มหัศจรรย์แห่งถ้ำพญานาคา ตอนที่1
(โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ)
ความเป็นมาของถ้ำแห่งนี้ถูกพบเจอโดยพระธุดงค์รูปหนึ่ง ที่ท่านได้เกิดนิมิตว่ามีกลุ่มชายหญิง เข้ามาหาแล้วนิมนต์ให้ท่านมาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้โดยได้บอกตำแหน่งที่อยู่ให้ท่านทราบ เมื่อท่านตกปากรับคำและได้เดินธุดงค์มาเรื่อยๆจนถึงยังจุดหมายปลายทาง
เมื่อท่านมาเดินทางมาถึง ก็พบว่าถ้ำแห่งนี้มีปากทางเข้าที่เล็กมากไม่สะดวกต่อการเข้าออก ท่านจึงปักกลดด้านนอกถ้ำ แล้วค่อยๆ ทำการเปิดปากถ้ำ โดยทำการทุบปากถ้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่หลายเดือนอยู่พอสมควร จึงสามารถเปิดปากถ้ำให้กว้างมากพอที่จะเข้าออกได้สะดวกขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ท่านก็เริ่มมีคนลูกศิษย์ลูกหามากขึ้น บางคนก็ช่วยออกทุนทรัพย์ให้ท่านเพื่อทำให้ถ้ำมีพื้นที่กว้างมากพอให้สะดวกต่อการใช้สอยมากขึ้น
ความแปลกของถ้ำแห่งนี้คือในตอนกลางคืนภายนอกถ้ำนั้นมียุงค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าได้ยินเสียงยุงบินหึ่งแบบรอบทิศทางเลยทีเดียว แต่พอเข้าไปในด้านในของถ้ำกลับไม่มียุงแม้แต่ตัวเดียว แถมอากาศด้านในก็เย็นสบาย
ความแปลกเรื่องต่อมาคือด้านบนผนังของถ้ำนั้น
มีลักษณะเหมือนรอยเท้าคนอยู่บนนั้นโดยเชื่อกันว่า
เป็นรอยพระพุทธบาท
ก่อนที่พระท่านจะพาลงไปเที่ยวชมส่วนต่อไปของถ้ำ
ท่านได้นำรูปถ่ายที่ลูกศิษย์ของท่านได้ถ่ายเก็บไว้ให้ ซึ่งภาพโดยส่วนใหญ่จะเป็นภาพก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์ต่างๆ เช่น หัวจระเข้,หัวช้างสามเศียร, ตั่งที่นั่ง, กบขนาดใหญ่ แต่แปลกตรงที่ตาของกบนั้นมีสีแดงปรากฏอยู่ด้วย, และยังมีภาพแปลกอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมากๆคือ รูปสุดท้าย ที่เป็นรูปถ่ายของท่านเองได้นั่งหันหลังเข้าผนังถ้ำ โดยจุดเทียนเพียง 2 เล่ม ซ้ายขวาแต่ทว่าในภาพถ่ายนั้นกลับมีฉัตรเงินฉัตรทอง 9 ชั้น วางอยู่ชิดกับผนังของถ้ำ ได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อวิเคราะห์ดีๆ แล้ว ความสูงจริงๆ ของฉัตรทั้งสองนั้น ไม่สามารถนำเข้ามาวางตรงจุดนั้นได้อย่างแน่นอน นอกเหนือจากฉัตรแล้ว ยังมีเทียนทั้งสองข้าง ที่ท่านได้จุดไว้ แสงเปลวเทียนนั้น ได้พุ่งขึ้นเป็นสายยาวๆ จนเกือบที่จะชนผนังของถ้ำ ถ้าหากย้อนกลับเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา โปรแกรมตัดต่อรูปภาพยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากกล้องในสมัยนั้น ยังเป็นกล้องแบบม้วนฟิล์ม จึงเป็นวิธีการที่ค่อนข้างยากมากที่จะทำให้มีแสงแบบที่เกิดในภาพได้
เมื่อดูภาพเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็ได้พาทุกคนลงไปเที่ยวชมภายในถ้ำ ตามจุดต่างๆ ต้องยอมรับว่าของจริงกับภาพที่เห็นได้ดูมาก่อนหน้านี้นั้น ของจริงช่างมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูก เหมือนต้องมนต์สะกด แต่ยังมีอีก 2 สิ่งที่ท่านไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ได้ดูนั้นก็คือ
1. แป้งพิษพญานาค : ผนังถ้ำ ตรงจุดนึง มีลักษณะขาวโพลน อย่างประหลาด เมื่อลองเอามือไปสัมผัสดู ปรากฏว่าผิวของผนังถ้ำนั้น ได้หลุดติดมือออกมามีลักษณะเป็นผงเหมือนแป้ง บางครั้งเมื่อแกะออกมาก็หลุดติดมือมาเป็นก้อน
พระท่านได้บอกว่าตรงจุดนี้ได้มีพญานาคได้มาคายพิษใส่ก้อนหินไว้ ทำให้ก้อนตรงนี้กลายเป็นอย่างที่เห็น ซึ่งถ้าใครอยากได้ให้ขออนุญาตจากท่านก่อน ห้ามนำไปโดยพละกาล เพราะเคยมีบางรายที่นำไปโดยไม่บอก ต้องนำกลับมาคืนเพราะได้ฝันว่ามีคนไปเหยียบหน้าอกทวงของคืนถึงบ้าน บอกให้นำของกลับมาคืนที่ถ้ำแห่งนี้และท่านก็ได้บอกอีกว่าผงแป้งนี้สามารถนำมาทาผิวแก้ผดผื่นได้ด้วย ก็มีคนบางส่วนเท่านั้นที่ขอนำกลับบ้านด้วย
2. น้ำหยดจากหินย้อย : ตรงจุดนี้เป็นจุดเดียวที่มีน้ำหยดจากหินย้อย ซึ่งท่านได้นำโอ่งเล็กใบนึงมารองน้ำที่หยดลงมา ท่านบอกว่าน้ำนี้สามารถดื่มได้เหมือนน้ำดื่มปกติทั่วไป ซึ่งทุกคนก็ได้ลองดื่มดู ก็เป็นจริงอย่างที่ท่านได้บอก แต่มีบางคนบอกว่าหลังจากดื่มแล้ว มีความรู้สึกว่าโล่งจากข้างในและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนโดนล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปด้วย และนี่ก็เป็นจุดสุดท้ายของถ้ำที่ท่านได้พาเที่ยวชม ก่อนที่จะกลับออกมาจากถ้ำ......