Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
LivingPop
•
ติดตาม
21 มี.ค. 2021 เวลา 22:15 • อสังหาริมทรัพย์
Retention และ Refinance ต่างกันอย่างไร ถ้าจะเลือกควรเลือกแบบไหน? 💰💎⚖️
ทุกๆ 3 ปีโดยประมาณ คนที่กู้ซื้อที่อยู่อาศัย จะต้องถึงวาระที่ต้องไปคุยกับธนาคาร เพื่อปรับรูปแบบการผ่อนชำระใหม่อีกครั้ง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และอาจจะเป็นการลดเงินต้นลงด้วยการเจรจาเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้รอบใหม่กับทางธนาคาร ซึ่งมีอยู่ 2 แบบที่เราใช้กันคือ
“Retention หรือ Refinance”
2 สิ่งนี้ต่างกันอย่างไร เราจะสรุปสั้นๆ ก่อนดังนี้
#Retention 📉 : ทำสัญญาลดดอกเบี้ยใหม่กับธนาคารเดิม
#Refinance 📄 : ทำสัญญากู้เงินกับธนาคารใหม่ อัตราดอกเบี้ยใหม่
พอจะเห็นภาพคร่าวๆ แล้วใข่ไหมครับ ว่าสองเงื่อนไขนี้จะทำให้เราได้อะไรกลับมาบ้าง ทีนี้เราจะมาเจาะรายละเอียดกันเป็นข้อๆ เลยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น สำหรับประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 3 ปี ไปดูกันเลย
📉 Retention
รีเทนชั่น เป็นการต่อรองดอกเบี้ยใหม่กับธนาคารเดิม ซึ่งมีผลต่อยอดผ่อน และอัตราดอกเบี้ยจากสัญญาเดิม จะต่อรองได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับธนาคาร แต่โอกาสได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า รีไฟแนนซ์นั้นมีน้อยมากๆ (หรือแทบไม่มีเลย) 😢
รวมถึงอัตราผ่อนต่อเดือนก็สูงกว่าการรีไฟแนนซ์อีกนะครับ จากข้อมูล และประสบการณ์ เราไม่เคยเจอการรีเทนชั่นที่ให้ดอกเบี้ยดีกว่ารีไฟแนนซ์เลย (ถ้ามีหลังไมค์มาหน่อย ผมจะครบ 3 ปีรอบใหม่แล้ว)
อ้าว...ดูไม่ค่อยโอเคเลยนี่นา งั้นจะรีเทนชั่นไปทำไม ไปรีไฟแนนซ์ไม่ดีกว่าเหรอ
รีเทนชั่นก็มีข้อดีครับคือ
1. ไม่ต้องเตรียมเอกสารเลย แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็ทำเรื่องได้
อนุมัติค่อนข้างไว ราว 1 สัปดาห์ก็ทราบผล
ถ้าประวัติการผ่อนดี ก็มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้เยอะ
รีเทนชั่นอาจจะลดดอกเบี้ยได้ไม่มาก สมมติว่าดอกเบี้ยใหม่ในปีที่ 4 อยู่ที่ 5% อย่างมาก ธนาคารก็ลดให้ได้อีกนิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับการกู้ใหม่ด้วยการรีไฟแนนซ์ ยังไงก็ดอกเบี้ยไม่เท่ากันอยู่แล้ว
แต่ที่ได้มาคือความสะดวกและไม่เสียค่าดำเนินการเพิ่มมากเท่าการรีไฟแนนซ์ครับ
📄 Refinance
อย่างที่บอกไปในตอนแรก รีไฟแนนซ์ก็คือการยื่นขอกู้ใหม่กับธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ธนาคารเดิมที่เราเป็นลูกหนี้ เงื่อนไขต่างๆ ที่ธนาคารใหม่ให้มาก็เหมือนกับการกู้ใหม่ หรืออาจจะมีเงื่อนไขพิเศษมาให้อีก ขึ้นอยู่กับธนาคาร
สิ่งที่ดูวุ่นวายในการรีไฟแนนซ์คือ “การยื่นเอกสาร” ครับ
➡️ การรีไฟแนนซ์ = การยื่นกู้ใหม่อีกรอบ ⬅️
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องเตรียมก็มีทั้งเอกสารการกู้เงินใหม่ทั้งหมดที่ธนาคารขอ สลิปเงินเดือน ภงด.90 ย้อนหลัง สเตทเมนต์การเดินบัญชี และอื่นๆ เพื่อพิจารณาใหม่ทั้งหมด ระยะเวลาในการพิจารณาก็นานหน่อย
แน่นอนว่าพอเป็นการยื่นกู้ใหม่ สิ่งที่ผู้กู้จะต้องเสียแน่ๆ เมื่อกู้ผ่านก็คือ...ค่าจดจำนอง 1% และค่าอากรสแตมป์
บางคนอาจจะมองว่ายุ่งยาก และต้องเสียค่าจดจำนองใหม่ตั้งหลายหมื่น สมมติว่ายอดกู้ 3,000,000 บาท ก็ต้องเสียค่าจดจำนองประมาณ 30,000 บาท เสียดายเงินจัง งั้นรีเทนชั่นคุ้มกว่าไหม ไม่ต้องเสียอะไร
อ่ะ มาดูข้อดีชัดๆ ของการรีไฟแนนซ์ ประกอบการตัดสินใจ
ได้ดอกเบี้ยอัตราใหม่ที่ถูกกว่ารีเทนชั่น
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการผ่อนต่อเดือน
มีโอกาสเลือกธนาคารที่หลากหลายกว่ารีเทนชั่น
1
รีไฟแนนซ์ ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ก็คือการจดจำนอง 1% ที่หลายคนไม่อยากจ่ายเงินก้อน แต่ถ้าเอามาคำนวณดูดีๆ อาจจะเห็นว่า รีไฟแนนซ์อาจจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาวก็ได้ครับ
🧐 แล้วเราควรจะ Retention หรือ Refinance?
คำถามนี้โดนถามบ่อยมากๆ ... ก็ขึ้นอยู่กับคุณเลยครับ ว่าอยากจะลดดอกเบี้ยมากๆ แล้วยอมเสียเวลาเตรียมเอกสาร หาธนาคารใหม่ หรือไม่อยากจะเสียเวลาทำสัญญาใหม่ และรับได้กับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเดิม
2
แต่ถ้าตอบแบบจริงจัง ก็มีกูรูหลายคนแนะนำมาค่อนข้างหน้าสนใจ และสรุปออกมาได้ดังนี้
ถ้ายอดเงินกู้ยังเหลือเยอะ เช่นเพิ่งผ่อนมาได้ 3 ปี เงินต้นยังหายไปไม่มาก แนะนำให้รีไฟแนนซ์ เพื่อลดดอกเบี้ย และลดเงินผ่อนต่อเดือน
ถ้ายอดกู้ลดลงไปมากแล้ว เช่นจากหนี้ 3 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาท การ รีเทนชั่น อาจจะดีกว่า เพราะไม่คุ้มกับค่าดำเนินการที่ต้องเสียไป
ทีนี้ก็ลองมาดูเงื่อนไข และความต้องการของคุณดูครับ ว่าอยากจะ ‘Re’ แบบไหน
ซึ่งถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ผมก็คิดว่าน่าจะมีคำตอบในใจกันอยู่แล้วครับ 😁
10 บันทึก
11
11
10
11
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย