20 มี.ค. 2021 เวลา 01:00 • กีฬา
Riyad “A lone wolf” Mahrez
ในฤดูกาล 2020/2021 ที่กำลังจะจบลงโดยที่ Manchester City กำลังจะชูถ้วยแชมป์แห่งเกาะอังกฤษ โดยมีคะแนนทิ้งห่างทีมอันดับที่ 2 มากถึงประมาณ 10 คะแนน ไม่ว่าจะเป็นทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง Manchester United หรือทีมที่พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดอย่าง Leicester City แถมทีมเต็งแย่งแชมป์จากฤดูกาลที่แล้วอย่าง Liverpool ดันเจอสารพัดปัญหาทั้งเรื่องนักเตะตัวหลักบาดเจ็บ หรือปัญหาส่วนตัวของนักเตะ ทำให้ปีนี้ Manchester City ค่อนข้างจะลอยลำในการได้ถ้วยมาครอง แต่ถ้าจะบอกว่า Manchester City ทำผลงานได้ขนาดนี้เพราะทีมอื่นเจอปัญหา ก็ไม่ถูกสะทีเดียว เพราะพวกเขาก็เจอปัญหาเหมือนกับทีมอื่นๆเช่นกัน
ตอนต้นฤดูกาล Manchester City ไม่มีทั้ง 2 นักเตะตัวหลักของทีม ทั้ง playmaker ผู้เป็นทุกอย่างให้กับทีมอย่าง Kevin De Bruyne และศูนย์หน้าที่ต้องเป็นตำนานสโมสรอย่าง Sergio Kun Aguero แถมตัวสำรองอย่าง Gabriel Jesus ก็ไม่สามารถทดแทนตำแหน่งของเขาได้ จนผู้จัดการทีมอย่าง Pep Guardiola ต้องดันนักเตะคนอื่นๆ มาเล่นแทน เช่น Ikay Gundogun, Raheem Sterling, Bernardo Silva หรือดาวรุ่งอย่าง Phil Foden ที่คาดว่าจะเป็นอนาคตของทีมและทีมชาติอังกฤษ แต่หนึ่งในนักเตะหลายๆคนที่ Pep เลือกใช้นั้น Riyad Mahrez มักเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการเป็นตัวรุกทางฝั่งขวา ด้วยความเป็นตัวเองและสไตล์การเล่นที่ค่อนข้างต่างจากเพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาโดดเด่นในฤดูกาลนี้มากๆ
ย้อนกลับไปช่วงแรกที่ผมได้เห็น Mahrez เล่น คือตอนที่เขายังอยู่กับ Leicester City ที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ๆ ปีที่ได้แชมป์นักเตะที่โดดเด่นมากๆ คือ N’Golo Kante, Jamie Vardy, และ Riyad Mahrez โดยเฉพาะ Vardy กับ Mahrez ที่โดดเด่นในเรื่องการสวนกลับและการจบสกอร์ ในตอนนั้น Leicester City จะเน้นเกมรับแล้วรอสวนกลับโดยใช้สองคนนี้เป็นเป้าหมายการสวนกลับ ภาพที่เห็นเป็นประจำคือ กองหลังจะโยนบอลขึ้นหน้า และสองคนนี้ไม่คนใดคนหนึ่ง แต่ส่วนมากจะเป็น Mahrez ที่จะเก็บบอลและใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงเข้าไปยิงเอง ไม่ก็ส่งให้เพื่อนที่เติมขึ้นมายิง จนในเวลาต่อมา เรือใบสีฟ้าจึงต้องยอมทุ่มเงินเพื่อดึงเขาเข้ามาสู้ทีมในที่สุด
Riyad Mahrez เป็นนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง สามารถไปกับบอลได้ดี สามารถเอาชนะการดวล 1-1 ได้บ่อยครั้ง แต่ตัวเขานั้น ยังมีข้อเสียในเรื่องของการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ที่บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจจังหวะกัน ทำให้เสียบอลอยู่บ้าง อารมณ์คล้ายๆกับตอนที่ Luis Nani ย้ายมา Manchester United ใหม่ๆ แต่ตัวเขาก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เสมอๆ โดยเฉพาะเวลาที่เจอกับทีมเล็กๆ จากที่ผมดูมา Mahrez เป็นเหมือนนักฆ่า แบบถ้าเขารู้ตัวว่าเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ เขาจะพยายามเจาะคู่แข่งคนนั้นจนหมดความมั่นใจไปเลย แต่ในทางกลับกัน ถ้าวันไหนที่เขาฟาร์มไม่ดีหรือเล่นไม่ออก เขาก็จะหายไปจากเกมเลย
ส่วนตัวผมคิดว่า หลายๆทีมโดยเฉพาะทีมที่จะลุ้นแชมป์ควรมีนักเตะแบบนี้เอาไว้ในทีมบ้าง เพื่อสร้างความแตกต่างในวันที่ระบบของทีมนั้นใช้ไม่ได้ผล เพราะตามที่ผมคิด ทีมใหญ่ ทีมลุ้นแชมป์ควรเก็บแต้มกับทีมเล็กๆทั้งหมด และพยายามเสียแต้มให้น้อยที่สุดเวลาเจอทีมใหญ่ๆเหมือนกัน บางทีการมีนักเตะประเภทนี้ในทีมอาจจะเปลี่ยนผลจากแพ้เป็นเสมอ หรือจากเสมอเป็นเฉือนชนะก็ได้ ตอนนี้ Riyad Mahrez เองน่าจะอายุประมาณ 30 ปี ได้ ซึ่งก็เริ่มถึงช่วงท้ายของการค้าแข้งแล้ว ในอนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็คงต้องมานั่งลุ้นกันว่า เขาจะสู้ต่อที่เดิมหรือย้ายไปหาความท้าทายใหม่
ปล. ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมคิดเองจากที่เห็น อาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ผมอยากเห็นความคิดเห็นของทุกคน และนักเตะคนต่อไปที่ผมจะเขียน (กรุณาเคารพซึ่งกันและกันด้วย โลกจะได้น่าอยู่ขึ้นนิดนึง)
Riyad Mahrez
โฆษณา