รู้ไหม? คนไทยกว่า 80% เสี่ยงเป็นโรคลำไส้แปรปรวน
รู้สึกว่าตัวเองป่วย เป็นนู่นเป็นนี่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ก็ปวดท้อง ลำไส้ เดี๋ยวก็ท้องเสีย คิดว่าต้องป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างแน่ ๆ ไปหาหมอตรวจร่างกาย กลับไม่พบความผิดปกติ ตรวจไม่เจอ หมอก็ตรวจให้ทุกวิธีที่จะตรวจได้แล้ว แต่ทำไมร่างกายก็ยังไม่ปกติ บางคนก็ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร แต่ก็ปวดโน่นปวดนี่ ปวดท้องไปเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระบางทีก็หายเอง หรือท้องเสียหนัก ๆ ไปรักษาแล้วก็หายแต่อีกสักพักก็กลับมาเป็นอีก วนลูปเป็นวงกลมไม่รู้จักจบ แม้จะใช้ชีวิตได้ปกติแต่ก็รู้สึกรำคาญเพราะมันไม่หายสักที เคยมีประสบการณ์กับปัญหาแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า
.
เชื่อเลยว่า 80% ของคนไทยเคยเป็นปัญหาแบบนี้ บางคนมีอาการแต่ไม่เคยไปพบแพทย์เลยสักครั้ง เพราะบางทีก็หายเองหรือมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูกไม่มากเลยไม่ได้คิดว่าตนเองจะเป็นโรคอะไรชัดเจน แต่เคยสังเกตไหมว่าอาการนั้นไม่เคยหายไปอย่างถาวร มักจะกลับมาเป็นซ้ำ ๆ หรือเป็นเรื้อรังตลอดชีวิต ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคที่เรียกว่า “ โรคลำไส้แปรปรวน ”
.
เป็นโรคของลำไส้ที่ทำงานผิดปกติ อาจเกิดจากการบีบตัวหรือการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก หรือระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า เช่น หลังกินอาหารเสร็จปกติลำไส้จะมีการบีบตัวเพิ่มขึ้นอยู่แล้วแต่ในผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน จะมีการบีบตัวของลำไส้มากขึ้นจนมีอาการปวดท้องและท้องเสีย เป็นต้น ซึ่งนอกจากอาหารแล้วตัวกระตุ้นอื่นที่สำคัญ คือ “ ความเครียด ” ในภาวะที่ลำไส้ทำงานไม่ปกติ ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติไปด้วย มีการศึกษาพบว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ นอกจากทำหน้าที่ย่อยอาหารแล้วจะมีการหลั่งของสารสื่อประสาทเหมือนในสมอง ทางการแพทย์จึงเรียกว่า Second Brain หรือสมองอันที่สอง โดยหลั่งสารที่เกี่ยวกับจิต ประสาท อารมณ์ การนอน ความรู้สึก ซึ่งเราอาจคิดว่าร่างกายทำงานแยกกันเป็นส่วน ๆ หัวก็หัว ท้องก็ท้องไม่เกี่ยวกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เช่น บางคนเครียดก็ปวดท้องหรือท้องเสีย เป็นเพราะระบบประสาทมันเชื่อมกันอยู่ทั่วร่างกาย จึงทำให้เมื่อตรวจส่องกล้องในลำไส้แล้วไม่พบอาการอักเสบ ไม่มีแผล ไม่มีเนื้องอก หรือเป็นโรคอื่นที่สัมพันธ์กัน สร้างความรำคาญและความวิตกกังวลมากว่าทำไมเป็นโรคแล้วไม่หายสักทีแม้ได้ยารักษา
.
ในประเทศไทยมีข้อมูลค่อนข้างน้อยในการศึกษาเรื่องนี้ พบได้ประมาณร้อยละ 7 ของประชากร แต่ถ้าศึกษาเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียเรื้อรังแล้วมาพบแพทย์จะพบว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ถึงร้อยละ 10-30 ตีเป็นตัวเลขคือไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งอาจจะเป็นการประมาณที่ต่ำกว่าเป็นจริง เพราะว่าในรายที่มีอาการไม่มากอาจคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นโรคนี้ ทำให้ปัจจุบันเมื่อแพทย์ตรวจแล้วมีโรคเรื้อรังต่าง ๆ รักษาแล้วไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น จะต้องมาดูที่ลำไส้ก่อนเป็นอันดับแรก
.
และยังมีการพบว่า การที่ลำไส้แปรปรวนเกี่ยวเนื่องกับระบบสมดุลจุลินทรีย์ภายในลำไส้ เมื่อมีจำนวนจุลินทรีย์ไม่ดีในลำไส้มากกว่าจุลินทรีย์ที่ดี จะส่งผลให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมและย่อยอาหารได้เต็มที่ เกิดการตกค้างของกากอาหารในลำไส้ อุจาระจุงมีลักษณะแข็ง หรือไม่ก็เหลวจนเป็นน้ำ การขับถ่ายจึงลำบาก ถ่ายได้ไม่สุด และกลายเป็นท้องผูก ท้องเสียในที่สุด การนำจุลินทรีย์ชนิดดีอย่าง Probiotic มาใช้ในการรักษาลำไส้แปรปรวน จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เป็นปกติ ลดการอักเสบ บรรเทาและป้องกันการเกิดโรคลำไส้แปรปรวน ท้องเสีย ท้องผูก ลำไส้อักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
หากชอบบทความของเรา อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม คอมเมนต์
เพื่อช่วยให้เราพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยนะคะ 💙💙
ติดตาม The NA Group ผ่านทาง Facebook ได้ที่
หรือทางเพจ https://nathailand.com/
#THENATHAILAND #THENA
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
