20 มี.ค. 2021 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแห่งคลังเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำสาป หรือตำนานแปลก ๆ ที่เรามักได้ยินได้ฟังกันบ่อย ๆ วันนี้แอดมินมีวัตถุต้องคำสาปที่ไม่ว่าจะส่งไปให้ใคร คน ๆ นั้นก็ต้องมีอันเป็นไปกันทั้งตระกูล และมีกรรมพิธีในการสาปแช่งที่แสนสยดสยอง โดยวัตถุต้องคำสาปที่ว่านี้ก็คือ “กล่องโคโทริบาโกะ”
3
กล่องโคโทริบาโกะ ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1860 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอิซุโมะโนะโคคุ ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตความยากจนแถมยังถูกรุกรานจากรอบด้าน และในปลายปีนั้นเอง มีชายลึกลับผู้หนึ่งได้หนีเอาตัวรอดจากศึกบนเกาะโอกิมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านชาวบ้านจึงคิดจะกำจัด แต่ชายผู้นี้ได้ยื่นข้อต่อรองว่า “ถ้าช่วยชีวิต จะมอบอาวุธให้เป็นการตอบแทน” และอาวุธดังกล่าวก็คือโคโทริบาโกะนั่นเอง
1
ชาวบ้านไม่มีทางเลือกและคิดว่าข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยให้พวกเรารอดพ้นจากการคุกคามของฝ่ายศัตรู ชาวบ้านจึงยอมตกลงรับข้อเสนอนั้นและขอให้สอนวิธีการทำกล่องโคโทริบาโกะให้ โดยกรรมวิธีการสร้างกล่องนี้นั้นแสนสยดสยอง เพราะต้องนำชิ้นส่วนศพของเด็กมาทำ เช่น ปลายนิ้วชี้ หรือเลือดที่คั้นจากลำไส้ของเด็กอายุ 7-10 ขวบ โดยมีความเชื่อว่ายิ่งใช้เด็กจำนวนมากคำสาปยิ่งร้ายแรง ซึ่งจะมีระดับคำสาปอยู่ถึง 8 ขั้น
1
กล่องแรกที่พวกชาวบ้านสร้างขึ้นมานั้นชื่อว่า ชิปโป ใช้ชิ้นส่วนอวัยวะของเด็ก 7 คน เมื่อส่งกล่องดังกล่าวไปเก็บไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านฝ่ายตรงข้ามจะส่งผลให้เด็กและสตรีในตระกูลนั้นสำรอกเลือดและทุกข์ทรมานจนตายได้ ต่อมาเมื่อหมู่บ้านละแวกนั้นเริ่มประจักษ์ถึงพลังของโคโทริบาโกะก็เลิกล้มที่จะคุกคามหมู่บ้านแห่งนี้
1
แต่ชาวบ้านกลับยังสร้างโคโทริบาโกะต่อเนื่องมาถึง 16 กล่องเพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามารุกรานหมู่บ้านของตนเองได้อีก แต่แล้ววันหนึ่งกลับมีเด็กคนหนึ่งนำกล่องกลับมาเพราะนึกว่าเป็นของเล่นก่อให้เกิดเหตุล้มตายของสตรีและเด็กในหมู่บ้าน นั่นจึงทำให้ชาวบ้านต้องยุติการสร้างโคโทริบาโกะในที่สุด โดยโคโทริบาโกะทั้ง 16 กล่องนั้นถูกแยกย้ายไปเก็บในสถานที่ที่แตกต่างกัน
กฎของการใช้กล่องนี้มีอยู่ว่า ห้ามให้เด็ก หรือผู้หญิงเข้าใกล้ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วให้ส่งไปชำระที่วัดหรือศาลเจ้า ซึ่งระยะเวลาการชำระจะขึ้นอยู่กับความแรงของคำสาป บางกล่องต้องใช้เวลาชำระนานกว่าถึง 140 ปี
ปัจจุบันเรื่องราวของกล่องโคโทริบาโกะนี้ยังคงถูกเล่าขานอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีข่าวลือออกมาด้วยว่าเพียงแค่ค้นหาข้อมูลหรืออ่านเรื่องราวเกี่ยวกับโคโทริบาโกะก็ทำให้ล้มป่วยได้ถึงขั้นกลายเป็น “คำที่ห้ามเสิร์ชหา” เลยทีเดียว
1
แล้วคุณล่ะ กล้าพิสูจน์พลังอาถรรพ์ของโคโทริบาโกะหรือเปล่า ?
ขอบคุณข้อมูลจาก
โฆษณา