20 มี.ค. 2021 เวลา 16:39 • สุขภาพ
การทูตวัคซีนของจีน กับความกังวลของประเทศมหาอำนาจ
มองบนมองล่างกันใหญ่เลยค่ะ
อะไรคือการทูตวัคซีน
ในโลกยุคโควิด-19 คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกประเทศต่างก็เร่งพัฒนาวัคซีนของตน เพราะไม่ว่าประเทศไหนๆ ตอนนี้ต่างก็ต้องการวัคซีนด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งวัคซีนที่ประเทศตนเองผลิตได้มีประสิทธิภาพ​มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งนำมาซึ่งเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลเข้าประเทศของตนมากเท่านั้น
1
การทูตวัคซีน ก็คือการที่ประเทศแต่ละประเทศมีการเชื่อมความสัมพันธ์​ระหว่างกันโดยใช้ "วัคซีน" เป็นสื่อกลาง (หรือเครื่องมือ)​ อาทิเช่น การซื้อขายหรือแจกจ่ายวัคซีน แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีความรู้เพื่อการผลิตวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น
1
จีนเป็นอีก 1 ในมหาอำนาจที่ใช้การทูตวัคซีนเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์​ระหว่างประเทศ สำนักข่าวเอพีรายงานว่านับตั้งแต่ต้นปี 2564 จีนได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประเทศต่างๆ กว่า 45 ประเทศทั่วโลก เป็นจำนวนวัคซีนรวมทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านโดส ตามรายงานของ CNBC กล่าวว่ากว่า 34 ประเทศอ​นุมัติ​ให้เริ่มใช้วัคซีน​ของจีนกับประชากรของตนเป็นที่เรียบร้อย
2
จีนคือประเทศแถวหน้าด้านการผลิตวัคซีน
ด้วยประชากรที่มากเป็นอันดับ 1 ในโลก และเป็นศูนย์กลาง​การผลิตของทุกสิ่งตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ มีหรือจะไม่พลาดที่จะลงสนามการผลิตวัคซีนนี้ ประเทศจีนผลิตวัคซีนและฉีดให้กับประชากรของตนกว่า 65 ล้านคน ซึ่งวัคซีนเหล่านี้มาจาก 5 บริษัทของจีนที่ได้รับการอนุมัติ​จากทางการจีน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ​จาก WHO เลยซักเจ้า (อ้าว) หรือไม่แม้แต่จะมีการเผยแพร่รายงานฉบับเต็มเกี่ยวกับการทดสอบทางคลีนิคระยะที่ 3 ให้กับชาวโลกได้อ่านกัน
4
ดังนั้นวัคซีนของจีนยังเป็นที่สงสัยในประสิทธิผลจากผลทดสอบทางคลีนิคระยะสุดท้าย ประเทศที่ได้วัคซีนมาบางประเทศก็อารมณ์​แบบได้มาแล้วจะใช้ดีหรือไม่ใช้ดี ในบราซิลพบว่าวัคซีนซิโนแวคสามารถป้องกันการติดเชื้อเพียง 50.65% จากกลุ่มทดสอบกว่า 12,000 คน ในขณะที่อินโดนีเซียที่มีการทดสอบในประชากรจำนวน 1,620 คน พบว่ามีอัตราป้องกันการติดเชื้ออยู่ที่ 65% ส่วนในตุรกีอยู่ที่ 83.5% ของอาสามัคร​จำนวน 1,322 คน
3
คุณหมอในประเทศตุรกีพร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค กำลังเดินทางไปในชนบทของตุรกีเพื่อทำการฉีดวัคซีนให้ชาวบ้าน / ที่มา Getty Image
ถึงแม้ผลการทดสอบจะมีความหลากหลาย และมีข้อโต้แย้งว่าเป็นเพราะประชากรที่อยู่ในกลุ่มทดสอบค่อนข้างจำกัด จีนก็จะยังคงดำเนินการทูตวัคซีนต่อไป โดยตั้งเป้าหมายการผลิดวัคซีนของตนไว้ที่ 2,600 ล้านโดสภายในปีนี้
ส่วนประเทศเป้าหมายของจีนในการส่งออกวัคซีนนั้น ไม่ได้เป็นประเทศมหาอำนาจร่ำรวยอย่างอเมริกาและประเทศใหญ่ๆในยุโรป เพราะจีนรู้อยู่แล้วว่าประเทศเหล่านั้นได้ครอบครองวัคซีนตัวท๊อปอย่างไฟเซอร์และโมเดอนา แต่กลับเป็นประเทศที่ยากจนและประเทศที่อยู่ระดับกลางๆ ที่เฝ้ารอเศษเสี้ยวของวัคซีนตัวท๊อปที่ไม่รู้ว่าจะตกทอดมาถึงประเทศตัวเองเมื่อไหร่ จีนจึงทำตัวประหนึ่งแสงเทียนที่ปลายอุโมงค์​ที่หยิบยื่นความหวังให้ประเทศเหล่านี้
1
ถึงประสิทธิภาพอาจจะน้อยกว่า แต่ก็ดีกว่าไม่มีวัคซีนเลย ประมาณนั้น
3
แต่ใครๆ ก็รู้ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ประเทศต่างๆ ที่รับวัคซีนจากจีนก็ยังมีความแคลงใจอยู่หน่อยๆ ว่ารัฐบาลจีนจะมาไม้ไหน และต้องการอะไรเป็นการตอบแทนกันแน่
กระทรวงต่างประเทศของจีนจึงออกมาบอกว่ามันเป็นความปรารถนา​ดีของจีนจริงๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่ และไม่มีการทูตวัคซีนอะไรทั้งนั้น ที่เราแจกจ่ายวัคซีนให้ล้วนแล้วแต่เป็นเจตนารมณ์​ของรัฐบาลที่เคยกล่าวว่าวัคซีนโควิด-19 ต้องเป็นสินค้าสาธารณะ​ที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้ (ตอบแบบนี้ต้องรอรับมงแล้วแหละ)
3
มงลงมาก ณ จุดนี้
วีซ่าเข้าจีนกับวัคซีนโควิด-19
แต่ๆๆๆ ก็นะ Time will tell เวลาจะบอกเราทุกสิ่งค่ะ
เอ้า เพลงมา
1
นี่เพลงอะไรน้า ลองเดาดูสิคะ
.
เวลาจะบอกกับเธอและฉันเอง
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการจีนเตรียมอนุญาต​ให้ต่างชาติเข้าประเทศ โดยที่สถานทูตจีนกว่า 23 ประเทศทั่วโลกประกาศเกณฑ์การขอวีซ่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ผู้ที่ต้องการขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศจีนนั้น จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตจากประเทศจีนเท่านั้น!!! ซึ่งกฎนี้มีผลบังคับใช้ในประเทศที่ไม่มีวัคซีนโควิดสัญชาติจีนอย่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเช่นกัน ส่วนสถานทูตจีนประจำประเทศไทยบังคับใช้กฎนี้เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564
1
หน้าเวปสถานทูตจีนประจำประเทศไทยค่ะ
กระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่ามาตรการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และถึงแม้นักท่องเที่ยวจะได้รับวัคซีนแล้วนั้น จะต้องรอให้ครบ 14 วันหลังจากการฉีดวัคซีนก่อนจึงจะสามารถขอวีซ่าได้ และจะยังต้องถูกกักตัวในสถานกักตัวของรัฐเป็นเวลา 21 วัน
1
ส่วนบุคคลที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนสัญชาติจีน จะได้รับอนุญาต​เป็นกรณีพิเศษ​ก็ต่อเมื่อบุคคลในครอบครัวเจ็บป่วยในภาวะวิกฤติ​และต้องการความช่วยเหลือ หรือจะเป็นจะต้องเข้าร่วมพิธีศพในประเทศจีน
หลังจากที่จีนออกนโยบายนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่าอ้าว ทำไมถึงอนุญาตให้แค่วัคซีนสัญชาติจีนเท่านั้นล่ะ ในเมื่อมีวัคซีนอีกตั้งหลายยี่ห้อที่ได้รับการอนุมัติจากองค์กรอนามัยโลกหรือ WHO แถมยังมีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนของจีนอีกด้วย และคนที่อยู่ในประเทศที่ไม่มีวัคซีนของจีน (เช่นในอเมริกาและอังกฤษ)​ จะทำยังไง ยังไม่รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนของเจ้าอื่นไปแล้ว หากจะต้องเข้าจีน จะต้องฉีดใหม่อีกรอบเหรอ? แล้วกลุ่มประชากรที่มีข้อขำกัดด้านวัคซีนล่ะ โอ้สารพัดร้อยแปดสิ่งที่ต้องกังวล และการทำแบบนี้เหมือนกับเป็นการกดดันกลายๆ ให้แต่ละประเทศรีบอนุมัติวัคซีนของจีนให้ใช้ได้ในประเทศของตน ซึ่งจะกลายเป็นตัวอย่าง 'การทูตวัคซีน(?)'​ ให้ประเทศ อื่นๆ ทำตาม
2
เสียงตอบรับจากประเทศพี่เบิ้มอย่างอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย​ 🇺🇸🇮🇳🇯🇵🇭🇲 ต่อมาตรการของจีน
1
หลังจากการออกกฎเกณฑ์​วีซ่าแบบใหม่ของแดนมังกร ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย​ต่างประชุมร่วมกันใน Quad Summit หรือการประชุมความร่วมมือด้านความมั่นคงของประเทศมหาอำนาจในอินโด-แปซิฟิคทั้ง 4 อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย
ที่มา Chen Xia, Global Times
ในการประชุมครั้งแรกนี้ ประธานาธิบดี​โจ ไบเดนประกาศว่าทั้ง 4 ประเทศนี้จะโอเคซิกาแรตร่วมลงทุนทางด้านการเงิน การผลิต และการแจกจ่ายวัคซีนกว่า 1 พันโดสให้กับประเทศต่างๆ ในอิโด-แปซิฟิคภายในปี 2565
ทั้งนี้ วัคซีนจะถูกพัฒนาในอเมริกา ผลิตในอินเดีย และจะอยู่ภายใต้การทูตวัคซีนของอินเดีย (ว่ากันง่ายๆ คืออินเดีย​มีสิทธิ์​แจกจ่ายให้กับประเทศไหนก็ได้)​ ซึ่งความร่วมมือนี้ว่ากันว่าออกมาเพื่อชนกับการทูตวัคซีนของจีน พร้อมกับลูกหวดของนายแอนโทนี บลิงเคน รมว. ต่างประเทศสหรัฐ​ที่ออกมาบอกว่า วัคซีน​ของจีนนั้น ไม่ได้ฟรีจริงๆ ซะหน่อย แต่มาพร้อมกับข้อผูกมัดต่างหาก และมาตรการด้านวีซ่าก็เหมือนกับข้อผูกมัดยังไงล่ะ!!!
2
ทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนรับลูกหวดและสวนกลับว่า มาตรการนี้ไม่ใช่วัคซีนชาตินิยมตามที่คนอื่นๆ กล่าวหาแม้แต่น้อย วัคซีนของเราน่ะมันเป็นวัคซีนที่ดีมากและมีประสิทธิภาพ​ด้วย (อ้าวไหนล่ะผลทดสอบทางคลีนิค)​ และประเทศจีนเรามีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะอนุมัติ​วัคซีน​ของประเทศอื่นๆ ให้ใช้ในประเทศจีนเช่นกัน แต่ประเทศอื่นๆ ก็จะต้องอนุมัติ​ให้ใช้วัคซีนจากจีนในประเทศนั้นๆ เพื่อสร้างความร่วมมือทางด้านวัคซีนร่วมกันด้วย
2
ทางฟากมหาอำนาจทางฝั่งยุโรปก็มีการออกมาตรการเกี่ยวกับวัคซีนเช่นกัน โดยที่สหภาพยุโรปจะอนุญาตให้ประชาชนของประเทศสมาชิกสามารถเดินทางระหว่างประเทศนัั้นๆได้หากมี QR โค้ดที่ระบุว่าบุคคลนั้นได้รับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติ​จากสหภาพยุโรปแล้วเท่านั้น (แน่นอนค่ะว่า ไม่มีวัคซีน​สัญชาติจีนได้รับการอนุมัติ​จากสหภาพ​ยุโรป​เลย)
1
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน อูย แซบค่ะ
2
วัคซีนโควิด-19 สู่พาสปอร์ต​ภูมิคุ้มกัน
ตอนนี้เริ่มมีคำถามว่าการออกนโยบายวีซ่าของจีนที่กล่าวข้างต้นจะนำไปสู่การออกพาสปอร์ต​ภูมิคุ้มกันเพื่ออนุญาตให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโควิดซึ่งอาจจะได้รับจากการฉีดวัคซีนหรือหายจากโควิดมาก่อนนั้น สามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในโลกได้หรือไม่
2
ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีๆ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แต่ละประเทศจำเป็นต้องหาข้อตกลงและมาตรฐานร่วมกันระหว่างประเทศว่าวัคซีนยี่ห้ออะไรที่จะนับว่ามีมาตรฐานเพียงพอ
2
ข้อเสนอแรกคือ การใช้มาตรฐาน​ของ WHO ก็แล้วกัน -​ แต่ปัจจุบันมีเพียงวัคซีนแค่ 4 เจ้าได้รับการอนุมัติ​ และที่สำคัญ ไม่มีวัคซีน​ไหนที่เป็นของจีนเลย
1
ข้อเสนอที่ 2 ก็คือให้ประเทศสมาชิก 194 ประเทศทำการโหวดเอาเลย โดยถือตามเสียงข้างมาก โดยส่วนตัวมองว่า ถ้ามาวิธีนี้จีนก็คงยิ้มออก เพราะได้เวลา "จ่ายคืน" จากบรรดาประเทศต่างๆ
2
เพราะของฟรี ไม่ มี ใน โลก ค่ะ
แต่ในปัจจุบันดูเหมือนว่าแต่ละประเทศต่างก็แยกกันใช้วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติ​ให้ใช้ในประเทศของตนเอง ไม่ได้มีการวางข้อตกลงร่วมอะไรชัดเจน และยิ่งหากแต่ละประเทศมีการบังคับให้ใช้วัคซีนสัญชาตินั้นๆ แบบจีน กะจะกลายเป็นว่าคนที่จะต้องเดินทางจะต้องฉีดวัคซีนโควิดมากกว่า 1 ชนิดเพื่อจะได้รับการอนุมัติวีซ่า โดยที่เราเองก็ยังไม่รู้ว่าผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพคืออะไร อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองวัคซีนโดยไม่จำเป็น และจะนำไปสู่การเพิ่มช่องว่างระหว่างประเทศที่สามารถเข้าถึงวัคซีน และประเทศยากจนอีกด้วยค่ะ
1
อีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ ระยะเวลาที่ร่างกายมีภูมิคุมกันต่อโควิด ทั้งจากการฉีดวัคซีนและการหายขาดจากโควิดเพราะเราเร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้กับโควิด ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ผลการวิจัยมากพอที่จะนำมาใช้เป็นหลักฐาน​ยืนยันได้
1
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีความหวัง (อันน้อยนิด)​ ว่าแต่ละประเทศจะไม่เจริญรอยตามการทูตวัคซีนของจีน และทุกประเทศควรที่จะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกข้างว่าฉีดวัคซีนของใคร (ขนาดโควิดยังไม่เลือกข้างเลย)​ ซึ่งผลสุดท้ายจะทำให้วัคซีนกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการเหยียด (racism) แทนที่จะเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ช่วยเหลือม​วลมนุษยชาต​ิจากเจ้าไวรัสโควิดก็เป็นได้
1
GIF มงลงแม่ริฮานนา
เพลงเวลา ของพี่นภ พรชำนิ https://youtu.be/J3EFJinCE90
การ์ตูนน่ารักๆ จาก https://www.globaltimes.cn/page/202103/1218327.shtml

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา