20 มี.ค. 2021 เวลา 10:45 • ประวัติศาสตร์
วันนี้เมื่อ 24 ปีที่แล้ว “ขึ้นระวางเรือหลวงจักรีนฤเบศร”
เรือหลวงจักรีนฤเบศร (HTMS Chakri Naruebet : CVH-911) เป็นเรือบรรทุกอากาศยานของราชนาวีไทย วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 มีพิธีปล่อยลงน้ำเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2539 โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จไปทำพิธี
จากนั้นได้มีการทดลองแล่นเรือร่วมกับกองทัพเรือสเปนที่โรต้า (Rota) รับมอบเรือและขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2540 โดยมีพลเรือเอก วิจิตร ชำนาญการณ์ เป็นผู้รับมอบ เรือได้รับหมายเลข 911
เรือหลวงจักรีนฤเบศรเดินทางถึงประเทศไทยในต้นเดือนสิงหาคม เรือได้เข้าประจำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2540 และในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2540 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จมาทรงเจิมเรือหลวงจักรีนฤเบศรเพื่อความเป็นสิริมงคล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเรือหลวงลำนี้ว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี และใช้คำขวัญว่า ครองเวหา ครองนที จักรีนฤเบศร
ภาพเรือหลวงจักรีนฤเบศร
เรือหลวงจักรีนฤเบศร มีระวางขับน้ำเต็มที่ 11,544 ตัน มีความยาวตลอดลำ 182.6 เมตร ความกว้างดาดฟ้าบิน 30.5 เมตร กินน้ำลึกเต็มที่ 6.2 เมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเครื่องยนต์ผสมพลังงานดีเซลและแก๊ส มีกำลัง 5,600 แรงม้าที่ความเร็วลาดตระเวณ และ 22,125 แรงม้าใช้เมื่อต้องการเร่งสู่ความเร็วสูงสุดในระยะเวลาสั้นๆ มีจำนวนอย่างละ 2 เครื่องยนต์ มีความเร็วสูงสุด 27 นอต (1 นอต เท่ากับ 1.825 กม./ชม.) เรือมีระยะทำการ 10,000 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 12 นอตและ 7,150 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 16.5 นอต
1
ยุทโธปกรณ์ และระบบป้องกัน ติดตั้งปืนใหญ่กล มาร์ค 20 ดีเอ็ม 6 ขนาด 20 มิลลิเมตร 85 คาลิเบอร์ แท่นเดี่ยว 4 แท่น
ปืนกล เอ็ม 2 เอชบี ขนาด 12.7 มิลลิเมตร แท่นเดี่ยว 2 แท่น
แท่นยิง ซาดรัล สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ มิสทรัล แท่นละ 6 ท่อยิง 3 แท่น
มีอากาศยานเมื่อเข้าประจำการ ได้แก่ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ เอส-70บี-7 ซีฮอว์ค (ฮ.ปด.1) 6 เครื่อง
เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง เอ็มเอช-60เอส ไนค์ฮอว์ค (ฮ.ลล.5) 2 เครื่อง
เครื่องบินขับไล่ขึ้นลงทางดิ่ง เอวี-8เอส/ทีเอวี-8เอส แฮริเออร์ (บ.ขล.1) 9 เครื่อง (ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว)
ภายในเรือ ประกอบด้วย โรงพยาบาลขนาด 15 เตียง ประกอบไปด้วยห้องตรวจโรค ห้องผ่าตัด ห้องเอกซ์เรย์ และห้องทันตกรรม
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างอื่นได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ขนาด 155 ตัน จำนวน 3 เครื่อง เครื่องทำความเย็นขนาด 5 ตัน จำนวน 2 เครื่อง เครื่องปรับแต่งอาการโคลงของเรือจำนวน 2 ชุดเครื่อง เครื่องผลิตน้ำจืดแบบออสโมซิสผันกลับจำนวน 4 เครื่อง
นับว่าเป็นการเสริมกำลังให้กับกองทัพไทย ทั้งในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ และช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยจากเหตุการณ์ต่างๆ
ในโอกาสนี้ผมขอนำเสนอแสนยานุภาพน่านน้ำไทยผ่านดวงตราไปรษณียากร ทั้ง 2 ชุดดังนี้ครับ
แสตมป์ชุดเรือหลวง
วันแรกจำหน่าย 20 พฤศจิกายน 2522
พิมพ์ที่ The Government Printing Bureau, Ministry of Finance, Japan
แสตมป์ชุดเรือหลวง
ชนิดราคา จำนวนพิมพ์และราคาปัจจุบัน (ยังไม่ใช้, ใช้แล้ว)
2 บาท 1,000,000 ดวง 50 บาท 30 บาท
3 บาท 1,000,000 ดวง 80 บาท 30 บาท
5 บาท 1,000,000 ดวง 170 บาท 60 บาท
6 บาท 1,000,000 ดวง 180 บาท 80 บาท
รูปเรือหลวงบนดวงแสตมป์
ชนิดราคา 2 บาท เรือมกุฏราชกุมาร
ชนิดราคา 3 บาท เรือหลวงตาปี
ชนิดราคา 5 บาท เรือหลวงปราบปรปักษ์
ชนิดราคา 6 บาท เรือ ต.๙๑
แสตมป์ชุดเรือหลวง (ชุดที่ 2)
วันแรกจำหน่าย 20 พฤศจิกายน 2557
พิมพ์ที่ Thai British Security Printing Public Company Limited, Thailand
ทั้ง 4 ดวง จัดพิมพ์ชนิดราคา 5 บาท
แสตมป์ชุดเรือหลวง ชุดที่ 2
รูปเรือหลวงบนดวงแสตมป์
แบบที่ 1 เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (หมายเลขเรือ 461)
แบบที่ 2 เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย (หมายเลขเรือ 462)
แบบที่ 3 เรือหลวงปิ่นเกล้า (หมายเลขเรือ 413)
แบบที่ 4 เรือหลวงจักรีนฤเบศร (หมายเลขเรือ 911)
ขอบคุณที่ติดตามครับ
โฆษณา