นเอกเทศของมันและมันไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับสิ่งใด ผมเลยจะทำในสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำไว้ตั้งแต่แรก"
 
- นอกจากนี้ตัวหนังจะพูดถึง ภูมิหลังของ Batman ในฉบับของเขาผ่านการกรำศึกปราบอาชญากรรมมากว่า 20 ปี ซึ่งนำมาสู่ศีลธรรมเทา ๆ ในตัวซึ่งเราจะได้เห็นตัวตนด้านนี้ในหนัง
"ในตอนแรกบรูซของเรามีคุณธรรมที่สูงส่งในช่วงที่เขาเริ่มทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยในก็อธแทมเมื่อ 20 ปีก่อนอีก แต่เขาได้เห็นความโหดร้ายต่าง ๆ มากมายหลายปีและผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้นหลอมรวมเขาไปแล้ว ทั้งการตายของโรบินและอื่น ๆ ผมคิดว่าเขาได้เจอตัวเองอยู่ในมุมมืดแต่ ใช่ ประเด็นทั้งหมดคือความตายของซูเปอร์แมนที่ทำให้เขาหลุดออกจากที่ตรงนั้นและพาเขาไปสู่จุดที่เขาต้องรวมทีม Justice League และสวมผ้าคลุมทำหน้าที่ของเขา"
 
- แซ็ค ยังพูดถึงการตัดสินใจให้ Superman กลับมาด้วยชุดดำ ซึ่งต้องถกเถียงกับทางสตูดิโออย่างหนักในหนังต้นฉบับ
"ผมสนับสนุนความคิดชุดดำอย่างมาก แต่พวกเขาไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ พวกเราถกกันหลายครั้งจนผมคิด 'โอเค ให้ผมลองถ่ายบางอย่างได้ไหมเพื่อที่ผมจะได้ให้เขาได้ใส่ชุดดำและดูกันว่าผลจะเป็นยังไง' เราเลยวางแผนการถ่ายทำที่เราสามารถแปลงสีชุดให้เป็นสีดำได้ โดยใช้ชุดปกติที่เรามีไปเปลี่ยนให้กลายเป็นสีดำเงินแบบที่เราเห็นในหนัง"
 
- แซ็ค ยังรู้สึกเหนือจริงด้วยซ้ำ เมื่อได้กลับไปถ่ายทำเพิ่มเติมในฉาก Superman ชุดดำ
2
"มันรู้สึกเท่มาก ใช่ ผมต้องยอมรับ หนึ่งในไม่กี่สิ่งที่เราทำแรก ๆ คือการถ่ายทดลองแบบเร็ว ๆ เพื่อมั่นใจได้ว่า เรามีสิ่งที่เราต้องการแล้ว ตอนที่เราเห็นชุดดำ เราต่างมานั่งคิดว่า 'ว้าว เราได้ทำอย่างนี้จริง ๆ เหรอ?'"
- ตัวละคร Joker ของ จาเร็ด เลโต้ ปรากฎตัวในเรื่องด้วยโฉมหน้าใหม่ในหน้าฉากโลกหลังกาลล่มสลาย ซึ่งเป็นฉาก Knightmare ที่ Batman เคยเห็นในหนัง Batman v Superman ซึ่งฉากของ Joker นี้ไม่มีในบทดั้งเดิม แต่ แซ็ค ได้ใส่เข้าไปในฉากถ่ายเพิ่มเติมเพื่อทำตามคำสัญญาที่หวังจะให้ตัวละครตัวนี้อยู่ในจักรวาลและให้ ตัวละคร Batman และ Joker มาเผชิญหน้ากัน
"ผมอยากที่จะให้เขาอยู่ในฝันร้ายของโลกความจริง และมันเป็นโอกาสที่ดี ที่ผมได้พูดคุยกับ จาเร็ด และเขาก็สนใจที่จะมาถ่ายทำ ผมเคยคิดว่า โอเค นี่เป็นสิ่งที่ผมจะปล่อยผ่านไม่ได้"
 
- ตัวละครของ Deathstroke ของ โจ แมนกาเลียลโล ปรากฎตัวในเรื่องด้วยเช่นกัน แต่ความสัมพันธ์ของเขาในฐานะตัวร้ายที่ทำงานร่วมกัยบฮีโร่ คือ การทำข้อสัญญากันในฐานะหุ้นส่วนเพื่อนร่วมงาน
"พวกเขาแค่ทำงานร่วมกัน เพื่อพยายามคิดว่า จะเอาชีวิตรอดในโลกใบนั้นยังไง เพราะมันมีศัตรูตัวฉกาจกว่า"
 
- ตัวละคร Darkseid ตั้งใจถูกวางไว้ให้เป็นตัวร้ายหลักใน Justice League 2 แต่ แซ็ค ก็เผยว่า Darkseid จะเป็นตัวละครสำคัญในตัวหนังฉบับนี้เช่นกัน
"เขาถูกวางให้เป็นตัวร้ายในภาคต่อแต่แรก แต่เขาจะมีส่วนสำคัญอย่างแน่นอน เขาเดินเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาอยู่ในเรื่องเลย ผมไม่อยากจะสปอยล์อะไรอีก แต่ใช่ เขาอยู่ในเรื่องแน่นอน"
- นอกจากนี้ตัวละคร Darkseid ในหนังเปี่ยมด้วยแรงจูงใจแบบฉบับมนุษย์และไม่ได้มาเพียงเพื่อจะครอบครองโลก
"เขาวางหมากขณะอยู่อีกที่นึง แต่มันมีสิ่งนึงในอดีตที่เกิดกับเขาและเขาไม่พอใจมันมาก ๆ จนทำให้เขาเจ็บปวด มันทำให้เขาเปลี่ยนแปลงจนเขาหาทางจะทำสิ่งนี้ให้ถูกต้อง ฉะนั้นผมเลยคิดว่า มันมีความแตกต่างเล็กน้อยสำหรับตัวละครนี้ ซึ่ง เรย์ พอร์ตเตอร์ ทำหน้าที่พากย์เสียงได้ดีมาก"
 
- ทั้งนี้ความสัมพันธ์ที่ Darkseid มีกับ Steppenwold จะมีความซับซ้อนอย่างน่าสนใจ ซึ่งมันจากผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เคยมีในอดีตอีกด้วย
 
- จะมีตัวหนังฉบับขาวดำที่ใช้ชื่อว่า Justice is Gray ออกมาในภายหลังอีกด้วย ซึ่ง แซ็ค สนับสนุนและหวังจะให้ฉบับนี้ถูกฉายออกมาในภายหลัง ซึ่งตัวหนังจะถูกปล่อยออกมาใน HBO Max เช่นกัน แม้ยังไม่มีกำหนดทางการในตอนนี้เลยก็ตาม
 
- แซ็ค ยังเผยด้วยว่า ตัวหนังจะจบลงแบบค้างคาอย่างใหญ่หลวง เหตุเพราะตัวหนังเดิมตามแผนของเขาที่วางไว้ให้มีหนัง Justice League อีกหลายภาค แต่แผนนี้ถูกเปลี่ยนไปในภายหลัง
"มันถูกวางไว้ให้มีหนังต่ออีกสองภาค ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่ได้วางแผนไปถึงหนังเรื่องอื่น ๆ เลยนอกจากการเปรยถึงโลกใบอื่นที่คุณคาดหวัง ผมเลยวางปมไว้ในสิ่งที่ผมตั้งใจอยากทำมาตั้งแต่แรกในหนังเรื่องนี้ มันมีทิ้งไว้อยู่จริง ๆ แต่ในสิ่งที่แฟน ๆ คาดการณ์ มันก็จะถูกหยิบมาเล่าถ้ามันได้สร้าง แม้ว่ามันจะไม่มีความเป็นไปได้ก็ตาม"
 
- กระนั้นเอง แซ็ค ก็ยังไม่ยืนกรานว่า ถ้าในอนาคตมีการสร้าง Justice League 2 เขาจะรับข้อเสนอเพื่อกลับมากำกับ
1
"ผมคงจะเชื่อต่อเมื่อผมเห็น และผมดีใจที่จะข้ามสะพานนี้ไปตอบตกลง เมื่อมันเกิดขึ้นจริง ๆ"
Zack Snyder’s Justice League เล่าเรื่องหลังเหตุการณ์ใน BvS ที่ Superman ตายจากผลพวงของการต่อสู้กับ Doomsday เปิดช่องและโอกาสให้ศัตรูจากต่างภพเข้ามาโรมรันโลก บรูซ เวย์น เห็นดังนั้นจึงเตรียมพร้อมรวมพลังฮีโร่เพื่อปกป้องโลก
หลังทุ่มงบกว่า 70 ล้านเหรียญเพื่อใช้ในการตัดต่อ, ประพันธ์ดนตรีประกอบ รวมถึงเนรมิตงานซีจีเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีการถ่ายทำฉากใหม่เพื่อเพิ่มฟุตเทจเข้าไปจากของเดิม ทำให้ตัวหนังจะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ยาวที่สุดด้วยความยาวร่วม 4 ชั่วโมง อีกทั้งยังจะมาพร้อมเรทอาร์อีกด้วย
Zack Snyder’s Justice League มีกำหนดฉายผ่านสตรีมมิ่ง HBO Max ในวันที่ 18 มีนาคม 2021 เวลาบ่ายสองโมงตรง ซึ่งสำหรับในประเทศไทยสามารถรับชมผ่านแอป HBO Go ได้เช่นเดียวกันครับ
โฆษณา