21 มี.ค. 2021 เวลา 05:40 • ธุรกิจ
“หยาง ฮุยเหยียน” จากลูกสาวครอบครัวชาวนา
สู่มหาเศรษฐีนีอาณาจักรอสังหาฯ ที่ร่ำรวยที่สุดของจีน
ถ้าพูดถึงบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน ก็คงมีหลายคนนึกไปถึงเจ้าพ่ออี คอมเมิร์ซ และธุรกิจการเงินแห่ง “อาลีบาบา” และ “แอนท์ กรุ๊ป” อย่าง “แจ็ค หม่า” ที่แม้ว่าวันนี้จะต้องเจอกับการถูกรัฐบาลจีนเล่นงานกลับในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งการจะยึดเอาบริษัทการเงินของเขาไปเป็นส่วนหนึ่งในกิจการของรัฐบาลจีนก็ตาม ชื่อของหม่าก็ยังคงเป็นที่พูดถึงและภาพจำของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของจีนอยู่ดี ในฝั่งของฝ่ายผู้ชาย แม้ว่าจะมีเจ้าของอาณาจักรยักษ์น้ำดื่มหนงฟู่ อย่าง “จง ซานซาน” ขึ้นมาชิงอันดับหนึ่งแบบชั่วคราวบ้างในบางครั้ง
1
แต่ถ้าหากถามว่าใครคือมหาเศรษฐีนีที่ร่ำรวยที่สุดของจีนในฝ่ายผู้หญิงล่ะ หลายคนคงนึกไม่ออกแน่ๆ ว่าเธอคือใคร และเส้นทางกว่าที่เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้หญิงชั้นแนวหน้าของแวดวงธุรกิจแดนมังกรนั้นมีความเป็นมาอย่างไร
1
วันนี้ Reporter Journey จะพาไปรู้จักเธอกัน
“หยาง ฮุยเหยียน” ชื่อนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่นักของคนทั่วไป แต่สำหรับในประเทศจีนแล้ว ชาวจีนรู้จักเธอดีในฐานะสตรีเหล็กแห่ง Country Garden Holdings เครือบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ครอบคลุมในหลายๆ หน่วยธุรกิจด้วยกันทั้ง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การก่อสร้าง, การตกแต่งภายใน, การจัดการทรัพย์สินและการดำเนินงานโรงแรม
5
แต่กว่าที่เธอจะขึ้นมายืนอยู่จุดสูงสุดของชีวิตได้นั้นไม่ใช่ว่าเธอเกิดหรือเติบโตในตระกูลเศรษฐีมีอันจะกินแล้วมานั่งสานต่อธุรกิจครอบครัว แต่เธอคือลูกสาวชาวไร่ชาวนาในชนบทที่ไม่ได้มีฐานะความมั่นคงทางการเงินหรือมีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตเลย
1
เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว เกิดและเติบโตที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในปี 1981 โดยมีพ่อ “หยาง กั๊วะเฉียง” ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ทำงานเป็นคนงานในร้านรับเหมาก่อสร้าง แม่ของเธอเป็นชาวนาธรรมดาๆ ส่วนเธอต้องช่วยแม่ทำนาตั้งแต่ยังเด็กๆ
ตอนที่เธออายุได้ 5 ขวบพ่อของเธอขึ้นตำแหน่งใหม่เป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งก็ทำให้มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดที่จะทำให้สมาชิกในบ้านใช้จ่ายอย่างสะดวกสบาย และไม่เคยต้องให้ลูกสาวมาขอเงินใช้แบบไม่ทำงานช่วยเหลือตัวเอง
1
หยางและแม่ยังคงต้องทำไร่ทำนาต่อ จนกระทั่งเข้าโรงเรียน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอจะต้องหาเงินเรียนเองตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีที่บ้านช่วยเหลือเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
.
ด้วยการที่ผู้เป็นพ่อมีความรอบรู้เกี่ยวกับอาชีพที่ทำ จากพนักงานร้านวัสดุก่อสร้างท้องถิ่นธรรมดาๆ เขาเริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการเป็นบริษัทด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในยุคปี 1990 พ่อของหยางเริ่มเป็นบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Country Garden Holdings ตอนที่เธออายุได้ 9 ขวบ
1
ด้วยอุปนิสัยของคนจีนที่จะต้องให้ทายาทในครอบครัวเรียนรู้ธุรกิจของที่บ้านตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของหยางเริ่มให้เธอเรียนรู้ธุรกิจทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกของการเป็นเจ้าของกิจการ ในวันที่ธุรกิจเติบโตขึ้น ตัวเธอเองก็เติบโตไปพร้อมกับกิจการครอบครัวด้วย เรียกได้ว่าเธออยู่กับวงการอสังหาฯ มาตั้งแต่ยังดูดขวดนม จนโตเป็นสาว
1
ในขณะที่ Country Garden Holdings ก็เริ่มทีชื่อเสียงมากขึ้น รับงานก่อสร้างต่างๆ มากมาย ตัวของหยางซึ่งมีความสนใจในธุรกิจด้านนี้อยู่แล้วเธอจึงถูกส่งไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอ สาขาการตลาดและโลจิสติกส์ และเมื่อเรียนจบเธอก็กลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวในปี 2003
เธอเริ่มดำรงตำแหน่งผู้จัดการแผนกจัดซื้อ ก่อนจะค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมานำแหน่ง Executive Director ในปี 2006 และใช้เวลาอีก 12 ปี ขึ้นสู่ตำแหน่ง Vice Chairman และ Co-Chairman ในปี 2018 นับเป็นตำแหน่งสูงสุด
2
ปัจจุบันเธอมีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท และการสำรวจธุรกิจใหม่ที่น่าลงทุน เช่น ธุรกิจค้าปลีก และมีส่วนสนับสนุนบริษัทในการพัฒนาที่ยั่งยืน
แต่จุดที่ทำให้หยางเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจก็คือ ในปี 2005 พ่อของเธอตัดสินใจโอนหุ้นและทรัพย์สิน 70% ของตัวเองให้เธอ หลังจากนั้นหยางก็พาบริษัทนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
และเมื่ออยู่ไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในจีนในปี 2007 ด้วยอายุเพียง 25 ปี
ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและประธานคณะกรรมการของ Bright Scholar Education Holdings Limited ซึ่งเธอได้พาธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายน 2560 ตามลำดับอีกด้วย
1
ปัจจุบันเธอคือผู้หญิงวัย 40 ปี ที่ร่ำรวยที่สุดบนแผ่นดินมังกรและระดับเอเชีย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 31,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.84 แสนล้านบาท และอยู่ในอันดับที่ 8 ของมหาเศรษฐีจีนจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ในปี 2020
1
หลายคนอาจมองว่าเธอโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ผู้เป็นพ่อมีวิสัยทัศน์ในการอยากเป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่วันที่ครอบครัวยังไม่มีอะไรมั่นคง แต่เธอเองคือผู้สานต่อธุรกิจให้มั่งคั่งแตะเติบมากกว่าที่รุ่นพ่อเคยทำมาเป็นเท่าตัว จากการที่พ่อปลูกฝังแนวคิดการทำงานตั้งแต่ยังเด็ก จับเธอไปนั่งประชุมงานเพื่อให้ซึมซับบรรยากาศของธุรกิจ และให้เธอเรียนรู้ไต่เต้าในกิจการของตัวเองมาตั้งแต่เป็นพนักงานระดับล่าง ใช้เวลาเกือบ 20 กว่าจะขึ้นสู่ระดับสูง และพาธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้
คำว่าโชคคงเป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ถ้าเธอไม่มีฝีมือก็คงจะมาอยู่จุดนี้ไม่ได้แน่นอน
โฆษณา